เข็มกลัด AI ปิดฉากไวอย่างน่าเศร้า

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน

Instagram : @sueching

Facebook.com/JitsupaChin

 

เข็มกลัด AI

ปิดฉากไวอย่างน่าเศร้า

 

ปลายปี 2023 ฉันเคยเขียนถึงเข็มกลัด AI ที่มีชื่อว่า Humane AI ซึ่งเป็นอุปกรณ์รูปทรงสี่เหลี่ยมชิ้นเล็กๆ ที่ออกแบบมาให้เรากลัดเข้ากับเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก โดยมันจะทำหน้าที่เป็นคล้ายๆ สมาร์ตโฟนขนาดย่อม สั่งการด้วยเสียง สัมผัส ท่าทาง และจอเลเซอร์

ซึ่งหากมันทำงานได้ตามที่ผู้ออกแบบตั้งใจมาจริงๆ ก็อาจจะปฏิวัติรูปแบบการใช้สมาร์ตดีไวซ์ของเราไปได้

เวลาผ่านไปราวครึ่งปีหลังจากนั้น Humane ก็ส่งเข็มกลัด AI ให้นักรีวิวสายแก็ดเจ็ตได้ทดลองใช้งาน ปรากฏว่าเสียงตอบรับที่ได้ค่อนข้างแย่จนอาจจะเรียกได้ว่ายับเยินเลยทีเดียว

ยูทูบเบอร์ชื่อดังจำนวนมากที่ได้ทดลองใช้งานต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประสบการณ์การใช้งานเจ้าเข็มกลัด AI นี้มันช่างไม่น่าประทับใจสุดสุด

ไม่ว่าจะเป็น Mrwhosetheboss นักรีวิวแก็ดเจ็ตชื่อดังที่จั่วหัวคลิปมาเลยว่า “ได้ลอง Humane AI Pin แล้ว มันไม่ดีเอาเสียเลย”

ไปจนถึงสำนักข่าวสายเทคโนโลยีต่างๆ อย่างนักข่าวจาก The Verge ก็บอกว่าทดสอบมาหลายวัน สิ่งเดียวที่เข็มกลัดชิ้นนี้ทำได้ดีที่สุดก็คือการบอกเวลา หรือ Wall Street Journal ที่บอกว่าติดเข็มกลัดเอาไว้แล้วมันก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ

แต่รีวิวที่แย่ที่สุดมาจาก MKBHD นักรีวิวแก็ดเจ็ตที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ที่ตั้งชื่อคลิปรีวิวชิ้นนี้ไว้แบบส่อดราม่าสุดๆ คือ “The Worst Product I’ve Ever Reviewed…For Now” หรือผลิตภัณฑ์ที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยรีวิวมา…ณ ตอนนี้

 

แค่ชื่อคลิปอย่างเดียวไม่ต้องกดเข้าไปดูเนื้อหาก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายให้กับเข็มกลัด AI ชิ้นนี้แล้วแบบกู่ไม่กลับ หากมันแย่ถึงขนาดที่นักรีวิวที่รีวิวแก็ดเจ็ตเป็นอาชีพหลักและไม่รู้ว่ามีแก็ดเจ็ตผ่านมือมาแล้วกี่พันชิ้นถึงกับออกตัวว่าชิ้นนี้แย่ที่สุดก็ไม่ต้องเดาเลยว่าอนาคตของ Humane จะเป็นอย่างไรต่อ

ข้อเสียของเข็มกลัด AI ที่หลายๆ คนเห็นพ้องตรงกันก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น ประมวลผลช้า กว่าจะส่งขึ้นคลาวด์แล้วส่งกลับมา หรือการยิงเลเซอร์ไปที่ฝ่ามือก็อืดไปหมด

ตอบผิดเยอะเพราะ AI ยังมีภาวะหลอน ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือเข้าใจคำสั่งผิด

แบตเตอรี่ไม่อึด ต้องชาร์จหลายครั้งในหนึ่งวัน ถึงแม้เครื่องจะไม่ได้ทำอะไรอยู่แต่ก็ร้อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เลเซอร์ตัวอักษรที่ยิงมาที่มือเพื่อให้กดคำสั่งได้ก็อ่านยาก หรือมองแทบไม่เห็นเมื่ออยู่กลางแจ้ง

ส่วนเรื่องดีไซน์นั้นก็สอบตกเพราะหนักจนรั้งเสื้อหย่อน

 

ความล้มเหลวของ Humane ทำให้เกิดการถกเถียงและถอดบทเรียนกันหลายอย่างเพื่อมาย้อนดูว่าทำไมแก็ดเจ็ตที่คอนเซ็ปต์ดูอนาคตรุ่งโรจน์ขนาดนี้ถึงได้ดับแป้กไปอย่างน่าเสียดาย

