ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง
การต่อต้านการจารกรรม
: เคมเปไทปะทะสายลับก๊กมินตั๋ง (5)
เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพาระเบิดขึ้น สายลับของรัฐบาลเจียงไคเช็กในไทยเริ่มปฏิบัติการจารกรรมมาตั้งแต่ต้นสงคราม
และเมื่อจีนได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐและอังกฤษทำให้ปฏิบัติการแทรกซึมเข้าไทยของสายลับก็มีความถี่เพิ่มมากขึ้น
ยิ่งทำให้การต่อต้านการจารกรรมสายลับจีนโดยเคมเปไทยิ่งมีมากขึ้นเช่นกัน

เคมเปไทกวาดล้างสายลับจีน
จากข้อมูลจับกุมในเอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติของไทยนั้น พบว่า เคมเปไทเริ่มจับสายลับจีนในเดือนพฤษภาคม 2485 หรือในช่วงต้นสงครามเพิ่งระเบิดขึ้นไม่นาน ต่อมาเมื่อ 30 พฤษภาคม 2485 นั้นเอง เคมเปไทบุกจับตัวนายสิริและนายฮองที่ร้านเวงเฮงหลง ถนนอุณากรรณ โดยไม่แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบการจับกุม
ต่อมาเคมเปไทได้คืนตัวผู้ถูกกล่าวหาเป็นสายลับจีนกลับคืนฝ่ายไทย เอกสารฝ่ายไทยบันทึกไว้ว่า เคมเปไททารุณกรรมผู้ต้องหาชาวจีนด้วย (หจช. (3) กต 1.5/15 กล่อง 1)
เมื่อวันที่ 29 กันยายนปีเดียวกัน สารวัตรทหารไทยญี่ปุ่นร่วมเข้าจับกุมสายลับจีนที่โรงแรมผ่านฟ้า ย่านนางเลิ้ง จับกุมชาวจีนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับได้ 2 คน คือ นายฮังตุ้น แซ่เอี้ย และนายเฉียม แซ่เตี้ย และไปจับนายตุ้น แซ่ฮัน ที่ร้านย่งฮั้งหลง ไปที่ร้านยวดเฮงหลีจับนายเชีย แซ่จิว และนายไท แซ่ฟู ติดตามด้วยการจับนายเส่ง แซ่อ่อ ที่ภัตตาคารห้อยเทียนเหลา และเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2485 เคมเปไทยและสารวัตรทหารไทยจับนายโอวจี้เองที่โรงแรมไต้ซิน แยกเยาวราชฐาน เป็นปรปักษ์กับกองทัพญี่ปุ่น (หจช.บก.สูงสุด 1.12.1/10 กล่อง 4)
ก่อนสิ้นสุดปี 2485 ในวันที่ 23 ธันวาคม 2485 นั้น เคมเปไทและสารวัตรทหารไทยเข้าจับกุมชายชาวจีน 3 คนที่ทิ้งใบปลิวต่อต้านไทย-ญี่ปุ่นได้ ต่อมาเมื่อ 24 ธันวาคม เคมเปไทได้คืนตัวคนจีน 3 คนที่ต่อต้านญี่ปุ่นแก่ฝ่ายไทย มีนายโง้วเซียะคิ้ม (ถูกจับ 16 มิถุนายน) นายลิ้มเจี้ยงชิ้ว (ถูกจับ 7 กันยายน) และนายจึงเยียวฮึ้ง (ถูกจับ 21 กันยายน) (หจช. (3)กต1.5/9 กล่อง1)
จากกรณีคืนตัวชาวจีน 3 คนที่ไม่ปรากฏข้อมูลการจับกุมในเอกสารฝ่ายไทยนั้น และเมื่อพิจารณาจากวันเดือนการจับกุมและการปล่อยตัวจะเห็นได้ว่า บางคนถูกจับไปนั้นคุมขังยาวนานที่สุดถึงเกือบ 6 เดือน
และไม่มีใครทราบว่า ชาวจีน 3 คนนี้โดนสอบสวนจากเคมเปไทด้วยวิธีการใดก่อนที่จะปล่อยตัวพวกเขาออกมา

