ยานยนต์/เจาะสเป๊ก ‘นิสสัน ลีฟ’ใหม่ ที่สุดรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮเทคล้น

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต
[email protected]

เจาะสเป๊ก ‘นิสสัน ลีฟ’ ใหม่

ที่สุดรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮเทคล้น

ปูพรมกันมาเรื่อยๆ นับจากเปิดตัว “ลีฟ” (LEAF) สุดยอดยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ “อีวี” (EV) จากค่าย “นิสสัน”
ลีฟ ใหม่เป็นรถเจเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว โดยรุ่นแรกได้ชื่อว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก
เปิดตัวที่บ้านเกิดญี่ปุ่นก่อนงาน “โตเกียว มอเตอร์โชว์” เมื่อปีที่แล้ว ไม่นาน จากนั้นเริ่มจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และยุโรป โดยในยุโรปถือว่ามาแรงมาก เพราะกวาดยอดจองทะลุ 1 หมื่นคันในเวลาไม่นาน
ซึ่งต่างจากลีฟ เจนฯ แรกที่ในเวลาเท่ากันมียอดจองแค่ไม่กี่ร้อยคันเท่านั้น
นิสสันวางแผนเปิดตัวในอีก 7 ประเทศเอเชีย-โอเชียเนีย รวมถึงเมืองไทยด้วย
ล่าสุดไปอวดโฉมในงาน “Nissan Futures” ที่ประเทศสิงคโปร์
ลีฟใหม่ต้องถือว่าออกแบบได้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีไฮเทคต่างๆ ใส่กันมาสุดๆ รวมถึงระยะทางวิ่งในการชาร์จไฟ 1 ครั้ง แทบจะใกล้เคียงกับการเติมน้ำมัน 1 ถังในรถยนต์สันดาปทั่วไป

ภายนอกได้รับแรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ “IDS Concept” แสดงถึงเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา แต่แฝงไปด้วยความดุดัน รวมไปถึงความโฉบเฉี่ยวของการเล่นแสงเงา
กระจังหน้าแบบ V-Motion ที่เห็นในรถนิสสัน รุ่นหลังๆ ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำ และไฟสูง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งในรถยนต์ของนิสสัน ตำแหน่งการจัดวางค่อนไปทางด้านบน ช่วยสร้างความรู้สึกทันสมัย พร้อมทั้งเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็น และเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเพิ่มระยะการส่องสว่างที่ครอบคลุมมากขึ้น
ฝากระโปรงหน้าที่ลาดต่ำ ลงตัวกับกระจกด้านหน้าที่ทอดยาวไปจนถึงหลังคา
ออกแบบหลังคาให้ดูสูงขึ้น เพื่อเชื่อมโยงกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของนิสสัน เช่นรถเอสยูวี “เอ็กซ์-เทรล”
ชุดไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรง ติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายให้เป็นส่วนหนึ่งของลวดลายกระจกทำให้ลีฟรุ่นใหม่ มีความสปอร์ตและสะดุดตามากยิ่งขึ้น ใต้ท้องรถ และกันชนท้ายที่มีลักษณะคล้ายดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ช่วยลดแรงต้านอากาศ และอากาศที่ยกตัวรถ ช่วยให้รถมีความมั่นคงยิ่งขึ้น


ออกแบบตัวถังตามหลักแอโรไดนามิกส์ รวมถึงกันชนหลังที่เป็นแนวโค้ง ทำให้นิสสัน ลีฟใหม่ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานของอากาศ เพียง 0.28 เท่านั้น
ช่องเสียบสายชาร์จไฟบริเวณด้านหน้ารถ การออกแบบใหม่เพื่อให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ติดตั้งในระดับ 45 องศา สามารถเสียบสายชาร์จโดยไม่ต้องก้มตัวลงมาเหมือนรุ่นก่อน

