ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ |
ผู้เขียน | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
Trump, Tariff & Tech Titans
: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและ AI
ถึงเวลาผมต้องกลับสหรัฐอเมริกาแล้วครับ คราวนี้มีแวะหลายมหาวิทยาลัยเลย ไม่ว่าจะเป็น MIT, Stanford, Yale, Cornell กลับคราวนี้คงจะแวะดูเทคโนโลยีมาสักหน่อย
เพราะกำลังสนใจหัวข้อความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับ Tech Titans รวมถึงท่าทีที่เราเริ่มเห็นในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา
ภาษีศุลกากรของทรัมป์
และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เสนอแนวคิดเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากต่อหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเทคโนโลยี มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องการผลิตในประเทศและลดการพึ่งพาจีน
แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทที่อาศัยห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
ผลกระทบของภาษีศุลกากร
ต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์, ชิพประมวลผล (GPU) และส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ ซึ่งหลายอย่างผลิตในจีน หรือใช้วัตถุดิบจากจีนเป็นหลัก
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ถือเป็นหัวใจของนวัตกรรม AI โดยมีบริษัทหลักอย่าง NVIDIA, AMD, Intel และ Qualcomm ที่ออกแบบชิพให้กับ AI โมเดลของ OpenAI, Google DeepMind และ Anthropic
1. ห่วงโซ่อุปทานของชิพอาจหยุดชะงัก
– Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ผลิตชิพให้กับบริษัทสหรัฐจำนวนมาก แต่วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจำนวนมากนำเข้าจากจีน
– บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Tesla ที่พึ่งพาซัพพลายเออร์จีนในการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาจต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น
2. ต้นทุนการประมวลผลของ AI อาจเพิ่มสูงขึ้น
– บริษัทอย่าง Microsoft, Amazon Web Services (AWS) และ Google Cloud ลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งประกอบด้วย GPU, ศูนย์ข้อมูล และเซิร์ฟเวอร์พิเศษ
– หากราคาชิ้นส่วนเหล่านี้สูงขึ้นเพราะภาษีศุลกากร ต้นทุนการพัฒนา AI และคลาวด์คอมพิวติ้งอาจเพิ่มสูงขึ้น
3. ตำแหน่งของ NVIDIA ในตลาด AI
– NVIDIA เป็นผู้นำด้าน AI chips แต่พึ่งพา TSMC และ Samsung ในการผลิตชิพ
– ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐ ห้าม NVIDIA ขายชิพ AI รุ่นใหม่ให้กับจีน ซึ่งอาจทำให้การผลิตชิพของจีนอย่าง DeepSeek ต้องชะลอตัวลง
การตอบโต้ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐ (Semiconductor Industry Association – SIA) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัท Intel, NVIDIA และ AMD ได้ออกมาเตือนว่าการจำกัดการค้ากับจีนอาจทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐเสียเปรียบในการแข่งขันระยะยาว
แม้ แซม อัลท์แมน จะไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาษีศุลกากรโดยตรง แต่เขาเคยสนับสนุนให้สหรัฐลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายภาษีของรัฐบาล
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น
– เงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้น หากต้นทุนการผลิตเทคโนโลยีสูงขึ้น ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, บริการคลาวด์ และ AI
– จีนอาจตอบโต้ ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก (Rare Earth Materials) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
อนาคตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวครั้งใหญ่ บางบริษัทอาจได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ
แต่บางบริษัทอาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและปัญหาทางการค้า
ความสัมพันธ์ของ Tech Titans มหาอำนาจเทคโนโลยี
: มิตรหรือศัตรู?
ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจเทคโนโลยีอย่าง อีลอน มัสก์ และ แซม อัลท์แมน มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
– อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI แต่ได้ลาออกจากคณะกรรมการบริหารในปี 2018 เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับทิศทางขององค์กร
– แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI ได้เปลี่ยนองค์กรจากไม่แสวงหาผลกำไรเป็นโครงสร้างที่แสวงหาผลกำไรบางส่วน เพื่อดึงดูดการลงทุนเพิ่มเติม
– มัสก์ได้วิพากษ์วิจารณ์การเปลี่ยนแปลงนี้ โดยกล่าวว่า “OpenAI ได้กลายเป็นบริษัทที่แสวงหาผลกำไรที่มีมูลค่าตลาดสูง ซึ่งไม่สอดคล้องกับภารกิจเดิม”
– อัลท์แมนได้ตอบโต้ว่า “มัสก์เป็นคนที่ชอบทะเลาะและมักจะเข้าปะทะกับคนอื่น”
แซม อัลท์แมน แม้จะเผชิญกับคำวิจารณ์จากมัสก์ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขายังคงเดินหน้ารับเงินลงทุนจาก Microsoft และพัฒนา GPT-5 โดยมีเป้าหมายสร้าง AI ที่ฉลาดยิ่งขึ้น
Microsoft กับ OpenAI
: หุ้นส่วนหรือผู้คุมเกม?