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดอาจจะเป็นบทเรียนว่าลำพังแค่ AI อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าแก็ดเจ็ตชิ้นไหนจะรุ่งหรือจะร่วง แม้เราจะเห็นว่าตลาดในตอนนี้พยายามจับ AI ยัดใส่เข้าไปในทุกสิ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรบอกได้เลยว่า AI จะทำให้สินค้าชิ้นนั้นๆ ขายดีได้หากปราศจากการออกแบบและฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีพอ

การจะพึ่งพาแค่ AI ล้วนๆ โดยปราศจากซอฟต์แวร์หรืออีโคซิสเต็มที่เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งก็เป็นปัจจัยที่จะเพิ่มโอกาสในความล้มเหลวได้

 

อีกบทเรียนที่ได้กลายเป็นกรณีศึกษาไปเลยก็คือการตั้งคำถามว่ารีวิวที่แย่จากนักรีวิวที่มีชื่อเสียงนั้นสามารถฆ่าแบรนด์ให้ตายไปเลยได้หรือไม่ อย่างกรณีของ MKBHD ที่รีวิวว่าเข็มกลัด AI เป็นผลิตภัณฑ์ที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยรีวิวมาและเป็นคลิปที่กวาดยอดวิวไปถึง 8.5 ล้านครั้งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ Humane พังพาบเลยหรือเปล่า

แม้กระทั่งตัวของ Marques Brownlee เจ้าของช่องเองก็ยังออกมาทำคลิปเพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “รีวิวแย่สามารถฆ่าบริษัทได้จริงไหม”

บางคนก็โทษนักรีวิวที่รีวิวรุนแรงเกินไป อย่างกรณีของ MKBHD เขาพูดไว้ในคลิปว่าตอนแรกเขาเกือบจะตั้งชื่อคลิปว่า “ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้งั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา หรือไม่อย่างนั้นก็ผมนี่แหละที่เป็นไองั่ง” ด้วยซ้ำ

คนที่โทษนักรีวิวก็บอกว่าเป็นการรีวิวที่ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย และจริงๆ ก็หมิ่นเหม่ที่จะผิดจรรยาบรรณด้วย การมีผู้ติดตามเยอะก็ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงขึ้น รีวิวที่ดีไม่ควรจะไปทำร้ายใคร ฯลฯ

ในกรณีของ MKBHD นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รีวิวแย่ๆ จากเขาทำให้บริษัทต้องประสบกับหายนะ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยรีวิวบริษัทสตาร์ตอัพรถ EV ที่ชื่อ Fisker ในรูปแบบคล้ายๆ กัน คือการบอกว่าเป็นรถที่แย่ที่สุดที่เคยได้รีวิวมา จนนำไปสู่การปลดพนักงาน 15 เปอร์เซ็นต์และหยุดการผลิตรถในที่สุด

ในขณะที่ก็มีฝ่ายไม่เห็นด้วยบอกว่าการที่ Humane และ Fisker ล้มเหลวนั้นไม่ใช่ความผิดของ MKBHD หรือนักรีวิวคนไหน แต่เป็นเพราะผลิตภัณฑ์เองที่ไม่ดีมาตั้งแต่ต้น ซึ่งในที่สุดก็จะประสบชะตากรรมแบบนี้อยู่แล้วไม่ว่านักรีวิวจะรีวิวอย่างไรก็ตาม

 

สําหรับอัพเดตล่าสุดของ Humane คือบริษัทใหญ่อย่าง HP ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทแล้ว พร้อมกับยุติการขายเข็มกลัด AI และจะรวมทีมวิศวกรเข้ากับแผนกใหม่ของ HP ที่จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะ

แม้จะเป็นจุดจบของสตาร์ตอัพอย่าง Humane แต่การที่บุคลากรที่มีประสิทธิภาพถูกบริษัทใหญ่ซื้อตัวไปเริ่มต้นใหม่ก็อาจจะนำมาซึ่งอะไรใหม่ๆ ในอนาคต ฉันก็เชื่อว่าทุกคนคิดตรงกันว่าคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าดีไวซ์อย่างเข็มกลัด AI สามารถทำงานได้เหมือนกับที่ Humane เคยให้คำสัญญาเอาไว้ มันก็น่าจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะของเราไปได้ไม่น้อย

คนที่เซ็งที่สุดในเรื่องนี้อาจจะเป็นลูกค้าที่ซื้อเข็มกลัด AI ไปแล้วในราคาเริ่มต้น 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17,000 บาท เพราะอุปกรณ์ชิ้นนี้จะหยุดทำงานในวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ บางคนจะได้เงินคืน บางคนจะไม่ได้

และเข็มกลัด AI ของ Humane ทั้งหมดก็จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปอย่างน่าเสียดาย