สูตรเออร์ลี่ฯ 6 เดือน ทำโผเมษาฯ ร้อน ทัพ 4 ขยับ จับตา ตท.25 ส่ง คู่ชิง ปลัดกลาโหม

รายงานพิเศษ

 

สูตรเออร์ลี่ฯ 6 เดือน

ทำโผเมษาฯ ร้อน

ทัพ 4 ขยับ

จับตา ตท.25

ส่ง คู่ชิง ปลัดกลาโหม

 

การแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี หรือโผเมษายน ดูมีลุ้นขึ้นมาทันที หลังจากที่กลาโหมออกระเบียบใหม่ สำหรับโครงการเกษียณราชการก่อนกำหนด หรือ early retirement เอื้อให้นายพลลาออก เอายศเพิ่ม แต่ไม่ได้เงินเพิ่มไปด้วย

โดยการเปิดช่องให้ลาออกก่อนเกษียณได้โดยเหลืออายุราชการก่อนเกษียณอย่างน้อย 6 เดือน จากเดิม 1 ปี เพื่อให้นายทหารชั้นนายพลที่หมดลุ้นในการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ตัดสินใจลาออกเป็นโอกาสสุดท้าย

จึงมีนายทหารชั้นนายพลหลายคนที่จะเกษียณกันยายน 2568 นี้ เข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนด โดยเฉพาะในตำแหน่งหลักที่ถูกจับตามอง เพราะจะส่งผลให้การจัดโผโยกย้ายทหารกลางปีมีการขยับหลายตำแหน่ง

เช่น พล.ท.พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อย 2 ที่จะลาออกก่อนเกษียณ เพื่อได้ยศพลเอก ที่ก็คาดว่า รองเติ่ง พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาค 2 จะขึ้นแทน และครองอาวุโส ยศพลโท เพื่อที่จะขยับ เป็นแม่ทัพภาค 2 ในโยกย้ายปลายปี

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า แม่ทัพแม็ค พล.ท.คมกฤษณ์ รัตนฉายา แม่ทัพน้อย 4 จะลาออกก่อนเกษียณ เพื่อที่จะได้ยศพลเอกก่อนเกษียณ เช่น บิ๊กฉิ่ง พล.อ.กิตติ รัตนฉายา บิดา ที่เป็นอดีตแม่ทัพภาค 4 และอดีต ผช.ผบ.ทบ. หรือแม่ทัพฉิ่งในตำนาน การดับไฟใต้ในยุคแรก ยุคใต้ร่มเย็น

อันจะเป็นจังหวะในการวางตัวแม่ทัพภาค 4 คนใหม่ต่อไป ที่กำลังชิงกันอยู่ระหว่าง รองอ้วน พล.ต.วรเดช เดชรักษา (ตท.27) กับ รองคิ้ว พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน (ตท.28)

พล.ต.วรเดชมาแรงในโผนี้ เพราะมีแบ็กอัพดี รู้กันในพื้นที่ว่า เป็นทายาท ที่ถูกวางตัวไว้แล้ว ตั้งแต่ยุค บิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เป็นแม่ทัพภาค 4 ต่อเนื่องมาถึง บิ๊กเกรียง พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และยุค บิ๊กต้น พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค

โดยที่ พล.อ.พรศักดิ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.20 แม้จะเกษียณไปแล้ว แต่ก็ยังมีบารมีอยู่ รวมทั้ง พล.อ.เกรียงไกร อดีต ผช.ผบ.ทบ. ที่ปัจจุบันเป็นรองประธานวุฒิสภา ที่ยังมีเพาเวอร์ ส่วน พล.อ.ศานติ แกนนำ ตท.25 ก็อยู่หน้าห้อง บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. อีกทั้ง พล.ต.วรเดชเป็นรองแม่ทัพภาค 4 ก่อน และเกษียณก่อนกันยายน 2571 ส่วน พล.ต.ชาคริตเกษียณกันยายน 2572

หาก พล.ต.วรเดชขึ้นแม่ทัพน้อย 4 ก่อน ก็จะได้เปรียบอาวุโส เพราะติดยศพลโทก่อน แต่ก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะไม่ถูกเบียดแซง เพราะคาดกันว่า พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 จะนั่งเป็นแม่ทัพภาค 4 ต่อเป็นปีที่ 2 เพราะเกษียณกันยายน 2569

