จิตต์สุภา ฉิน : เกิดอะไรขึ้นกับ Galaxy Note 7

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin
AFP PHOTO / JUNG YEON-JE

สัปดาห์ที่ผ่านมาในแวดวงเทคโนโลยีมีเรื่องใหญ่อยู่ 2 เรื่องด้วยกันที่ต้องรู้ค่ะ

เรื่องแรก ก็คือการเปิดตัวของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งเปิดตัวตามวัฏจักรเดิมเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเดียวกัน และเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรให้เซอร์ไพรส์มากนัก เพราะรายละเอียดเกือบทั้งหมดอยู่ในบรรดาข่าวลือ ข่าวหลุด ที่แต่ละแหล่งแข่งกันปล่อยออกมาหลายเดือนก่อนหน้าไปหมดแล้ว

(ทำให้ต้องกลับมาทบทวนว่าธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เอาไว้เป็นความลับสุดยอด และจะต้องเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนให้ได้ในช่วงคีย์โน้ตนั้นเริ่มเป็นกลยุทธ์ที่เก่าเกินไปแล้วและได้เวลาปลดระวางและเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์ใหม่ๆ แล้วหรือยัง)

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สมาร์ตโฟนของ Apple ก็ยังเป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่งจากคนในทุกวงการ สังเกตได้จากการที่แม้กระทั่งคนที่มีความสนใจในข่าวคราวความเคลื่อนไหวแวดวง ไอทีน้อยมากแต่ก็ยังรู้วันเปิดตัว iPhone ใหม่กันแบบเป๊ะๆ

สำหรับ รายละเอียด สเป๊ก ราคา วันวางจำหน่ายทั้งหลาย เราคงไม่ต้องคุยกันผ่านทางหน้ากระดาษนี้ เพราะตอนนี้คุณผู้อ่านที่สนใจจะซื้อ iPhone รุ่นใหม่ก็คงจะทำการบ้านกันแล้วเรียบร้อยเนื่องจากโทรศัพท์ก็เปิดตัวมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว

ดังนั้นเราจะข้ามไปเรื่องที่สองกันเลยค่ะ

 

เรื่องที่จำเป็นต้องรู้เรื่องที่สองก็คือเหตุการณ์เรียกคืนสมาร์ตโฟนครั้งยิ่งใหญ่ของซัมซุง

ซัมซุงแซงหน้าแอปเปิล เปิดตัวสมาร์ตโฟนจอใหญ่รุ่นใหม่อย่าง Galaxy Note 7 ไปได้ประมาณหนึ่งเดือน และหลังจากเริ่มขายได้ไม่กี่วันก็เกิดมีรายงานข่าวขึ้นมาว่าโทรศัพท์ระเบิดในขณะที่กำลังชาร์จ

เคสแรกคนก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะนึกว่าอาจจะแจ็กพ็อตได้เครื่องที่มีปัญหาไป

แต่หลังจากนั้นก็ยังมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่า Note 7 เกิดการระเบิดขึ้นที่นั่นที่นี่ จนในที่สุดซัมซุงก็ต้องออกมาประกาศหยุดขายและเรียกคืนสมาร์ตโฟน Galaxy Note 7 ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การเรียกคืนสมาร์ตโฟนก็ดูเหมือนจะไม่ทันการ เพราะมีเคสของโทรศัพท์ระเบิดเกิดขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง เคสที่รุนแรงก็อย่างเช่นผู้ชายคนหนึ่งในฟลอริดาที่บอกว่าเขาชาร์จ Note 7 เอาไว้ในรถ SUV ของตัวเอง แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ก็เกิดไฟไหม้ขึ้น ส่งผลให้รถทั้งคันเกิดติดไฟลุกไหม้ขึ้นมา โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่ก็เป็นภาพที่สยดสยองไม่น้อย

ส่วนอีกเคสก็คือการเกิดระเบิดขึ้นในฝ่ามือของเด็กวัย 6 ขวบ ที่กำลังนั่งดูวิดีโออยู่บนโทรศัพท์ ซึ่งก็ได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้

นอกจากนี้สายการบินหลายแห่งก็เริ่มออกประกาศแบนไม่ให้ผู้โดยสารนำโทรศัพท์ Note 7 ขึ้นเครื่องบินด้วย อย่างกรณีของการบินไทยก็ได้ออกประกาศแจ้งผู้โดยสารว่าห้ามเปิดใช้งานซัมซุง รุ่น Note 7 บนเครื่องบินและห้ามโหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน แต่ก็ยังโชคดีนิดหน่อยที่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นก่อนที่ Note 7 จะเริ่มขายอย่างเป็นทางการในไทย เพียงแต่เปิดให้คนที่สนใจสั่งจองไว้เท่านั้น

และหลังเกิดเรื่องก็ยอมให้ลูกค้าเลือกที่จะยกเลิกการจองได้

 

อย่าง ไรก็ตาม หากใครได้สมาร์ตโฟน Samsung Galaxy Note 7 ไว้ในครอบครองแล้ว หรือยังชื่นชอบดีไซน์ สเป๊ก และยังอยากที่จะใช้โทรศัพท์รุ่นนี้อยู่ดี ก็มีบางเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนค่ะ

เราควรยังใช้ Note 7 ต่อไปหรือไม่

หากใครเป็นเจ้าของ Note 7 อยู่แล้ว คำตอบก็คือ “ไม่” ค่ะ ซึ่งก็เป็นทางซัมซุงเองนี่แหละที่ออกประกาศมาบอกว่าเจ้าของ Note 7 ทุกเครื่องควรปิดเครื่อง เก็บใส่กล่อง และนำกลับไปคืนกับบริษัททันที โดยหลังจากปิดเครื่องแล้วไม่ควรจะชาร์จไฟอีก