สายลับจีนในช่วงปลายสงคราม
ในช่วงปลายสงคราม ไม่แต่เพียงจีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการฝึกสายลับและการเตรียมทำสงครามกองโจรในเขตของกองทัพญี่ปุ่นทางตอนใต้ของจีนเท่านั้น แต่จีนได้ร่วมมือกับหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษอีกด้วย เช่น S.I.S (secret Intelligence Service) S.O.E (Special Operations Executive) ตั้งค่ายฝึกสายลับจีนที่ตั้งในภาคใต้ของจีนใกล้อินเดียพม่าเพื่อฝึกสายลับที่จะถูกส่งเข้าแทรกซึมในเขตของกองทัพญี่ปุ่นด้วย (Frederic Wakeman Jr.,2003,312-314)
นายพลนากามูระบันทึกว่า สายลับจากสัมพันธมิตรต่างแทรกซึมเข้ามาปฏิบัติการในไทยว่า “ครึ่งหลังของปี พ.ศ.2487 มีสถานการณ์สู้รบที่ฝ่ายญี่ปุ่นเสียเปรียบอยู่ ในการต่อสู้ของพวกสายลับ ก็มีการส่งสายลับจากหลายประเทศเข้ามา และการต่อสู้นั้นเป็นไปอย่างรุนแรง”
เขาสรุปว่า ในช่วงท้ายสงครามหลังเดือนมีนาคม 2488 สายลับจากประเทศต่างๆ ที่แทรกซึมเข้าไทยมีกิจกรรมสายลับเหมือนกัน คือ เข้ามาปฏิบัติการเตรียมการสู้รบแบบกองโจร ซึ่งเคมเปไทสังเกตและจับตาปฏิบัติการของเหล่าสายลับได้ไม่ยาก (นากามูระ, 2546, 155)

สายลับจีนแทรกซึมเข้าไทย
ในช่วงปลายสงคราม ดูเหมือนว่า ความเคลื่อนไหวของสายลับก๊กมินตั๋งในไทยมีความคึกคักมาก ส่งผลให้ข้อมูลในรายงานการจับกุมสายลับของสารวัตรทหารมีความถี่มากขึ้น และเคมเปไทสามารถจับสายลับได้จำนวนมากขึ้นด้วย ดังเช่นในรายงานการจับกุมผู้ทำความผิดของสารวัตรร่วมไทย-ญี่ปุ่นในหอจดหมายเหตุไทยบันทึกเรื่องราวเหล่านี้บางส่วนไว้ว่า
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2487 เคมเปไทยและสารวัตรทหารไทยร่วมกันไปจับกุมชาวจีนผู้ต้องสงสัยเป็นจารชนให้รัฐบาลจุงกิงของเจียงไคเช็ก ที่ร้านฮุ่งง่วนไถ่ ทำโซดาที่เชิงสะพานกษัตริย์ศึก บริษัท ซีฮวด ร้านเซียมไต้หลก เป็นร้านตัดเสื้อ ที่ถนนเสือป่า สามารถจับนายยกซี แซ่ตั้ง และนายบันเจา แซ่ตั้ง ได้
ติดตามด้วยการบุกร้านตงง้วนหลง ที่บางลำพู จับนายเซียงคุ่ย แซ่ฮุ่น นายพ้ง แซ่ฮุ้น นายเจียม แซ่อัน พร้อมเอกสารบางอย่างได้ จากนั้นไปที่ร้านย่งกิ๊ดอัน ค้าผ้าแถวเยาวราชจับนายฮันฟุงยิง ที่โรงแรมไท้ง่วนเส่ง จับนายก๊กกวน แซ่ตัน ที่บ้านนายมุ้ยเอง ที่วัดจอมทองสามารถจับนายมุ้ยเองได้พร้อมเอกสาร และบุกบ้านของนายฮุ้นมกหว่า ที่วัดจอมทอง ไปสอบสวนที่กองบัญชาการสารวัตรทหารญี่ปุ่น และวันที่ 28 สิงหาคม สารวัตรทหารไทยร่วมไปจับกุมการจารกรรมที่ร้านตัดเสื้อยี่ห้อมิ้นฉ่อง แยกวัดตึก (หจช.(3) กต 1.5/20 กล่อง 1)
วันที่ 30 สิงหาคม 2487 สารวัตรทหารไทยร่วมกันไปจับกุมสายลับจีนที่หนีมาจากโชนัน (สิงคโปร์) มาหลบซ่อนตัวที่โรงแรมอันอัน เยาวราช สามารถจับกุมนายตันบุญฮั้ว และนายหวั่งขั่งพัง ไต๋ก๋งเรือไชโยที่กำลังเตรียมจะหนีกลับไปยังโชนันได้ เคมเปไตนำตัวคนทั้งสองไปสอบสวนที่กองบัญชาการสารวัตรทหารญี่ปุ่น (หจช.(3) กต 1.5/20 กล่อง 1)
วันที่ 6 กันยายน 2487 สารวัตรทหารญี่ปุ่น-ไทยร่วมกันบุกทลายแหล่งกบดานของสายลับจีนได้ถึง 4 แห่ง พร้อมจับสายลับจีนจำนวนมาก ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
การบุกห้างหุ้นส่วนโค้วง่วนฮะ ที่ถนนไมตรีจิตต์ ย่านหัวลำโพง จับกุมชาวจีน 5 คน นายซุน วัสสันตจักส์ (เจ้าของ) นายยูซิม แซ่โค้ว นายเย๊กเซี๊ยะ แซ่โค้ว นายกังเซ้ง แซ่เฮ้ง นายยงเกียง แซ่เฮ้ง
ที่ยี่ห้อจิ้นเซียง สำเพ็งสารวัตรทหารสามารถจับชาวจีน 6 คน ประกอบด้วย นายเป๋งเม้ง แซ่เตีย (เจ้าของ) นายลิบเส็ง แซ่เตีย นายเซียงโง้ว แซ่เตีย นายกิมยุก แซ่เตีย นายฮุ่น แซ่อึ้ง และนายเชือจือ แซ่โค้ว พร้อมเอกสารภาษาจีนหลายฉบับ ที่บ้านนายเปี๋ยน แซ่โค้ว หรือนายบำรุง บุนเริกส์ ที่ถนนพญาไท บ้านนายยักเล็ก แซ่ย่ำ พร้อมแผนที่ที่ตั้งกองทหารไทยและเอกสารภาษาจีนหลายฉบับ

