REBEL RIDGE : ‘กังฉิน’

นพมาส แววหงส์

หนังบู๊-ระทึกขวัญของเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้น่าจับตามากกว่าที่คิดไว้แต่แรกเยอะเลยเชียว

แค่ฉากเปิดเรื่องก็สะดุดตาสะดุดใจจนจับคนดูไว้อยู่หมัดแล้ว

เครียดขมึง ไม่รู้ว่าความรุนแรงจะทวีขึ้นจนระเบิดเหมือนระเบิดเวลาเมื่อไหร่

เทอร์รี่ ริชมอนด์ (แอรอน ปิแอร์) ปั่นจักรยานฉิวบนถนนในชนบท เหลือบดูจอที่ตั้งจุดหมายบนจีพีเอสเอาไว้ ลดเลี้ยวผ่านป่าไปสู่เมืองเล็กๆ ในรัฐลุยเซียนา ภาคใต้ของสหรัฐ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องประเด็นเหยียดคนผิวดำ

เหลือบมองกระจกหลังเห็นรถตำรวจจี้ตามมาอย่างกระชั้นชิด แต่นักปั่นไม่สามารถเหจักรยานหลบข้างทางให้แซงไปได้

ผลก็คือเทอร์รี่โดนรถตำรวจพุ่งเข้าชนล้มกระเท่เร่ และตำรวจผิวขาวลงมาสอบปากคำตั้งข้อสงสัย เรียกกำลังสนับสนุนจากรถตำรวจอีกคัน ขอค้นข้าวของในเป้ เมื่อเทอร์รี่ปฏิเสธ ก็บอกให้เขาตามไปสถานีตำรวจ จะได้แจ้งข้อหา

เทอร์รี่ไม่มีเวลาจะเสียกับการณ์นี้ เขาจึงออกปากอนุญาตให้ค้นเป้ได้

ปรากฏว่ามีเงินสดอยู่ในนั้น 26,000 เหรียญ เป็นเงินที่มากพอดูสำหรับการที่ตำรวจจะยึดไว้เพื่อสอบสวนต่อไปตามกฎหมาย

เทอร์รี่บอกว่านั่นเป็นเงินถูกกฎหมาย เขาได้มาจากการทำงานร้านอาหารจีนและจะเอาไปประกันตัวลูกพี่ลูกน้องซึ่งโดนข้อหามียาเสพติดอยู่ในครอบครองเป็นเงินหนึ่งหมื่นเหรียญ ส่วนที่เหลือจะเอาไปซื้อรถบรรทุกไว้ใช้งาน

แน่นอนตำรวจไม่ฟังเสียงหรือเหตุผลในการคัดค้านของเทอร์รี่ แต่ก็ปล่อยตัวเขาไป

เราตามเทอร์รี่ไปที่ทำการศาล เพื่อขอผัดผ่อนการยื่นประกันตัวไมค์ ลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่ไม่สำเร็จ เสมียนศาลไม่ได้แยแสกับความเดือดร้อนของเขาเลย

อย่างไรก็ตาม เทอร์รี่ได้เจอซัมเมอร์ (แอนนา โซเฟีย ร็อบบ์) ซึ่งกำลังฝึกงานทนายความอยู่ที่นั่น เธอรับหน้าที่สื่อสารกับผู้ต้องสงสัย ซึ่งจะต้องปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษาเพื่อฟังคำตัดสิน

ซัมเมอร์รับจะเตรียมเอกสารประกันตัวไมค์ให้ เมื่อเทอร์รี่นำเงินประกันหนึ่งหมื่นมาให้ในวันรุ่งขึ้น

ถึงตอนนี้เรายังไม่ได้รู้ภูมิหลังของเทอร์รี่เลย ได้แต่เห็นแคแร็กเตอร์ที่สามารถข่มใจให้สงบอยู่ภายใต้การกดดันหรือโดนยั่วยุ โดยไม่ได้โต้ตอบให้เรื่องเลยเถิดและเลวร้ายขึ้นไปอีก

