กองทุนประกันสังคมของไทย : สถานการณ์ ปัญหา และทางออกสู่อนาคต

บทความพิเศษ | เทวินทร์ อินทรจำนงค์

 

กองทุนประกันสังคมของไทย

: สถานการณ์ ปัญหา และทางออกสู่อนาคต

 

วิกฤตความยั่งยืน

ของกองทุนประกันสังคมไทย

กองทุนประกันสังคมของไทยเป็นหนึ่งในกองทุนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีเงินสะสมมากกว่า 2.6 ล้านล้านบาท และมีผู้ประกันตนกว่า 24 ล้านคน อย่างไรก็ตาม กองทุนกำลังเผชิญความท้าทายด้านความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นสวนทางกับรายรับของกองทุน

ข้อมูลจากปี 2568 ระบุว่า รายรับของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่รายจ่ายสูงถึง 500,000 ล้านบาท โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และบำนาญชราภาพ ที่อยู่ในภาวะขาดดุลอย่างต่อเนื่อง

งานวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ และ TDRI คาดการณ์ว่า หากไม่มีการปฏิรูประบบ เงินกองทุนอาจหมดลงภายในปี 2588-2597 ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานวัยเกษียณในอนาคต

ปัจจัยหลักที่ทำให้กองทุนประกันสังคมเสี่ยงต่อการล่มสลาย ได้แก่

โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ โดยจำนวนผู้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี ขณะที่จำนวนแรงงานที่จ่ายเงินสมทบลดลง

ระบบบำนาญแบบ “Defined Benefit” ที่ให้ผลตอบแทนแบบตายตัว ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของประชากร

รายจ่ายด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี ทำให้กองทุนต้องจ่ายเงินสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ

หากไม่มีการปฏิรูประบบ รัฐบาลอาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่าง ลดสิทธิประโยชน์ หรือ เพิ่มอัตราเงินสมทบ ซึ่งทั้งสองทางเลือกอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานไทยและนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม

 

ข้อกล่าวหาและปัญหา

การบริหารจัดการกองทุน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองทุนประกันสังคมถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และประสิทธิภาพของการใช้จ่ายงบประมาณ

1. การใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่โปร่งใส

ข้อมูลจากงาน “HACK งบฯ ประกันสังคม” เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจัดโดย ส.ส.รักชนก ศรีนอก (พรรคประชาชน) เปิดเผยว่า มีการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยขาดความโปร่งใส เช่น

งบฯ ดูงานต่างประเทศ 2.2 ล้านบาท สำหรับเจ้าหน้าที่ 10 คน เป็นเวลา 6 วัน 5 คืน

ค่าเดินทางเฟิร์สต์คลาส 160,000 บาทต่อคน ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดถึง 60,000 บาท

งบฯ ประชาสัมพันธ์ 55 ล้านบาท สำหรับทำปฏิทินประจำปี 2567 และย้อนหลัง 8 ปีใช้งบฯ รวมกันไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท

2. ความล้มเหลวของเทคโนโลยีและการบริการ

โครงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น SSO Plus ซึ่งใช้งบประมาณ 276 ล้านบาท ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากคะแนนรีวิวต่ำเพียง 1.5 ดาว

ไม่สามารถใช้งานได้จริง เช่น สแกนจ่ายเงินสมทบยังใช้งานไม่ได้ ทำให้แรงงานต้องไปจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ

ระบบขาดความเชื่อมโยงกับโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ประกันตนไม่ได้รับความสะดวกสบายอย่างที่ควรจะเป็น

3. การขาดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของผู้ประกันตน

นักวิชาการ เช่น รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ซึ่งเป็นบอร์ดประกันสังคมฝ่ายผู้ประกันตน ให้ความเห็นว่า ปัญหาหลักของกองทุนไม่ใช่แค่เรื่องเงินจะหมด แต่คือความเชื่อมั่นที่ต่ำลง เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลด้านการลงทุนและการใช้จ่ายงบประมาณบริหารจัดการปีละ 5,000 ล้านบาท

การบริหารกองทุนถูกครอบงำโดยหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ขาดการมีส่วนร่วมของแรงงาน

4. สิทธิประโยชน์ที่ไม่เพียงพอและไม่เท่าเทียม

ผู้ประกันตนวิจารณ์ว่า สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคมด้อยกว่าสิทธิ 30 บาทรักษาทุกโรค

ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 ได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันอย่างไม่เป็นธรรม

 

ทางออกสู่อนาคต

: ปฏิรูปเพื่อความยั่งยืนและโปร่งใส

เพื่อให้กองทุนประกันสังคมอยู่รอดและเป็นธรรมต่อแรงงาน มีข้อเสนอแนะดังนี้

1. เพิ่มความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม

สปส.ควรเปิดเผยรายงานการลงทุนและการใช้จ่ายงบประมาณทุกไตรมาส จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอิสระ ที่ประกอบด้วยแรงงาน นักวิชาการ และตัวแทนภาคเอกชน

2. ปรับโครงสร้างการบริหารและการลงทุน

แปลง สปส.จากหน่วยงานราชการเป็นองค์กรอิสระ ที่ตรวจสอบได้

เปลี่ยนระบบบำนาญจาก Defined Benefit เป็น Defined Contribution เพื่อให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ

3. ยกระดับสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน

ขยายสิทธิการรักษาพยาบาล ให้ครอบคลุมโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง และเพิ่มงบประมาณให้โรงพยาบาลเอกชน

ปรับปรุงระบบแอพพลิเคชั่น ให้รองรับการชำระเงิน ตรวจสอบสิทธิ และยื่นขอรับบริการในที่เดียว

4. เพิ่มการมีส่วนร่วมของภาครัฐ

รัฐบาลควรสมทบเงินเข้ากองทุนในอัตรา 5% เท่ากับนายจ้างและลูกจ้าง

เร่งรัดการชำระหนี้สมทบค้างจ่ายจากรัฐ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของกองทุน

 

สรุป : ปฏิรูปวันนี้ ก่อนจะสายเกินไป

กองทุนประกันสังคม เป็นรากฐานสำคัญของระบบสวัสดิการไทย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น การใช้จ่ายที่ไม่โปร่งใส การขาดการมีส่วนร่วมของแรงงาน และความไม่เท่าเทียมของสิทธิประโยชน์ ได้สร้างความไม่ไว้วางใจในหมู่ผู้ประกันตน

แม้กองทุนจะมีเงินสะสมกว่า 2.6 ล้านล้านบาท แต่หากไม่มีการปฏิรูปที่จริงจัง เงินกองทุนอาจหมดลงในอีก 20-30 ปีข้างหน้า นำไปสู่วิกฤตแรงงานวัยเกษียณ และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

การปฏิรูปกองทุนประกันสังคม ไม่ใช่เพียงเรื่องของตัวเลขทางบัญชี แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐให้ความสำคัญกับแรงงานไทย และพร้อมจะปกป้องอนาคตของพวกเขา

ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป