ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 14-20 กุมภาพันธ์ 2568
• เทรนด์ “รัก”
บริษัทจัดหาคู่ ระดับไฮเอนด์ Bangkok Matching ทำงานจัดหาคู่ให้กับกลุ่มคนโสดชายหญิงในไทยที่มีรายได้ขั้นต่ำ 5 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นต้นไป
พบว่า คนโสดชายหญิงไทย ตระหนักและรู้คุณค่าของตนเองมากขึ้น รักตนเองมากขึ้น
โดยเฉพาะหญิงโสดไทย ก่อนที่จะรักคนอื่น จะกลับมาให้ความรักตนเองก่อน
และเห็นคุณค่าของตนเองที่จะไม่ให้ใจกับคนที่ไม่ให้ค่า ไม่ให้ความเคารพ รักตนเองอีกต่อไป
คนโสดไทยทั้งชายหญิง นิยมการพบคู่ด้วยวิธีธรรมชาติมากที่สุด
เพราะอยากให้ความรักเกิดจากพรหมลิขิต บังเอิญมาเจอกัน
มันโรแมนติกกว่าการใช้แอพพ์หาคู่ บริการจัดหาคู่ หรือการพบกันออนไลน์
วิธีที่คนโสดไทยชอบมากที่สุด คือ การหาคู่ผ่านการแนะนำของคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือจากครอบครัว การทำกิจกรรมต่างๆ และการลงคอร์สต่างๆ
หากช่องทางธรรมชาติไม่สำเร็จ ไม่ได้ผล คนโสดที่ต้องการจะมีคู่ ก็จะขยายพื้นที่ในการหาคู่ไปช่องทางต่อๆ ไป
หนุ่มโสด สาวโสดไทยไม่ต้องการ และจะไม่ฝืนเป็นคนที่ตนเองไม่ได้เป็น
หนุ่มโสด สาวโสดไทยชอบที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองเลยตั้งแต่ต้นที่รู้จักกัน
เพราะอยากให้คนที่ตนพบ ชอบตนที่ตัวตนจริงๆ
ต้องการเริ่มต้นทำความรู้จักกันด้วยตัวตนเองอย่างแท้จริง
เพราะอยากมีความสัมพันธ์ที่ตนเองไม่ต้องปรับเปลี่ยน จนไม่เป็นตนเองเพื่อใครสักคน
การแต่งงาน การมีลูก = การมีชีวิตที่สมบูรณ์ ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับหนุ่มโสด สาวโสดชาวไทยอีกต่อไป
แต่กลับมาโฟกัสที่ตนเองและการมีคู่ชีวิตที่ดี เป็นเพื่อนคู่คิด ใช้เวลาสุข ทุกข์ไปด้วยกัน
คนโสดไทยหันมาโฟกัสที่ความสุขเฉพาะตัว ณ ปัจจุบัน
การออกเดต การเลือกคู่ตามที่ใจต้องการ เน้นประสบการณ์ชีวิต ความสุข ณ เวลานั้นๆ ความสุข ณ ปัจจุบันสำคัญที่สุด
หนุ่มโสด สาวโสดไทยส่วนใหญ่ยังต้องการมีคู่อยู่ หากคู่นั้นเป็นคนที่ดี มีทัศนคติ การใช้ชีวิตสอดคล้องต้องกัน คู่ที่ต้องมาเสริมชีวิตกันและกันให้ดีขึ้น
สโลแกน “หากได้แฟนที่ไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่เอา”
ยังเป็นสโลแกนยึดต่อเนื่องมาสู่การหาคู่ปี 2568
Bangkok Matching
บริษัทจัดหาคู่พรีเมี่ยม
ในโอกาส “วาเลนไทน์”
เลยเอาเรื่องความรักของคนโสดไทย
มาเล่าสู่กันฟัง
อาจด้วยเป็นข้อมูลจากคนโสดที่มีรายได้สูง
คือ 5 หมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป
รักจึงมั่นแบบ
“หากได้แฟนที่ไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่เอา”
คนกลุ่มนี้จึงมีทางเลือกที่จะมีคู่รัก หรือโสด
แต่ชายหญิงโสดอื่นๆ “มั่น” ได้แบบนี้หรือไม่
–น่าติดตาม
• “สุข” ที่มีสติ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568
สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมใหญ่เครือข่ายจากทั่วประเทศเนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี ระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุมอุบลฮอล์ โรงแรมเซนทารา จังหวัดอุบลราชธานี โดยชูสโลแกน “ความสุขที่มีสติ” ในสถานการณ์สังคมแบบเสรีนิยม