แต่เทอร์รี่ก็ดูจะมีแผนการอยู่ในหัวว่าจะทำอะไรต่อไปได้บ้างในสถานการณ์เครียดขมึงขั้นวิกฤตและท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า

เทอร์รี่บอกความจำเป็นที่เขาต้องประกันตัวไมค์ออกมาให้ได้ เพราะไมค์ถูกคุมตัวด้วยข้อหาลหุโทษไม่ร้ายแรงไว้ 90 วันแล้ว และกำลังจะถูกส่งตัวเข้าคุก

ซึ่งถ้าไปอยู่ในคุก ไมค์คงไม่ได้รอดชีวิตออกมา เพราะจะต้องโดนฆ่าจากเหล่าอาชญากรผู้ต้องขังที่มีความแค้นเคืองกับไมค์อยู่แน่นอน

เทอร์รี่ผู้เยือกเย็นและมีทางออกอันไม่นำไปสู่ความรุนแรงสำหรับทุกปัญหา โทร.ไปขอให้เจ้าของภัตตาคารจีนที่เขาร่วมงานด้วย ให้ส่งเงินหนึ่งหมื่นมาให้ทันที ซึ่งก็ดูจะไม่มีปัญหา เสียแต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน หลิวก็แจ้งว่าภัตตาคารโดนตำรวจสอบสวนจนไม่สามารถดำเนินการส่งเงินตามที่เทอร์รี่ขอได้

เอาเข้าจริงเมื่อเข้าตาจน และโดนกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ปิดหนทางไว้ไม่ให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้ประกันตัวและหลีกเลี่ยงการต้องเข้าคุก ซึ่งไม่ผิดกับการถูกส่งเข้าแดนประหาร

เทอร์รี่ก็เดินมือเปล่าเข้าเผชิญหน้ากับหัวหน้าตำรวจ แซนดี้ เบิร์น (ดอน จอห์นสัน) ตำรวจกังฉินที่ไม่ชอบหน้าเขา

ตรงนี้หนังวางจังหวะไว้ดีมาก เพิ่มความตึงเครียดทวีเพิ่มขึ้นทุกวินาทีที่แซนเดอร์เดินอาดๆ ไปเผชิญหน้า ระหว่างที่ลูกน้องกำลังค้นหาข้อมูลกันจ้าละหวั่นว่าเทอร์รี่เป็นใครมาจากไหน ไปติดอยู่ตรงอักษรย่อชื่อหน่วยงานที่เขาเคยสังกัด

กว่าฝ่ายตำรวจผู้ใช้อำนาจในทางผิดจะตระหนักว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับบรมครูผู้สอนวิชาการต่อสู้แบบวรยุทธ์ให้กับหน่วยงานนาวิกโยธินก็สายเสียแล้ว

บทปะทะคารมเชือดเฉือนก็ต้องจับตาดูแบบไม่กะพริบเลยทีเดียว

เทอร์รี่เชี่ยวชาญการต่อสู้มือเปล่าขั้นประชิดตัว และหลักยุทธวิธีที่สอนกันอยู่คือ สลายความรุนแรง หรือ de-escalate เมื่อประจันหน้ากับสถานการณ์ที่ดูท่าว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก

และในการนี้ เทอร์รี่ไม่ได้ต่อสู้กลับ เพียงแต่ปลดอาวุธ ปลดกระสุน และโยนอาวุธทิ้ง…เท่ซะไม่มี แบบพระเอกผู้เก่งกล้าสามารถแต่รักสันติแท้ๆ

สิ่งที่เขาต้องการอย่างเดียวคือ เงินหนึ่งหมื่นของเขาเองที่ถูกยึดไป เพื่อเอาไปประกันตัวช่วยชีวิตลูกพี่ลูกน้อง

แต่สิ่งที่ไม่คาดคือ เขาได้ไปเห็นความฟอนเฟะในหน่วยงานพิทักษ์สันติราษฎร์ที่มากไปกว่าเรื่องการยึดทรัพย์ของเขาคนเดียว

