MatiTalk รังสิมันต์ โรม จากตั๋วช้าง สู่การต่อสู้ทุนสีเทาไทย-จีน หวังสร้างอนาคตที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

รายงานพิเศษ

 

MatiTalk รังสิมันต์ โรม

จากตั๋วช้าง สู่การต่อสู้ทุนสีเทาไทย-จีน

หวังสร้างอนาคตที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

 

“ผมแค่ทำหน้าที่ของผม ส่วนตัวผมระลึกเสมอว่าผมเป็น ส.ส.ของทุกคน แล้วผมไม่ได้รู้สึกแค่ว่าเราต้องทำหน้าที่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเราเป็น ส.ส.เราก็ต้องทำหน้าที่สำหรับทุกคนให้ได้ ทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเรา และให้การทำงานเป็นเครื่องมือพิสูจน์”

ผมเองก็ยืนยันว่าในการทำหน้าที่ก็ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา แล้วคิดเสมอว่าทุกๆ วันของการทำงาน มันคือวันสุดท้ายของเรา ดังนั้น ไม่มีกั๊ก ทำเต็มที่ตลอด”

รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ MatiTalk มติชนสุดสัปดาห์

 

จากตั๋วช้าง

สู่การเปิดโปงจีนเทา ไทยเทา

รังสิมันต์ โรม บอกว่า เรื่องตั๋วช้างก็คือเรื่องไทยเทา คือเรื่องการคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ ถ้าเราอยากจะเข้าใจว่าทำไมเราเจอปัญหาจีนเทา ก็เพราะว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องทำหน้าที่ในการเป็นเหมือนเม็ดเลือดขาวที่คอยฆ่าเชื้อโรค แต่ถ้าไม่ฟังก์ชั่นก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหตุผลง่ายๆ เลยก็เพราะว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง ที่ทำให้ตำรวจต้องพึ่งพาลำไพ่พิเศษ และที่ได้เงินมากที่สุดก็คือธุรกิจสีเทาหรือสีดำ เป็นเหมือนซีรีส์เรื่องเดียวกัน เป็นมหากาพย์ความเทาๆ ที่มันเกิดขึ้นในทุกมิติ ที่ ณ วันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ

อย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เราก็จะเห็นว่ามีตำรวจบางนายก็เข้าไปเกี่ยวพันกับกาสิโน เกี่ยวพันกับธุรกิจที่สุ่มเสี่ยงว่าอาจจะผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นในเมืองเมียวดี

ตำรวจรายนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ Connection เครือข่ายอำนาจต่างๆ

โรมอธิบายถึงการเปิดเผยเรื่องตั๋วช้างว่า เป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจมาโดยตลอด

เราอยากรู้ว่าตำรวจที่เราเห็นว่าเขามีปัญหาต่างๆ มีเรื่องไม่ดีต่างๆ ออกมามากมาย มันมีสาเหตุมาจากอะไร

มันก็แสดงให้เห็นว่าปัญหาเรื่องตั๋วมันทำลายตำรวจที่มีความสามารถแต่ไม่มีเส้นสาย ทำให้ตำรวจที่เป็นตำรวจน้ำดีอย่าง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ต่างประเทศ

ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็ทำให้เราเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของสังคมก็อาจจะรู้สึกว่าเราก็ไม่ปลอดภัยเหมือนกัน ถ้าสุดท้ายตำรวจเขาสยบยอมกับผู้มีอิทธิพล สยบยอมกับธุรกิจสีเทาดำ เราเองซึ่งเป็นสมาชิกของสังคม คงไม่มีใครที่จะอยู่ในสังคมนี้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน

พอเป็นเรื่องคอลเซ็นเตอร์มันง่ายมาก เป็นเรื่องที่เราทุกคนเจอปัญหาอย่างเดียวกัน เป็นปัญหาที่ไม่น่าจะมีใครได้ประโยชน์ เว้นแต่ว่าคุณรับส่วยจากคอลเซ็นเตอร์ แต่ว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไรจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วมันเป็นปัญหารากฐานสังคมที่ทำให้สังคมนี้ยากจนมากยิ่งขึ้น

เมื่อมันเป็นแบบนี้ผมคิดว่าเรื่องคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ และผมในฐานะทำหน้าที่เป็นประธาน กมธ.ความมั่นคง จึงเป็นเหตุผลว่าเราก็ต้องลุย

เรื่องนี้ประจวบเหมาะว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ตามแนวชายแดน เป็นที่มาว่าถ้าเราสามารถทำลายเรื่องนี้ได้ บางทีเราก็สามารถลากไส้พวกคุณสีเทา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการสะสมความมั่งคั่งเพื่อเอาไปซื้อตั๋วหรือเพื่อเอาไปใช้ในการสร้างเส้นสายอำนาจในการที่จะปกป้องเครือข่ายธุรกิจสีเทาดำของตัวเองต่อไปได้

 

ทำไมก่อนหน้านี้

ไม่มีใครคิดที่จะทำอะไรสักอย่าง?

ต้องยอมรับเรื่องสีเทาๆ เป็นปัญหาที่หมักหมม ส่วนหนึ่งไม่มีคนที่สามารถไปจัดการกับเรื่องนี้ได้ ถ้าเราดูการเมืองการปกครองของเรา เราเจอกับระบบรัฐประหาร อย่าว่าแต่คุณตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจรัฐเลย คุณแค่พูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของคุณยังไม่มีเลย ในช่วงนั้นคุณแค่ไปกินแซนด์วิชในพื้นที่สาธารณะ ถึงแม้ว่าโดยเนื้อในของมันคือการต่อต้านผู้มีอำนาจ คุณยังถูกจับเลย

ดังนั้น เมื่อวันเวลาผ่านมาถึงตอนนี้ เราก็ต้องยอมรับว่าระบบที่ไม่โปร่งใสของประเทศเรา บวกกับการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ไม่มีใครสามารถพูดได้ มันก็เป็นสาเหตุของปัญหาสำคัญที่ทำให้ปัญหาพวกเนี้ยอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้

การที่เราพูดแล้วรัฐหันมาทำ มันก็เหนื่อยนะ! ถามว่าเราก็คิดครบลูปแล้วก็เห็นภาพทั้งหมดว่ามันต้องทำอะไรบ้าง แต่ปัญหาก็คือว่าวันนี้เราก็ต้องมาจี้ทีละอย่าง แล้วกว่าจะได้แต่ละขั้นมันยากเย็นแสนเข็ญ แต่ว่าก็ดีกว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

แต่ก็เสียใจว่าถ้าเรามีอำนาจมากกว่านี้ ปัญหาพวกนี้คงจบไปนานแล้ว

วันนี้เราก็คงต้องทำ ช่วยกันจนกว่าพวกทุนสีเทาพวกนี้มันจะหมดไป

ความอันตรายมันก็มี คือถ้าคุณเป็นฝ่ายบริหาร โอกาสที่พวกทุนสีเทาที่จะย้อนกลับมาทำร้ายคุณมันยากกว่า แต่เมื่อเป็นฝ่ายค้านมันก็มีโอกาส เราก็ต้องระมัดระวังตัวเองในเรื่องนี้

 

การปราบไทยเทา จีนเทาให้เป็นศูนย์

เป็นได้ไหม?

ผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่แค่ผลลัพธ์อย่างเดียว แน่นอน ผลลัพธ์สำคัญเป็นตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมที่สุดว่าเรามาถูกทาง เครื่องมือที่เราใช้มันมีประสิทธิภาพหรือเปล่า แต่สำคัญคือต้องดูในเชิง mechanism ในเชิงระบบกระบวนการต่างๆ ด้วย ซึ่งเราต้องยอมรับว่าการจัดการกับปัญหาทุนสีเทามันไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราทำไม่ได้ แต่ที่ผ่านมามันเหมือนมีตัวห้ามล้อไปเบรกเอาไว้อยู่ ทำให้รถเคลื่อนไม่ได้

ดังนั้น เราต้องเอาเบรกนั้นออกแล้วเราก็ต้องพยายามออกแบบระบบที่ทำให้สุดท้าย เจ้าหน้าที่รัฐสามารถที่จะทำหน้าที่ของเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งมันอาจจะสะท้อนออกมาผ่านการเป็นตัวชี้วัด แทนที่จะเป็นเรื่องของเงินซื้อตำแหน่ง มันก็อาจจะเป็นเรื่องของใครทำผลงานได้มากกว่ากัน เราจะต้องมีสมุดพกตำรวจ การประเมินจากเดิมที่มันประเมินกันอยู่ไม่กี่คน ฝากกันได้วิ่งกันได้ มีตั๋วกันได้ การประเมินอาจจะต้องมีวิทยาศาสตร์มากขึ้น มีความโปร่งใสมากกว่านี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้

ผมคิดว่าทิศทางเหล่านั้นเป็นทิศทางที่จะทำให้ระบบในการที่จะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านคุณสีเทาสามารถใช้ได้จริง ส่วนตัวผมเดี๋ยวผมสนใจเรื่องพวกนั้นมากกว่า

 

การตกเป็น 1 ใน 44 ส.ส.

ส่งผลต่อการทำงาน?