ที่สำคัญ พล.ต.ชาคริต ที่ขยับมาจาก ผบ.กองพลรบพิเศษ 1 และถือเป็นคีย์แมนสำคัญของนายทหารหมวกแดง รบพิเศษ ที่ทำงานชายแดนใต้แบบเงียบๆ มานานหลายปี

แต่ท้ายที่สุด อยู่ที่ พล.อ.พนา ในการจัดทัพชายแดนใต้ เพราะเมื่อครั้งที่ลงพื้นที่ไปล่าสุดมีข่าวว่า พล.อ.พนาได้มีการให้คะแนนแคนดิเดตแม่ทัพภาค 4 และแม่ทัพน้อย 4 เพราะได้ยินข้อมูลการทำงานต่างๆ ของรองแม่ทัพภาค 4 แต่ละคน

ส่วนแม่ทัพภาค 7 พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) จะไม่ลาออกก่อนเกษียณ แต่จะเกษียณคาตำแหน่ง แม้จะเกษียณด้วยยศพลโทก็ตาม เพราะ พล.ท.ทวีพูลมีโครงการที่ต้องการจะทำต่ออีกหลายเรื่อง

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า หลังเกษียณ พล.ท.ทวีพูลอาจผันชีวิตเข้าสู่สนามการเมืองที่บ้านเกิด แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา เพราะเป็นนายทหารคนหนึ่งที่สำนึกรักบ้านเกิดมาตลอด

จึงทำให้โผเมษายนปีนี้ เป็นโอกาสให้ พล.อ.พนาได้จัดทัพ ขยับหมุนเวียนได้เร็วขึ้น จากที่ต้องรอโยกย้ายใหญ่ตุลาคมนี้ แต่ พล.อ.พนาก็มีโอกาสจัดโผนายพลได้ถึง 6 ครั้ง เพราะเกษียณกันยายน 2570 นั่ง ผบ.ทบ.ยาว 3 ปี

แต่ประเด็นร้อนที่รออยู่หลังโยกย้ายเมษายนคือ บรรยากาศกรุ่นๆ ในกลาโหม เพราะเริ่มมีความไม่แน่นอนในตำแหน่งปลัดกลาโหมคนใหม่ ที่จะมาแทน บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ที่จะเกษียณกันยายน 2568 นี้

พลตรีวรเดช เดชรักษา

เป็นที่รู้กันว่า มีการวางตัว และสนับสนุนให้บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกลาโหม ที่เป็นทั้งเพื่อนเตรียมทหาร 24 ด้วยกัน และเป็นทีมบ้านป่ารอยต่อฯ ด้วยกัน ที่คาดกันว่า พล.อ.สนิธชนกจะต้องพยายามผลักดันให้สำเร็จ ก่อนที่จะเกษียณจากลากลาโหมไป

เพราะที่ผ่านมา พล.อ.สนิธชนกถือว่าเป็นปลัดกลาโหมที่มีบทบาทสำคัญในการจัดโผทหารให้เป็นไปตามแผนอำนาจสำเร็จ โดยเฉพาะการแต่งตั้ง ผบ.ทร.มาหลายคน โดยเฉพาะ บิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม และต่อด้วย บิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์

ที่งานนี้ต้องมีการวัดกัน เพราะมีข่าวสะพัด ทบ.ว่า ทบ.จะส่งแคนดิเดตมาชิงปลัดกลาโหมด้วย โดยมีชื่อ พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ตท.25 และโดยเฉพาะ บิ๊กชาย พล.อ.วสุ เจียมสุข ผช.ผบ.ทบ. แกนนำ ตท.25 ที่จะข้ามมานั่งปลัดกลาโหม เพราะในอดีต ระดับ 5 เสือ ทบ. ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหมมาแล้วหลายคน เพราะปลัดกลาโหมไม่จำเป็นต้องมาจากรองปลัดกลาโหม หรืออัตราพลเอกพิเศษ