กระนั้น เขาก็พร้อมที่จะเดินออกจากเมืองไปโดยไม่แบกเรื่องนี้ไว้บนบ่าของตัวเอง

เพียงแต่ว่าตำรวจกังฉินพวกนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ยังตามรังควานผู้หญิงที่เคยช่วยเหลือเขาทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของเธอเลย ด้วยวิธีการน่ารังเกียจ

เนื่องเพราะซัมเมอร์มีท่าว่าจะสอดแทรกเข้ามารู้เรื่องความสกปรกในระบบยุติธรรมของเมืองมากเกินไป และมีหลักฐานอยู่ในมือมากพอ

หนังไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไปในลักษณะรักใคร่หรือเกี่ยวพันฉันชู้สาว แต่ก็ไม่แน่นัก ถ้ามีหนังภาคต่อมาอีก ก็อาจคาดหวังในทำนองนั้นได้

ตอนจบของหนังอาจไม่สะใจโก๋นัก ดูเหมือนจะพอใจแค่ปล่อยให้คนดูคิดเอาเองว่าด้วยหลักฐานสำคัญในมือพระเอกแล้ว เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร

ในแง่นี้แล้ว หนังทิ้งค้างตอนจบเอาไว้ที่พระเอกพาตัวผ่านพ้นความยากลำบากและการมุ่งร้ายหมายขวัญจะเอาชีวิตออกมาได้

พูดอีกอย่างคือ สลายความรุนแรงตรงหน้าลงแล้ว แต่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรหนังก็ไม่ได้ชี้แจงแถลงไข

ปล่อยให้คิดเอาเองว่าคนดีที่อยู่อย่างสันโดษ จะอยู่อย่างไรในโลกที่เอื้อประโยชน์ให้คนเลวสมคบคิดกันใช้ข้อได้เปรียบของระบบสร้างฐานอำนาจและความมั่งคั่งแก่ตัวเอง

หนังมีอารมณ์ขันเจ็บๆ เล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ตอนที่ซัมเมอร์เจอหลิว เจ้าของภัตตาคารจีนในเมือง และได้รับการแนะนำว่าหลิวเคยเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์สนามในสงครามเกาหลี ซัมเมอร์กล่าวขอบคุณเขาที่ได้รับใช้ชาติ (ในฐานะทหารที่ออกรบในสมรภูมิ) คนรอบข้างทำหน้างงๆ สงสัยว่าซัมเมอร์เธอพูดอะไรของเธอน่ะ

แล้วเทอร์รีก็บอกว่า หลิวซึ่งเป็นคนจีน รบอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอเมริกาต่างหาก

ทำให้นึกสงสัยในภูมิหลังความเป็นมาเป็นไปของหลิวว่าไปไงมาไงถึงได้มาเปิดร้านอาหารในอเมริกาและกลายเป็นเพื่อนรักของเทอร์รี่ไปได้

หนังไม่ได้ขมวดเรื่อง หรืออธิบายทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างแจ้งหมดจดหรอกค่ะ แต่ก็ไม่น่าจะจำเป็นอะไร บางอย่างปล่อยให้คนดูคิดไปเองบ้าง ไม่ใช่ป้อนให้ทุกคำแถมเคี้ยวให้อีกต่างหาก

ปล่อยให้งงมั่ง คิดเอาเองมั่งก็น่าจะดีกว่าละ

หนังค่อนข้างยาวนะคะ แต่ออกจะตรึงให้นั่งดูได้อย่างต่อเนื่องโดยตลอด

พระเอกก็เล่นดีมากๆ สุขุม สงบแต่ก็ใช้สมองประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด ไม่ได้บ้าระห่ำแบบพระเอกเก่งที่ต้องปะฉะดะแสดงว่าข้าเก่งกว่าอยู่ตลอดเวลา

ชื่อหนังเป็นชื่อสถานที่นัดพบ เหมือนจะเป็นสมรภูมิในการต่อสู้ครั้งนี้

และอาจตีความเชิงสัญลักษณ์ต่อไปได้อีกค่ะ •

REBEL RIDGE

กำกับการแสดง

Jeremy Saulnier

แสดงนำ

Aaron Pierre

Don Johnson

Anna Sophia Robb

David Denman

James Cromwell

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์