ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ค้างคากันมาพักใหญ่ครับกับบททดสอบรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้า “Kia EV9”
จริงๆ ผมลองขับรุ่นนี้มาพักใหญ่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ปะเหมาะกับการนำเสนอ เพราะมีรถรุ่นใหม่ๆ หรือการเปรียบเทียบรถอื่นๆ มาคั่นเป็นระยะๆ
บวกกับเป็นการทดสอบแบบเดี่ยว ที่ยืมมาขับเอง เลยลอยชายไปเรื่อยๆ
จนมาฉบับนี้ได้ฤกษ์นำเสนอเสียที
“Kia EV9” ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบอสยูวี 6 ที่นั่งรุ่นแรกในประเทศไทย ที่นำเข้ามาทำตลาด
นัยว่าเป็นรถเรือธงตามวิสัยทัศน์ “แบรนด์ที่มุ่งตอบโจทย์การเดินทางอย่างยั่งยืน” หรือ “Sustainable Mobility Solutions Provider”
มีเข้ามาทำตลาด 2 รุ่น
Earth Long Range และ GT-Line AWD
ต่างกันที่มอเตอร์ไฟฟ้า การขับเคลื่อน และออปชั่น ความสะดวกสบาย
รุ่นที่ได้มาทสอบเป็นตัวท็อป “GT-Line AWD”
มาดูรูปร่างหน้าตาภายนอกกันก่อน ภาพแรกที่เห็นเลยคือความบิ๊กเบิ้มของตัวถัง ซึ่งใหญ่กว่าเอสยูวีทั่วไปมาก
ตัวถังใช้แพลตฟอร์ม E-GMP ของ Hyundai-Kia ที่รองรับรถ EV โดยเฉพาะ
หน้าตาออกแนวล้ำสมัย “Digital Tiger Face” กระจังหน้าแบบปิดทึบ ฝากระโปรงหน้าแบบ “Frunk” (Front Trunk) ใช้เก็บของได้
ไฟหน้า LED Matrix หลายดวงเรียงกัน
พร้อมระบบ Adaptive ปรับการส่องสว่างตามสภาพแวดล้อม
ไฟ Daytime Running Light แบบลายเส้นแนวตั้ง
มือจับประตูแบบ Flush Door Handle ที่เรียบไปกับตัวรถ ยื่นออกมาอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก
หลังคาลอยตัว (Floating Roof) และเสา C ออกแบบเป็นเอกลักษณ์
ด้านท้ายรถ ไฟท้าย LED Star Map ลายแนวตั้ง สอดรับกับไฟหน้า
สปอยเลอร์หลังคาและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
กันชนหลังดีไซน์เรียบ
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชั่น Smart Power Tailgate
ล้ออัลลอยลายสวนขนาด 21 นิ้ว
ภายในเน้นห้องโดยสารกว้างขวางและหรูหรา พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย
คอนโซลหน้าและแดชบอร์ด
หน้าจอแบบ Dual Display ขนาด 29.9 นิ้ว แนวนอนเชื่อมต่อกัน
หน้าจอสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ จอแสดงข้อมูลต่างๆ หน้าคนขับ มาตรงกลาง
จอควบคุมระบบปรับอากาศขนาด 5 นิ้ว
และด้านซ้ายสุดมีขนาดจอใหญ่เท่ากับหน้าจอคนขับเป็นระบบอินโฟเทนเมนต์ และควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ
มีระบบสั่งการด้วยเสียง เชื่อมต่อผ่าน Android Auto / Apple Carplay
ลำโพง Meridian รอบคัน 14 จุด เสียงใสกังวานสุดสุด
ระบบปรับอากาศแยกส่วน 3 โซน พร้อมช่องระบายอากาศในแถวที่สอง และสาม
พวงมาลัย 2 ก้านดีไซน์ล้ำสมัย ระบบมัลติฟังก์ชั่น หุ้มหนังสังเคราะห์ พร้อมระบบอุ่นพวงมาลัย ปรับระดับ 4 ทิศทาง
เกียร์แบบหมุนอยู่บริเวณคอพวงมาลัยด้านขวา ไฟเลี้ยวจะอยู่ด้านซ้ายมือ อารมณ์คล้ายรถยุโรป
เบาะคนขับ สามารถจดจำตำแหน่งของผู้ขับขี่ได้ 2 ตำแหน่ง ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ทุกที่นั่ง เป็นเบาะแบบ Relaxation ปรับไฟฟ้า
มีระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ เบาะรองขา ระบบนวด