เกิดอะไรขึ้นกับแบตเตอรี่ของ Note 7

แถลงการณ์ของซัมซุงบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซลล์แบตเตอรี่ที่ใช้ในการผลิต Note 7 บางเครื่อง ในขณะที่สื่อเทคโนโลยีหลายแห่งก็ช่วยกันวิเคราะห์ให้เหตุผลว่าอาจจะเป็นเพราะเซลล์แบตเตอรี่คุณภาพต่ำที่ทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป นำมาสู่การเกิดติดไฟขึ้นเมื่อชาร์จหรือเมื่อใช้งานหนักๆ

ในกรณีของซัมซุงนั้นเกิดจากการที่ตัวแยกขั้วไฟฟ้ามีปัญหา ทำให้ขั้วไฟฟ้าสองขั้วเกิดการสัมผัสกันจนพลังงานทั้งหมดถูกส่งไปที่อิเล็กโทรไลต์ตรงกลางแทนที่จะส่งไปที่ขั้วไฟฟ้าที่อยู่สองข้าง เมื่ออิเล็กโทรไลต์ได้รับความร้อนก็จะทำปฏิกิริยากับสารเคมีอื่นๆ ก่อให้เกิดก๊าซที่ปล่อยความร้อนออกมามากกว่าเดิม จนในที่สุดก็เกิดไฟไหม้ได้

เว็บไซต์เทคโนโลยี The Verge วิเคราะห์เอาไว้ว่าเหตุการณ์แบตเตอรี่ระเบิดบ่อยครั้งเกิดจากการที่บริษัทผู้ผลิตทั้งหลาย (แน่นอนค่ะว่าซัมซุงไม่ใช่เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้) พยายามที่จะผลักขีดจำกัดของเทคโนโลยีออกไปมากเกินไป ทุกวันนี้โทรศัพท์เรามีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและทรงพลังมากขึ้นก็แน่นอนว่ามันจะต้องใช้พลังงานมากขึ้นด้วย

แต่ผู้บริโภคก็ยังให้ความสำคัญว่าสมาร์ตโฟนจะต้องมีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ยาวนานทั้งวันและจะต้องชาร์จให้เต็มได้อย่างรวดเร็วเสียด้วย สวนทางกันเสียอย่างนั้น

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ที่ทาง The Verge ไปขอสัมภาษณ์ให้ข้อมูลว่าทุกวันนี้มนุษย์เราก็สามารถรีดอายุการใช้งานจากแบตเตอรี่ออกมากันได้สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้ทั้งหมดอยู่แล้ว ดังนั้น การที่บริษัทพยายามผลักให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่านั้นอีกก็จะยิ่งทำให้เราต้องเจอกับเคสโทรศัพท์ระเบิดกันมากขึ้นในอนาคต

 

แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าปลอดภัย

พูดกันแบบแฟร์ๆ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์แบตเตอรี่ระเบิดขึ้น รีวิวของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จากสื่อเทคโนโลยีระดับโลกหลายแห่งก็นับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยค่ะ ซู่ชิงได้ลองใช้เป็นเวลาสั้นๆ ก็ยังมีความรู้สึกว่าเป็นโทรศัพท์ที่ออกแบบมาได้ดีและน่าใช้มากเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าเรื่องความปลอดภัยย่อมมาก่อนอย่างอื่น น่าเสียดายที่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับ Galaxy Note 7 ไม่ได้เป็นเพียงจุดบกพร่องน่ารำคาญ แต่มันเป็นความผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้ใช้ได้

ซัมซุงบอกว่าวิธีที่จะสังเกตได้ว่า Note 7 เครื่องไหนปลอดภัย ให้ดูที่สติกเกอร์ตัว S ที่แปะอยู่บนกล่อง หากมีสติกเกอร์แปะอยู่ก็แปลว่าเป็นล็อตที่ปลอดภัยใช้งานได้หายห่วง และซัมซุงก็จะเปิดให้ลูกค้าเอาเลข IMEI ของเครื่องตัวเองไปตรวจสอบออนไลน์ได้ด้วยว่าเป็นเครื่องที่มีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่หรือเปล่า

ที่เหลือก็น่าจะอยู่ที่ความไว้วางใจของผู้ใช้ว่าจะสามารถกอบกู้กลับคืนมาได้แค่ไหน

แม้ว่าซัมซุงจะเคลื่อนไหวรวดเร็วในการเรียกคืนสมาร์ตโฟนที่มีปัญหาในครั้งนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเกิดความกังขาขึ้นในใจของผู้ใช้จำนวนไม่น้อยว่าปล่อยให้ผ่านการตรวจสอบและเกิดปัญหาใหญ่ระดับนี้ขึ้นมาได้ยังไง

แต่เรื่องนี้ทางแบรนด์ก็ต้องใจเย็นๆ และให้เวลาผู้บริโภคหน่อยค่ะ เมื่อผู้บริโภคได้เห็นความตั้งใจในการแก้ปัญหา และบริษัทสามารถยืนยันรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้ได้ คนที่รักซัมซุงและยังเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของซัมซุงก็จะกลับมาอยู่ดี

เว้นแต่ว่ารอไม่ไหวแล้วซื้อ iPhone 7 Plus ไปเสียก่อนนั่นก็อีกเรื่อง