บทสรุปซูเปอร์โบว์ล’59 จุดพลิกผันอนาคต ‘ชีฟส์’?

เรียกว่าเป็นตอนจบที่พลิกความคาดหมายอยู่ไม่น้อยสำหรับศึก ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 59 ที่เพิ่งจบไป

บทสรุปของลีกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอลฤดูกาล 2024 ลงเอยด้วยชัยชนะของ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ เหนือ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ 40-22 โดยเกมทำท่าจะขาดตั้งแต่ท้ายๆ ควอเตอร์ที่สามต่อด้วยต้นควอเตอร์สุดท้าย ซึ่งอีเกิลส์นำห่าง 34-0 และ 40-6 แม้ชีฟส์พยายามฮึดไล่มาก็ไม่ทันแล้ว

เหตุที่ว่า “พลิกความคาดหมาย” เนื่องจากก่อนการแข่งขัน กระแสจากสื่อ แฟนๆ และนักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะเทไปทางชีฟส์เสียมากกว่า

ด้วยชื่อชั้น ศักดิ์ศรี และสตอรี่ ชีฟส์กำลังไล่ตามประวัติศาสตร์กับการเป็นทีมแรกของลีกที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้ 3 สมัยก่อน

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน มีทีมที่ครองแชมป์ซูเปอร์โบว์ล 2 ปีติด รวม 8 ครั้ง แต่ไม่เคยมีทีมไหนที่ก้าวไปคว้าแชมป์เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันได้เลย ไม่แม้แต่จะได้เข้าชิง ชีฟส์จึงถือว่าก้าวขาข้างหนึ่งสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แล้ว

อีกทั้งผลงานในฤดูกาลปกติของแชมป์เก่าถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ชนะ 15 แพ้ 2 ขณะที่อีเกิลส์ชนะ 14 แพ้ 3 และคู่นี้เคยเจอกันมาในรอบชิง ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 57 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ชีฟส์เป็นฝ่ายชนะ 38-35

ชีฟส์มี แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กวัย 29 ปี นำทัพ ซึ่งด้วยอายุเท่านี้กับแหวนซูเปอร์โบว์ล 3 วง จากการเข้าชิง 4 ครั้ง หลายคนมองข้ามช็อตอวยเขาเทียบกับ ทอม เบรดี้ ตำนานมือขว้าง 7 แชมป์ซูเปอร์โบว์ลไปแล้ว

เท่านั้นไม่พอ ชีฟส์ยังมี ทราวิส เคลซี่ ปีกในตัวเก่งที่มีดีทั้งฝีมือและสตาร์เพาเวอร์ ในสนาม เขาทำสถิติรับลูกได้อย่างน้อย 90 ครั้ง เป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกันแล้ว ส่วนนอกสนาม เขาก็คบหากับนักร้องสาวคนดัง เทย์เลอร์ สวิฟต์ จนสื่อและแฟนเพลงให้ความสนใจ จนว่ากันว่าคู่รักคู่นี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ลีกคนชนคนเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ได้ชนิดไม่เคยมีมาก่อน

เรียกว่าถ้าอะไรๆ เป็นไปอย่างที่คิด แมตช์นี้น่าจะลงเอยด้วยการที่ชีฟส์สร้างประวัติศาสตร์ “three-peat” หรือการคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน พวกเขากลายเป็น “ไดนาสตี้” ครองความยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานของลีกเอ็นเอฟแอลอย่างต่อเนื่อง ส่วนมาโฮมส์ก็ขยับมาชิงตำแหน่ง GOAT หรือควอเตอร์แบ็กที่เจ๋งที่สุดตลอดกาลกับเบรดี้เต็มตัว

ฝั่งอีเกิลส์นั้น ก่อนแข่งถึงในแง่สถิติและผลงานในสนามจะไม่ได้เป็นรองสักเท่าไร แต่สตอรี่อาจจะไม่หวือหวาเท่า นอกจากการล้างแค้นที่ผิดหวังเมื่อ 2 ปีก่อน รวมถึงการตั้งหลักกลับมาได้หลังจากปีที่แล้วผิดหวังตกเพียงรอบเพลย์ออฟไวลด์การ์ด จนเฮดโค้ช นิก ซีเรียนนี่ หวิดจะตกเก้าอี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาแข่งขันจริง อะไรๆ กลับไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนคิด อีเกิลส์ไม่เพียงสู้ได้ดี แต่ยังทำดีมากจนเกมออกมาห่างชั้นอย่างเหลือเชื่อ

เกมบุกที่ว่าแน่ๆ ของชีฟส์ เมื่อเจอกับทีมรับของอีเกิลส์เข้าไป งานนี้ถึงกับเล่นไม่ออก

มาโฮมส์โดนแซ็กในเกมนี้ถึง 6 ครั้ง เป็นสถิติสูงสุดต่อนัดในการเล่นลีกเอ็นเอฟแอลของเขา แถมจุดเด่นเรื่องการปรับเปลี่ยนการขว้างลูกได้ตามสถานการณ์ภายใต้ภาวะกดดัน มานัดนี้เจอทีมรับฝ่ายตรงข้ามไล่บี้จนไม่โดนแซ็กก็ขว้างทิ้งขว้างเสียอยู่หลายรอบ

ส่วนเคลซี่ ปีกคู่ใจ รับลูกทั้งเกม 4 ครั้ง ทำระยะแค่ 39 หลา ไม่มีทัชดาวน์

 

ขณะที่ จาเลน เฮิร์ตส์ ควอเตอร์แบ็กฝั่งอีเกิลส์ คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ของซูเปอร์โบว์ลไปครอง หลังขว้าง 17 ครั้ง รวมระยะ 221 หลา กับ 2 ทัชดาวน์ แต่มีทีเด็ดที่วิ่งเองถึง 11 ครั้ง รวม 72 หลา กับ 1 ทัชดาวน์

เฮิร์ตส์บอกว่า ทีมเรียนรู้จากความผิดหวังในอดีต บทเรียนที่ว่าทีมรับจะช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะทีมรับไม่เพียงหยุดเกมบุกฝ่ายตรงข้าม แต่ยังสร้างโอกาสให้ทีมบุกของตัวเองได้รุกในระยะที่ใกล้กว่าปกติด้วย

ว่ากันว่า ซีเรียนนี่และทีมสตาฟฟ์ใช้เวลา 13 เดือนในการปรับโฉมทีมใหม่ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความดุดันในเกมรุก นำโดย เซควาน บาร์กลีย์ ตัววิ่งหนึ่งเดียวที่ทำระยะเกิน 2,000 หลาในฤดูกาลปกติซีซั่นนี้ และแนวรับที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าเพื่อบีบให้ทีมบุกฝ่ายตรงข้ามต้องเจอกับแรงกดดันมหาศาล

บทสรุปของซูเปอร์โบว์ลไม่เพียงเป็นการล้างแค้นที่สัมฤทธิผลสำหรับอีเกิลส์ แต่ฟอร์มการเล่นที่ห่างชั้นก็น่าจะทำให้ “ไดนาสตี้” ของชีฟส์ระส่ำไปไม่มากก็น้อย

ตอนจบที่หลายคนไม่คาดคิดนี้จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ คงต้องรอดูกันในฤดูกาลต่อไป

และอาจจะรวมถึงบทบาทหรือการปรากฏตัวในเกมการแข่งขันที่ต่างออกไปของนักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์

หลังจากโดนโห่เสียงดังในสนามรอบชิง แบบที่เจ้าตัวก็ยังงงๆ ไม่น้อยด้วยเช่นกัน •

 

Technical Time-Out | SearchSri