สามารถพับเบาะ 2 แถวหลังด้วยระบบไฟฟ้า หนูหราและสะดวกสบายขึ้นไปอีก
ไฟเรืองแสง Ambient Light ภายในห้องโดยสาร
มี USB ชาร์จเจอร์ และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
ตอนขึ้นมาบนรถช่วงแรกงงนิดหนึ่งว่าปุ่มสตาร์ตอยู่ตรงไหน
อ้อ…ซ่อนอยู่หลังพวงมาลัยใกล้ๆ กับเกียร์นี่เอง
การเข้าเกียร์สำหรับคนที่ไม่เคยใช้รถยุโรปที่บางรุ่นมีเกียร์ที่คอพวงมาลัย แรกๆ อาจไม่ถนัดหรือคุ้นชินมากนัก
เกียร์เดินหน้าต้องบิดไปด้านหน้า เกียร์ว่างบิดขึ้นไปครึ่งจังหวะ
ส่วนเกียร์ถอยบิดถอยหลังจนสุด แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าเกียร์ผิด เพราะนอกจากภาพบนหน้าจอแล้ว เวลาเข้าเกียร์ถอยหลังระบบจะสั่นเตือนนิดๆ ให้รู้ว่าขณะนี้อยู่ในเกียร์ถอย
ส่วนเกียร์ P อยู่บริเวณหัวเกียร์ กดปุ่มเบาๆ เป็นพอ
ระหว่างการขับขี่มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า เพิ่มความสะดวกในการมองด้วย
เบาะนั่งโอบกระชับดีครับ พวงมาลัยน้ำหนักกำลังเหมาะแบบไฟฟ้า
ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ติดตั้งอยู่ด้านหน้าและหลัง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังสูงสุด 379 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 5.3 วินาที
แบตเตอรี่ 99.8 kWh
วิ่งได้ไกลสุด 465 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 350 kW
จาก 10-80% ใช้เวลา 24 นาที
ส่วนการชาร์จแบบ AC ขนาด 11 kw จาก 10-100% ใช้เวลา 9.45 ชั่วโมง
ส่วนอีกรุ่นใช้มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเท่ากันแต่วิ่งได้ไกลกว่านิดหน่อย
การขับขี่มีให้เลือก 4 โหมด Eco / Normal / Sport / My Drive Mode
โหมดสุดท้ายคล้ายรถยุโรปที่เราสามารถปรับตั้งได้เองตามความชอบ
แต่หลักๆ ใช้แค่ 3 โหมดแรกก็เหลือๆ แล้วครับ
ปุ่มปรับโหมดอยู่บริเวณด้านล่างของพวงมาลัย ทำให้สะดวกเวลาต้องการเปลี่ยนโหมดโดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
เอาจริงๆ ที่ลองมา Normal นี่ก็ครอบคลุมทั้งหมดแล้วครับ
หรือหากใครเข้าไปในถนนที่การจราจรติดขัดจะใช้โหมด Eco เพิ่มความประหยัดก็ได้
เพราะอย่างที่บอกเวลาปรับเปลี่ยนโหมดมันง่ายมาก ทำให้สามรถสลับโหมดขับขี่ได้ตามความต้องการ
ช่วงล่างแน่นหนึบดี ด้านหน้า แม็กเฟอร์สันสตรัต คอยล์สปริง ด้านหลัง 5 มัลติลิงก์ คอยล์สปริง
ด้วยตัวท็อปเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำให้ดูกระชับมากขึ้นเวลาทำความเร็ว หรือเข้าโค้ง รวมถึงเปลี่ยนเลนเร่งแซง
ปลอดภัยมากขึ้นเวลาเปลี่ยนเลน เพราะเมื่อเปิดไฟเลี้ยวจะส่งภาพจากด้านข้างมาขึ้นที่หน้าจอผู้ขับขี่
กระจกมองหลังแบบดิจิทัล
ตอนขับขี่มีระบบดึงกระแสไฟกลับเข้าแบตเตอรี่เพิ่มระยะทางขับขี่ได้ด้วย
ส่วนตัวช่วยและออปชั่นการขับขี่ ไม่ต่างจากรถยุโรปหรูๆ ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน
Kia EV9 ถือเป็นเอสยูวีไฟฟ้าที่หรูหรา จะขับเองก็สนุก หรือนั่งเป็นผู้บริหารก็สะดวกสบาย
สนนราคารุ่น GT-Line AWD ราคา 3,899,000 บาท
ส่วนรุ่น Earth Long Range ราคา 3,499,000 บาท •
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022