การเมือง ‘คู่ขนาน’ ฝ่ายค้านจ่อเปิด ‘ซักฟอก’ ฝ่ายรัฐบาลวูบไหว ‘ปรับ ครม.’

บทความในประเทศ

 

การเมือง ‘คู่ขนาน’

ฝ่ายค้านจ่อเปิด ‘ซักฟอก’

ฝ่ายรัฐบาลวูบไหว ‘ปรับ ครม.’

 

ค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ภายหลังแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย “หัวหน้าเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมพูดคุยการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาล และประเด็นเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

โดยช่วงวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 และคาดว่าจะสามารถเปิดเวทีซักฟอกรัฐบาลได้ในเดือนมีนาคมนี้

แม้ว่ารัฐบาลของ “นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศได้ไม่ถึง 6 เดือน แต่ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านกลับมองว่าเป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ฉะนั้น ช่วงเวลาเกือบครึ่งเทอมที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศ จึงคิดว่ามีความเหมาะสมที่สุดแล้ว

โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่า รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินขาดประสิทธิภาพ มีการปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมหลายต่อหลายเรื่อง รวมทั้งมีประเด็นที่ส่อเค้าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ได้เป็นไปตามธรรมาภิบาลของระบอบประชาธิปไตย ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาลควรจะต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุล และชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา

รวมทั้งต้องการตีแผ่ความจริงให้ประชาชนได้รับทราบด้วยว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลขาดความชอบธรรม และการขาดความเป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล สะท้อนการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นปัญหาและส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร

การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้ นอกจากขุนพลจากพรรคประชาชน (ปชน.) ที่เตรียมลับมีดรอเชือดรัฐบาลแล้ว สิ่งที่น่าจับตามอง คือ บทบาทการทำหน้าที่ของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำทัพของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค หลังจากพรรคพลังประชารัฐถูกเขี่ยพ้นออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรในเวทีซักฟอก

แต่ทว่า สิ่งสำคัญที่เปรียบเสมือนไฮไลต์ของงาน ย่อมหนีไม่พ้นประเด็นที่จะนำมาเปิดซักฟอก โดยก่อนหน้านี้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ออกมาแย้มๆ ว่า “ประเด็นจะมีหลายเรื่อง ทั้งระดับนโยบายหรือการบริหารราชการที่ล้มเหลว รวมไปถึงกรณีต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น และมีเซอร์ไพรส์ บางเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ ยังไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อน”

อย่างไรก็ดี หากลิสต์ประเด็นที่คาดว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมาชำแหละรัฐบาลในเวทีซักฟอกครั้งนี้ นอกจากข้อบกพร่องการบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ ไฮไลต์สำคัญย่อมหนีไม่พ้น ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5, ปมที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์, กรณีปัญหา MOU 2544, นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) และความล่าช้าในการเร่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รวมทั้งประเด็นการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปรียบเสมือนตัวละครสำคัญ ที่คาดว่าฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลเชิงลึกไว้จัดหนักจัดเต็มอย่างแน่นอน

โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยระบุว่า ต้องมีการพูดกัน และในช่วงเดินทางไปเยือนจีน ก็มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมคณะไปว่ามีหัวข้อไหนที่จะต้องตอบ

“ต้องพร้อมตอบทุกเรื่อง เป็นนายกฯ ต้องพร้อมทุกเรื่อง” นายกฯ ระบุ

 

ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ว่า เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน สำหรับช่วงสมัยประชุมที่จะต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในครั้งนี้จะมีการยื่นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และอภิปรายในเดือนมีนาคม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน

“หากมีประเด็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย เราจะต้องตอบ แต่หากพาดพิงไปในส่วนบุคคล ก็เป็นหน้าที่ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในการฟ้องร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังว่าประเด็นหรือข้อมูลของฝ่ายค้านที่จะหยิบยกขึ้นอภิปรายนั้นมีอะไรบ้าง”

นายสรวงศ์ระบุด้วยว่า “พี่น้องประชาชนฟังอยู่ เพราะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล ก็ต้องแยกประเด็นออกไป หากฝ่ายค้านออกนอกประเด็นในการอภิปรายปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลก็เป็นผลเสียของฝ่ายค้านเอง ซึ่งหากการอภิปรายอยู่ในประเด็นก็ไม่มีปัญหา แต่หากอยู่นอกประเด็นก็พร้อมที่จะตอบโต้”

แต่ทว่า นอกจากประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นซักฟอกถล่มรัฐบาลแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นปัญหากวนใจให้คนรัฐบาลต้องออกมาตอบคำถาม นั่นคือ กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

โดยเฉพาะเก้าอี้สัดส่วนของพรรคกล้าธรรม ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค กระแสข่าวระบุว่าจะมีการดึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า คัมแบ๊กกลับมานั่งเก้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทนนางนฤมล ที่จะโยกไปนั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแทน

รวมทั้งยังมีการปรับสลับตำแหน่งอื่นๆ อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีรายชื่อถูกปรับออกจาก ครม. เป็นต้น

พลันที่กระแสข่าวออกมา บรรดารัฐมนตรีต่างออกมาปฏิเสธและยืนยันว่าไม่มีการส่งสัญญาณปรับ ครม.ใดๆ ทั้งสิ้น และอำนาจการตัดสินใจเป็นของนายกฯ แต่เพียงผู้เดียว โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจปรับ ครม.ก็ได้ออกมาระบุว่า “โผออกมาว่ายังไง โผเป็นทางการดิฉันเซ็นหรือเปล่า ถ้ายังไม่เซ็นก็ไม่ใช่โผ”

ฉะนั้น การสัมภาษณ์ของ “นายกฯ อิ๊งค์” จึงเป็นการยืนยันว่าการปรับเก้าอี้ ครม.ในเร็ววันนี้คงยังไม่เกิดขึ้นแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากจบเวทีซักฟอกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

คงต้องมารอดูกันอีกครั้งว่าการปรับเก้าอี้ ครม.จะเกิดขึ้นหรือไม่