เพราะ บิ๊กเล็ก พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ตอนเป็น ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กติ๊ก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา จาก ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ มาจาก ผช.ผบ.ทบ. และ บิ๊กหน่อย พล.อ. วรเกียรติ รัตนานนท์ ตอนเป็น เสธ.ทบ. เป็นต้น

ที่สำคัญ พล.อ.วสุเป็นสายตรง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกฯ เพราะเคยอยู่ทีมตึกไทยคู่ฟ้าในสมัยที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เป็นนายทหารที่มีหลังบ้านที่แข็งแกร่ง

อีกทั้งยังเป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่น 25 ที่มีบทบาทในการร่วมจัดโผโยกย้ายในครั้งที่แล้ว ในขณะที่ ตท.25 กำลังมีบทบาทในทีมงานของ บิ๊กอ้วน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โดยมี เสธ.หวาน พล.ร.ท.ชัยยงค์ ขุนทา แกนนำรุ่น เป็นทีมฝ่ายเสธ. รมว.กลาโหม

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ,พล.อ.วสุ เจียมสุข ผช.ผบ.ทบ.

ท่ามกลางกระแสข่าวถึงบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เป็นประธานรุ่นกิตติมศักดิ์ของ ตท.25 ที่คอยสนับสนุนเพื่อนร่วมรุ่นในกองทัพให้เติบโต ถึงขั้นที่มองว่าส่งเพื่อนร่วมรุ่น ตท.25 มาช่วยงานหน้าห้อง รมว.กลาโหม

เพราะนายภูมิธรรมเองก็สนิทสนมและให้ความสำคัญกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่กลายเป็นมือขวาอีกคนของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่านายภูมิธรรมก็ดึง บิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ทหารสูงสุด แกนนำ ตท.25 มาช่วยงาน อย่างไม่เป็นทางการ หลังจากที่ไม่สามารถให้ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา ในการขึ้นเป็น ผบ.ทร. ทั้งๆ ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.ที่เป๊ะที่สุดในเรื่องโปรไฟล์ และผลงาน ไม่แค่นั้นนายภูมิธรรมยังไว้วางใจ และใช้งาน บิ๊กเดช พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) ที่เป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่น 25 และสนิทสนมกับ ร.อ.ธรรมนัสอย่างมาก

อีกทั้งฝ่ายการเมืองมองว่าตำแหน่งปลัดกลาโหมเป็นอำนาจของ รมว.กระทรวงในการแต่งตั้ง เหมือนกระทรวงอื่นๆ ที่จะต้องเป็นมือทำงานใกล้ตัว รมว.กลาโหม และต้องเป็นที่ไว้วางใจได้ด้วย

เพราะในยุคที่ พล.อ.สนิธชนกเป็นปลัดกลาโหม ในยุคนี้นายภูมิธรรมก็อาจจะไม่ค่อยวางใจมากนัก เพราะมองว่าเป็นนายทหารสายบ้านป่ารอยต่อฯ และเป็นลูกเลิฟ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

แต่ทว่า ในกองทัพมองว่าปลัดกลาโหมถือเป็น ผบ.เหล่าทัพคนหนึ่ง ที่การเมืองไม่ควรล้วงลูก

อีกทั้งตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ปี 2551 และยังคงมีบอร์ด 7 เสือกลาโหมเช่นเดิม ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายภูมิธรรมจะล้วงลูกในการตั้งปลัดกลาโหมคนใหม่

ดังนั้น จึงส่อเค้าว่าการแต่งตั้งปลัดกลาโหมในปลายปีนี้จะร้อนแรง และต้องวัดและงัดกันระหว่างนายภูมิธรรมกับ พล.อ.สนิธชนก และอาจจะลามรวมถึง ผบ.เหล่าทัพ ที่จะต้องแท็คทีมกัน

อีกทั้ง พล.อ.สนิธชนกก็เป็นเพื่อนเตรียมทหาร 24 กับ ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด และ บิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณพร้อมกัน กันยายน 2568 นี้ ที่จะต้องจับมือกัน สู้ อีกครั้ง

ขณะที่ฝ่ายการเมืองก็ต้องทยอยแทรกซึม แชร์อำนาจในกองทัพ โดยเริ่มจากปลัดกลาโหมก่อน

พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ
พล.อ.เดชนิธิศ
พลตรีชาคริต อุจะรัตน