ที่บ้านถนนหลังวัดเทพศิรินทร์จับชาวจีน 5 คน นายอิมเท้ง แซ่แต้ นายง่วนกิม แซ่แต้ นายซุนเทง แซ่แต้ นายจูกวง แซ่แต้ และนายฮั่งเทง แซ่แต้ พร้อมเอกสารภาษาจีน จากนั้น เคมเปไทได้นำผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนที่กองบัญชาการ
และวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2488 เคมเปไทจับนายเต็กเฮง แซ่โค้ว ที่บ้านถนนเทพศิรินทร์ด้วยสงสัยเป็นสายลับ (หจช.(3) กต 1.5/27 กล่อง 1)
ทั้งนี้ ควรตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ชาวจีนที่ถูกจับหลายคนน่าจะเป็นคนจีนที่เกิดในไทยด้วยเอกสารฝ่ายไทยบันทึกชื่อพวกเขาว่านาย และมีสกุลเป็นแซ่ ซึ่งบางคนมีชื่อไทยประกอบด้วย ส่วนจีนต่างด้าวนั้นจะพบว่า เอกสารจะบันทึกแซ่และตามด้วยชื่อของบุคคลเหล่านั้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากสายลับจีนเหล่านี้ถูกจับกุมแล้วเคมเปไทจะควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองบัญชาการสารวัตรทหารญี่ปุ่น ทว่า จากรายงานจับกุมผู้ทำหน้าที่สายลับจีนเหล่านี้ที่จัดเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ส่วนใหญ่นั้น ผู้เขียนยังไม่พบข้อมูลการคืนตัวผู้ต้องหาเหล่านี้จากเคมเปไทกลับมายังสารวัตรทหารไทยแต่อย่างใด จากนั้น ข้อมูลลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับพวกเขาก็หายไปพร้อมกับคำถามถึงชีวิตของพวกเขา


สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022