Microsoft ลงทุนมหาศาลใน OpenAI และได้รับสิทธิ์ใช้โมเดล AI ของ OpenAI บนแพลตฟอร์มของตนเอง แต่ความสัมพันธ์นี้ก็มีรอยร้าว ในปี 2023 OpenAI เกือบล่มสลายเมื่อบอร์ดบริหารปลดแซม อัลท์แมน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ Microsoft อย่าง แซทยา นาเดลลา รีบเสนอที่นั่งให้แซมในทีมของตนเอง แต่หลังจากพนักงาน OpenAI กดดันหนัก บอร์ดต้องคืนตำแหน่งให้แซม
เหตุการณ์นี้ทำให้ Microsoft เข้าใจว่าตนเองไม่ได้ควบคุม OpenAI ได้ 100% และอาจต้องพิจารณาสร้างโมเดลของตัวเองในอนาคต
สงครามชิพ AI
: NVIDIA vs. Google vs. AMD
เบื้องหลังการแข่งขันด้าน AI คือสงครามฮาร์ดแวร์ NVIDIA กลายเป็นเจ้าตลาดของ GPU ที่ใช้ในการฝึก AI แต่ Google และ AMD ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองเพื่อแย่งชิงตลาด
ในขณะที่ OpenAI และ Anthropic ต้องพึ่ง NVIDIA แต่บริษัทต่างก็ต้องการลดการพึ่งพานี้เพราะชิพของ NVIDIA มีราคาแพงมาก
ทรัมป์กับเกมของมหาอำนาจเทคโนโลยี
ทรัมป์เป็นคนที่ไม่ค่อยสนับสนุนกฎระเบียบเกี่ยวกับ AI เท่าไหร่นัก เขามองว่า AI ควรเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ไม่ใช่การควบคุมจากรัฐบาล
ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดี เขาอาจยกเลิกข้อบังคับหลายอย่างที่ไบเดนวางไว้ และปล่อยให้บริษัทเทคโนโลยีมีเสรีภาพในการพัฒนา AI มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็อาจทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น ด้วยนโยบายกีดกันจีนที่เข้มงวดขึ้น
Project Stargate
: พันธมิตรแห่งอนาคต
โครงการลับที่ชื่อ Project Stargate ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือความร่วมมือระหว่าง แซม อัลท์แมน, ลาร์รี เอลลิสัน (เจ้าของ Oracle) และ มาซาโยชิ ซัน (ผู้ก่อตั้ง SoftBank)
เป้าหมายของพวกเขาคือสร้างเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดมหึมา เพื่อให้สามารถพัฒนา AI ที่ก้าวหน้าขึ้นได้ โดยใช้ Oracle เป็นฐานโครงสร้างพื้นฐาน SoftBank เป็นผู้ลงทุน และ OpenAI เป็นผู้พัฒนา AI
โครงการนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแข่งขัน AI ระหว่างสหรัฐและจีน
DeepSeek : คู่แข่งจากจีน
จีนไม่ได้นั่งเฉยกับการแข่งขัน AI บริษัท DeepSeek ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับ OpenAI และ Anthropic โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Alibaba และ Tencent
DeepSeek ถูกออกแบบให้ทำงานภายใต้กรอบของกฎหมายจีน ซึ่งหมายความว่าโมเดลนี้จะถูกควบคุมด้านข้อมูลอย่างเข้มงวด เป้าหมายหลัก DeepSeek มุ่งเน้นการพัฒนา AI ที่สามารถทำงานได้ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายและวัฒนธรรมของจีน โดยเน้นการใช้งานในภาครัฐและเอกชน ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อให้สามารถแข่งขันกับบริษัท AI ชั้นนำของสหรัฐ แต่ความท้าทายอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เนื่องจากสหรัฐจำกัดการส่งออกชิพ AI ให้กับจีน
แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ DeepSeek ว่าเป็นโมเดลที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในแง่ของสิ่งที่พวกเขาสามารถส่งมอบได้ในราคาที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม เขายังเสริมว่า OpenAI จะพัฒนาโมเดลที่ดีกว่านี้ในอนาคต
อนาคตของโลกจะถูกกำหนดโดยผู้ที่สามารถควบคุม AI ได้ดีที่สุด และเกมนี้… เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ประเทศไทยล่ะอยู่ที่ตรงไหน?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022