การออกแบบภายใน เน้นความกว้างขวางเน้นโทนดำ แต่เดินด้ายสีฟ้าสีสัญลักษณ์ของรถพลังงานไฟฟ้า ทั้งบริเวณเบาะนั่ง ด้านข้างประตู ที่วางแขน และพวงมาลัย
ใช้โทนสีน้ำเงินกับปุ่มสตาร์ต และเกียร์ที่ให้ความรู้สึกถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย
พวงมาลัยทรงคุ้นตาที่เห็นในรถนิสสันหลายรุ่น ทรง’D-Shapež ด้านล่างจะตัดเพื่มพื้นที่ว่างระหว่างพวงมาลัยกับต้นขา และได้อารมณ์สปอร์ตไปในตัว
หน้าจอและรูปแบบของไฟแสดงข้อมูลของคนขับเรียบง่ายขึ้น ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ผสมผสานระหว่างมาตรวัดความเร็วแบบอะนาล็อกกับหน้าจอแสดงผลแบบ multi-information ด้านซ้าย หน้าจอสีแบบ Thin-film Transistor (TFT) ขนาด 7 นิ้ว บอกปริมาณกำลังไฟฟ้าที่ใช้ตามการกำหนดค่ามาตรฐาน
หน้าจอแสดงผลตรงกลางแบบ Flush-surface ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกต่อการเลือกระบบความบันเทิง และใช้งานระบบนำทาง สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน
ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์และพอร์ตยูเอสบีที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น
เครื่องปรับอากาศและระบบทำความร้อนที่ประหยัดพลังงาน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารสำหรับผู้โดยสารทุกคน
มีแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวก เช่น การปรับอุณหภูมิภายในรถยนต์ล่วงหน้าให้เหมาะสม และการชาร์จแบบไร้สาย
การใช้งานนิสสัน คอนเน็กต์ (NissanConnect) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Nissan Intelligent Integration) คนขับสามารถค้นหาข้อมูลอัพเดตล่าสุดของสถานีชาร์จไฟฟ้าทั้งสถานที่ตั้งหรือเวลาให้บริการ รวมทั้งสถานะว่างของสถานีชาร์จ และในระหว่างชาร์จไฟฟ้าเจ้าของรถสามารถดูสถานะการชาร์จผ่านสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย

แน่นอนว่า ลีฟใหม่ มาพร้อมนวัตกรรม “นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี้” (Nissan Intelligent Mobility) ประกอบด้วย
เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving)
เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power)
และเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligent Integration)
โดยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะที่โดดเด่นในลีฟ ใหม่ เด่นๆ ไม่พ้น ระบบ Pro PILOT, Pro PILOT Park, e-Pedal
“Pro PILOT” เป็นระบบการขับอัตโนมัติ ที่มีให้รถยุโรปหลายรุ่นที่ขายในเมืองไทย วิธีการทำงานเมื่อเปิดใช้ระบบ พร้อมตั้งความเร็วสูงสุดเอาไว้ (30-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ลีฟจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติตามที่ผู้ขับขี่ตั้งระยะเอาไว้ เมื่อรถคันหน้าชะลอความเร็ว ระบบจะสั่งให้รถชะลอตาม เมื่อคันหน้าเร่งเครื่องห่างออกไป ระบบก็จะเร่งเครื่องตามจนไปแตะที่ความเร็วสูงสุดที่ตั้งเอาไว้
“Pro PILOT Park” ควบคุมการเร่ง เบรก พวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือเพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ ใช้กล้องความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัวและข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัวที่ติดตั้งรอบคัน ใช้ได้ทั้งการถอยจอดเข้าซอง หรือจอดขนาน
“e-Pedal” มาตรฐานใหม่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล

มาถึงหัวใจของลีฟ ใหม่ ใช้เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น
ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า มากกว่าลีฟ เจเนอเรชั่นที่แล้ว 38% แรงบิด 320 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้น 26% ทำให้อัตราเร่งช่วงต้นมาแรงและเร็วมาก
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชุดใหม่ให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น ที่ 400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มากเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
การชาร์จแบบปกติประมาณ 8-16 ชั่วโมง (แล้วแต่กำลังไฟ)
ส่วนถ้าเป็นการชาร์จแบบเร็วในเวลา 40 นาที ได้ความจุ 80%
ที่น่าสนใจคือ ปีหน้าลีฟจะมีรุ่นพิเศษ “e+” มีระยะทางขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น และการตกแต่งที่ต่างออกไปเพื่อเป็นตัวเลือกให้ลูกค้า
ส่วนสนนราคา “นิสสัน ลีฟ” ใหม่ ที่ญี่ปุ่นขายกันที่ เริ่มต้นที่ 3,150,360 เยน หรือประมาณเก้าแสนบาทเศษ
ต้องดูครับว่ามาถึงเมืองไทยราคาจะเท่าไหร่