วิบากกรรม ส.ส.ปูอัด ฉาวซ้ำรอยเดิม ล่วงละเมิดนักท่องเที่ยวไต้หวัน ควรได้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือ?

บทความในประเทศ

 

วิบากกรรม ส.ส.ปูอัด

ฉาวซ้ำรอยเดิม

ล่วงละเมิดนักท่องเที่ยวไต้หวัน

ควรได้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือ?

 

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง กับกรณีของ “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม พรรคไทยก้าวหน้า ถูกศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา

คดีนี้สื่อไต้หวันและสื่อจีนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนที่ถูกศาลออกหมายจับมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แต่กลับก่อเรื่องอื้อฉาว สร้างรอยด่างให้ประเทศไทยในสายตาชาวโลก

รายงานข่าวระบุว่า สาวไต้หวัน วัย 25 ปี ถูกนายไชยามพวานข่มขืนในโรงแรมหลังจากที่ดื่มด้วยกัน ผู้เสียหายยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเธอไม่ได้ยินยอม ส.ส.ปูอัดฉวยโอกาสตอนที่เธอเมาและล่วงละเมิดเธอ

ทั้งนี้ มีภาพจากกล้องวงจรปิด และบันทึกทางการแพทย์ยืนยันว่าเธอถูกละเมิดทางเพศจริง ล่าสุดสาวไต้หวันคนดังกล่าวเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว และผู้เสียหายก็พร้อมที่จะกลับมาเมืองไทย เพื่อเอาผิดกับ ส.ส.ปูอัด ด้วยเช่นกัน

สื่อไต้หวันระบุด้วยว่า ภายใต้กฎของรัฐสภาไทย ตำรวจต้องได้รับอนุญาตจากสภาผู้แทนราษฎร จึงจะสามารถจับกุมได้ ขณะเดียวกันความล่าช้าของการส่งหมายจับมายังสภาผู้แทนราษฎร อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของไทย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

 

ขณะที่ ส.ส.ปูอัดให้ทีมงานออกมาโต้ข่าวแทนตัวเองว่า “โดนใส่ร้ายเหมือนเดิมครับ ดิสเครดิตครับ” เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ส.ส.ปูอัดจะออกมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ ทีมงานตอบกลับว่า “แน่นอนครับ”

ด้าน ว่าที่ ร.ต.วัชรพล บุษมงคล หัวหน้าพรรคไทยก้าวหน้า ชี้แจงว่า ต้องให้โอกาสนายไชยามพวานก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายไชยามพวาน

“นายไชยามพวานเคยมีประวัติมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นพรรคยังให้โอกาส ส่วนตอนนี้ต้องดูรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร พรรคยังไม่ทราบข้อเท็จจริง” ว่าที่ ร.ต.วัชรพลระบุ

แน่นอนว่าเรื่องอื้อฉาวครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบด้านลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างร้ายแรง ซ้ำรอยกรณีของซิงซิง นักแสดงชาวจีนที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์นำตัวไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา ก่อนที่จะมีการประสานงานจนในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือซิงซิงให้หลุดพ้นจากขุมนรกบนดินได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันหลายฝ่ายกังวลว่าข่าว ส.ส.ปูอัดข่มขืนสาวไต้หวันอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวไทย เพราะชาวต่างชาติจะมองว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย อันตราย คนไทยไม่น่าไว้ใจ เพราะแม้กระทั่งคนมีตำแหน่งเป็นถึง ส.ส. ยังก่อเหตุล่วงละเมิดนักท่องเที่ยว

พร้อมทั้งมีกระแสเรียกร้องให้นายไชยามพวานลาออกจากตำแหน่ง โดยที่ไม่ต้องรอกระบวนการยุติธรรม และไม่ใช้เอกสิทธิ์ใดๆ เพื่อคุ้มครอง เพราะนักการเมืองไม่ควรที่จะมีพฤติกรรมแบบนี้

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายไชยามพวานมีข่าวพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2566 สมัยที่ยังอยู่กับพรรคก้าวไกล มีเหยื่อ 3 คนออกมากล่าวหาว่าพวกเธอถูก ส.ส.ปูอัดคุกคามทางเพศ ก่อนที่พรรคก้าวไกลทำการสอบสวนแล้วพบว่า ส.ส.ปูอัดมีพฤติการณ์ที่คุกคามทางเพศจริง ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง ทำให้ ส.ส.ปูอัดถูกขับให้ออกจากพรรคก้าวไกล และมาเข้าร่วมกับพรรคไทยก้าวหน้าในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีข่าวฉาวเกิดขึ้นกับนายไชยามพวานซ้ำรอยเดิม ฟากฝั่งคนในพรรคส้มต่างก็ออกมาโจมตีดุเดือด และเรียกร้องให้ ส.ส.ปูอัดแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง

นำโดยหัวหน้าพรรคประชาชน “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ปิยบุตร แสงกนกกุล รวมไปถึง 2 ส.ส.หญิงในพรรคประชาชนอย่าง “ลิซ่า” ภคมน หนุนอนันต์ และ กานต์ ภัสริน รามวงศ์

นายณัฐพงษ์แสดงความคิดเห็นว่า แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ถ้าถามความเห็นส่วนตัวเมื่อเรื่องเข้าถึงสภาผู้แทนราษฎร เราก็คาดหวังว่าสภาไม่ควรใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. ให้ความคุ้มครองการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่หากต้องมีการลงมติโหวตในสภา ในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค

แต่ในส่วนของพรรคประชาชนเห็นว่า ไม่ควรใช้ช่องทางนี้มุ่งหวังเพื่อให้ได้รับการคุ้มครอง ส.ส. ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เรื่องนี้ไม่ควรปกป้อง แต่การโหวตในสภาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรค การที่นายไชยามพวานอ้างว่าเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง ก็เป็นสิทธิที่เจ้าตัวจะสามารถชี้แจงได้

ขณะที่นายปิยบุตรออกมาจี้ให้ ส.ส.ปูอัดแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก หากยังไม่ยอมลาออก ก็จะเรียกร้องกดดันให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติอนุญาตให้ส่งตัวนายไชยามพวานไปทำการสอบสวนในฐานะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรงเช่นเดียวกับการฆ่าคนตาย จ้างวานฆ่า ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์

สอดคล้องกับมุมมองของ 2 ส.ส.หญิงพรรคประชาชน อย่าง ลิซ่า ภคมน และ กานต์ ภัสริน ที่ออกมาประณามการกระทำอันป่าเถื่อนและไร้ซึ่งมนุษยธรรมของนายไชยามพวาน รัฐสภาซึ่งควรเป็นสถานที่ของผู้แทนประชาชน กลับกลายเป็นที่ซุกซ่อนของผู้กระทำผิดทางเพศซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การข่มขืนไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อศักดิ์ศรีและสิทธิมนุษยชน ขอให้เรื่องนี้ถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุด คืนความยุติธรรมให้ผู้ถูกกระทำ

แต่ถึงกระนั้น นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป เธอยอมรับว่าแม้จะไม่ชอบพฤติกรรมของนายไชยามพวานก็จริง แต่เร็วเกินไปที่จะไปกดดันให้ต้องลาออก ขอให้ทุกฝ่ายมีใจเป็นธรรมและใช้ความรอบคอบตามสมควรก่อนที่จะไปตัดสินใคร

“ดิฉันไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดตามมา ถ้าเราไปด่วนประหารชีวิตใครสักคนทางสังคมและทางการเมืองด้วยเรื่องพาดหัวข่าวสั้นๆ โดยที่ยังไม่ทันได้ให้โอกาสอีกฝ่ายโต้ตอบข้อกล่าวหา การไปด่วนชี้หน้าใครถูกใครผิด หรือประณามหยามเหยียดน่าจะต้องรอให้เรื่องสะเด็ดน้ำกันบ้าง และต้องมีใจเป็นธรรม ไม่ใช้อคติที่มีในใจไปแล้วจากประวัติของเขาด้วย” นางอมรัตน์กล่าว

ส่

วนความคืบหน้าการรับหมายจับนายไชยามพวาน ล่าสุด ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งหมายจับนายไชยามพวานมาถึงสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมเป็นเรื่องด่วน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อดำเนินการขอมติจากสภาผู้แทนราษฎรต่อหมายจับดังกล่าว

ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายฝ่ายปักใจเชื่อไปแล้วว่า ส.ส.ปูอัดก่อเหตุข่มขืนสาวไต้หวันจริง แต่เจ้าตัวก็ยังคงออกมาปฏิเสธข่าวฉาวอยู่เป็นระยะๆ

โดยล่าสุดเพื่อนของ ส.ส.ปูอัด แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า นายไชยามพวานรอวันไปมอบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งเดียวที่เชียงใหม่ พร้อมทั้งยืนยันว่านายไชยามพวานไม่มีความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง หลังเพื่อนสมาชิกกดดันไม่ให้ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

ขณะเดียวกันเพื่อนของ ส.ส.ปูอัด บอกด้วยว่า ตำรวจมีการเรียกรับเงิน 4 แสนบาทแลกกับการยุติคดีตั้งแต่เดือนมกราคม เพราะนายไชยามพวานได้เดินทางกลับไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่รู้ว่าถูกแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อไม่จ่ายเงินก็กระโดดจากหมายเรียกเป็นหมายจับเลย ยอมรับว่าทั้ง 2 คนมีเพศสัมพันธ์กันจริง แต่เป็นการสมยอม และในห้องมี 3 คน คือนายไชยามพวาน สาวไต้หวัน และเพื่อนสาวของชาวไต้หวัน

“หลังเกิดเหตุตำรวจไม่ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานแวดล้อมเลย ฟังแต่คำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งแน่นอนว่าการตรวจร่างกายย่อมเจออสุจิอยู่แล้ว ทำให้นายไชยามพวาน ทีมงาน และทนายความต้องลงพื้นที่ไปเก็บหลักฐานเอง ที่ไม่ออกมาแถลงตอนนี้ เพราะกระแสสังคมยังแรงอยู่ พูดอะไรคนก็คงไม่ฟัง” เพื่อนของ ส.ส.ปูอัดกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับเงินตามที่มีการกล่าวอ้าง และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนี้เตรียมที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการให้ข้อมูล ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

คดีนี้เป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้หนึ่งผู้ใดกล้าเรียกรับสินบนจากท่าน ส.ส.

บทสรุปของ ส.ส.ปูอัด จะลงเอยอย่างไร ผิดหรือไม่ผิด อีกไม่นานก็คงได้คำตอบ!!