เราพยายามทำให้มันออกมาดีที่สุด แต่ผมก็คงไม่ปฏิเสธว่าเราต้องไปคิด ไปเตรียม

อย่างนี้วันที่เขากำหนดมาเราก็ต้องไปดูแล้วเรามีความพร้อมไหม เราต้องชี้แจงอะไรบ้าง มีเรื่องเหล่านี้เข้ามาทำให้เราต้องคิดแน่นอน

แล้วมันก็เข้ามาไม่ใช่แค่จังหวะที่เราต้องเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มันก็มีเรื่องของ ป.ป.ช. ที่ต้องยอมรับว่าเขาก็มีปัญหาข้อครหาเรื่องของการวิ่งเต้นอยู่ ทำให้หลายๆ อย่างเป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านอย่างพวกเราต้องตรวจสอบ

ดังนั้น ชีวิตตอนนี้มันมีทั้งเรื่อง 44 ส.ส.ก้อนหนึ่ง เรื่องตรวจสอบ ป.ป.ช.อีกก้อนหนึ่ง เรื่องตรวจสอบรัฐบาลอีกก้อนหนึ่ง ตัวผมเองก็มีที่จะต้องติดตามเรื่องของคอลเซ็นเตอร์อีก

เราก็ต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพหรือพลังของเราก็มีจำกัด การต้องดูทั้งหมดทุกๆ อย่าง ต้องยอมรับว่าเป็นภารกิจที่ไม่ง่าย แต่ก็ต้องพยายามทำออกมาให้ดีที่สุด

เรามานั่งตรงนี้แล้ว เราเป็น ส.ส.แล้วมันก็ต้องเข็นออกมาให้คุ้มค่าต่อเงินภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์ให้ได้

 

อนาคตไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

พร้อมสู้ต่อทุกบทบาท

จริงๆ ผมยังไม่ได้คิดระยะยาวมาก

คืออย่างที่บอกมันมีเรื่องให้คิดเยอะมากเลยในช่วงนี้ ตัวผมเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแล้ว

บางคนบอกผมตายด้านหรือเปล่า แต่ว่าเราแค่รู้สึกว่าเราก็โฟกัสกับการทำงานให้ดีที่สุดในวันนี้

ส่วนวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ผมก็พร้อมรับทุกสถานการณ์

 

การทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องเสี่ยงๆ

ในฐานะที่เป็นคุณพ่อลูกยังเล็ก

คือมันต้องคิด 2 มุม มุมแรก คือ เราก็เป็นห่วงลูก

แต่มุมที่ 2 ก็เป็นห่วงอนาคตลูก “มันมีวันนี้กับวันพรุ่งนี้” ที่ผลของการคิดมันไม่เหมือนกัน เรารู้ว่าความปลอดภัยมันก็สำคัญในวันนี้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ไม่อยากให้เขามาเจอกับประเทศที่เต็มไปด้วยเรื่องเทาๆ ผมว่าภาพรวมประเทศไทยมันแย่ลงจริงๆ ทำให้ผมเป็นห่วงว่าวันหนึ่งเขาต้องเจอไม่ใช่แค่แบบผม เขาจะเจอยิ่งกว่าผม

ผมกลัวอนาคตของประเทศไทยจะเป็นแบบนั้น วันนี้เลยต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ผมไม่อยากอยู่ในประเทศที่กลัว ผมอยากเห็นประเทศที่เราพูดได้วิพากษ์วิจารณ์ได้ ใครอยากทำงานที่ตัวเองอยากทำก็สามารถทำได้ ผมอยากเห็นสังคมที่เราไม่ต้องมานั่งคิดเรื่องเงินในกระเป๋าตลอดเวลา ผมอยากเห็นสังคมที่ประเทศของเราพร้อมดูแลทุกๆ คน

วันหนึ่งเราอาจจะล้ม แต่เราก็อยากจะมั่นใจว่าถ้าเราล้มเราจะกลับมาได้ไว

ถ้าเราเจ็บป่วยเราก็จะได้รับบริการที่มีคุณภาพ ถ้าเราอยู่บ้านมีทรัพย์สินในบ้านเราก็อยากให้ทุกอย่างมันอยู่ครบ เราไม่อยากจะรับสายบางคนแล้วโดนข่มขู่หรือหลอกลวงจนสูญเสียเงินในกระเป๋าทั้งหมด

เรามีพ่อแม่ที่อาจจะอายุเยอะไม่เท่าทันเทคโนโลยี เราไม่อยากจะรู้สึกว่าเราต้องเป็นห่วงเขาจนรู้สึกว่าไปห้ามเขาใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพราะถ้าเราไม่ห้ามเดี๋ยวเขาจะกลายเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ผมคิดว่าสิ่งที่เราอยากเห็นเป็นสิ่ง Simple ทั่วๆ ไปทั้งการศึกษาหรือทุกๆ อย่าง

แต่น่าเสียดายที่เรื่องทั่วๆ ไปพวกนี้มันไม่เกิดกับประเทศเราในเวลานี้ ก็น่าแปลกเหมือนกันว่าการขอความเป็นธรรมในชีวิตทำไมมันดูต้องแพงขนาดนี้

ชมคลิป