พร้อมประเมินสถานการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ในภาคอีสาน
ในภาพรวมสถิตินักดื่มเปรียบเทียบปี 2560 กับปี 2564 พบว่า จังหวัดนครราชสีมา และอำนาจเจริญ ความชุกลดลง
ส่วนอีก 6 จังหวัด สถิติเพิ่มขึ้นได้แก่ มุกดาหาร บุรีรัมย์ สุรินทร์ ยโสธร ชัยภูมิ อุบลราชธานี
ส่วนจังหวัดศรีสะเกษสถิติความชุกคงเดิม คือ ร้อยละ 26.90 รวมทั้งความชุกของเยาวชนอายุ 15-19 ปีของจังหวัดศรีสะเกษ สถิติลดลงอย่างชัดเจน จากร้อยละ 12 ปี 2560 เป็นร้อยละ 7.3 ในปี 2564
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมสถิติปัญหาของภาคอีสานในหลายจังหวัดน่ากังวล
โดยเฉลี่ยพบว่า ร้อยละ 32.3 พบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 23.9
การดื่มในงานประเพณี / คอนเสิร์ต งานเลี้ยง ร้อยละ 70.0
การขายในวันพระใหญ่ต่างๆ ร้อยละ 15.7
การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย ร้อยละ 25.2
การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ห้ามขาย ร้อยละ 7.1
และดื่มในบ้านตนเอง กว่าร้อยละ 88.6
พบว่า จังหวัดมุกดาหาร เป็นจังหวัดที่ดื่มสูงในภาค กว่าร้อยละ 38.6 เป็นอันดับ 5 ของประเทศ ซึ่งคงต้องเจาะลึกสถานการณ์ปัญหาของแต่ละจังหวัด
นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 22 ปี ของการก่อตั้งเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นอกจากจะเป็นช่วงเวลาทบทวนและพบปะเพิ่มพลังเครือข่ายแล้ว ยังต้องมองอนาคตใน 2-3 ปีจากนี้ไป
โดยข้อมูลปี 2564 ความชุกนักดื่มโดยรวมประเทศ ร้อยละ 28
ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ปัญหาจากปัจจัยเสี่ยงสุขภาพจะเพิ่มมากขึ้น
ส่วนหนึ่งเกิดจากรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การแก้ไขกฎกระทรวงของกรมสรรพสามิตให้การผลิตสุราทำได้ง่ายขึ้น
กรณีปัญหากัญชากระท่อมที่เริ่มส่งผลต่อเด็กเยาวชน รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า พนันออนไลน์ ที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำให้ถูกกฎหมายมากขึ้น
โดยในโซนภาคอีสาน ซึ่งกำลังถูกส่งเสริมให้มีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเป็นสุราท้องถิ่น
วิถีชีวิตที่ชอบสนุกสนานม่วนหน้าฮ่านรถแห่ ประเพณียิ่งใหญ่บุญบั้งไฟ บุญแข่งเรือ
รวมทั้งวิถีกินเหล้าหลังเสร็จงาน การเลี้ยงแขกด้วยเหล้า เป็นบรรทัดฐานและกิจกรรมการส่งเสริมตลาดของธุรกิจที่มาพร้อมกับการเป็นสปอนเซอร์จัดงานแบบ CSR ปลอม
ซึ่งในความเป็นจริงผู้ที่ผลิตนำเข้าหรือขายสินค้าต้องรับผิดชอบต่อการขายสินค้าที่ไม่ธรรมดา เช่น ต้องจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งต้องควบคุมผู้ขายให้ทำตามกฎหมาย การไม่ขายคนเมา ไม่ขายให้เด็ก
รวมทั้งการปฏิบัติตามการควบคุมโฆษณาอย่างเคร่งครัด เป็นต้น
สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
ประชุมคณะรัฐมนตรี
ก่อนวัน “มาฆบูชา” หนึ่งวัน
นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร
สั่งศึกษาการ “ขยายเวลา” ขายเหล้า
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
คงเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันมาก
สคล.เอง ก็คงต้องติดตามใกล้ชิด •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022