ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 7 -13 กุมภาพันธ์ 2568
• กลัว คนไม่รักการอ่าน
เรียน คุณธงทอง จันทรางศุ
อ่านบทเรียนของการ “ลาจาก” ในคอลัมน์หลังลับแลมีอรุณรุ่ง กรณีทรัพย์มรดกที่เป็นหนังสือแล้ว เชื่อว่าอาจารย์คงมีมาก อาจจะแบ่งปันให้หอสมุดหรือห้องสมุดของสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัด หรือถ้าให้แคบลงมาอาจจะเป็นห้องสมุดของที่เกี่ยวกับนิติศาสตร์
อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจคือศูนย์สารสนเทศสิทธิมนุษยชนที่อยู่ศูนย์ราชการตึก B ก็ได้ เชื่อว่าสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รู้คุณค่าของหนังสือ เพราะว่ารางวัลห้องสมุดเฉพาะดีเด่น ปี 2564 คงรับประกันคุณภาพได้ ดีกว่าหลายหน่วยงานราชการในตึกนี้ ที่ไม่ต้อนรับคนรักการอ่าน แถมบางหน่วยงาน ยุบปิดห้องสมุดก็มี
จากคนรักการอ่าน
คุณ “คนรักการอ่าน” ส่งจดหมายมาถึง อ.ธงทอง
หลังอ่านบทความแล้วคง “อิน”
ขอหนังสือของอาจารย์ธงทอง บริจาคให้ห้องสมุดเสียอย่างนั้น
ยินดีเผยแพร่ให้ แต่ก็อยากให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเรียกร้องอาจารย์บริจาคหนังสือเลย
เพราะอาจารย์ยังแอ็กทีฟ เขียนบทความ-สอนหนังสือให้สาธารณชนอ่านอยู่
ให้อาจารย์ท่านไว้อ้างอิง หาข้อมูลไปก่อนเถิด แหะๆ
คนที่จะสนับสนุนเรื่องหนังสือได้จริงจัง เห็นจะเป็นภาครัฐ
คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ทั้งหลาย ฝากด้วย…
เห็นไหม ยังมีคนรักการอ่านอยู่มาก
แต่ประโยคท้ายๆ อ่านแล้วจี๊ด หน่วยงานราชการในกรุงเทพฯ เองแท้ๆ
ยุบห้องสมุด ไม่ต้อนรับคนอ่านได้ยังไงเนี่ย…หุหุ
• กลัว หนี้ครัวเรือน
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2567 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2568 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568
ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ยังคงอยู่กับสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างมาก จากสภาวะโดยรวมและทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมา สะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยมีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2567 อยู่ที่ 572,675 คัน หรือลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566
ปริมาณการขายรวม 572,675 คัน -26.2%
รถยนต์นั่ง 224,148 คัน -23.4%
รถเพื่อการพาณิชย์ 348,527 คัน -27.9%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 200,190 คัน -38.4%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 163,347 คัน -38.3%
มีปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อที่ลดลงตามสถานการณ์ปัจจุบันของเศรษฐกิจ รวมถึงค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ทรงตัวสูง ตลอดจนความเข้มงวดของมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา อาทิ การที่ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 29% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์ที่ทางสถาบันการเงินอาจยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เนื่องจากความกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงและอัตราหนี้เสียที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2568 จะอยู่ที่ 600,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในปี 2567 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 338,107 คัน ลดลง 11% จากปี 2566 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 536,145 คัน หรือลดลง 14% จากปี 2566
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
หนี้ครัวเรือนน่ากลัวจริงๆ
ตัวเลขจากเอกชนรายใหญ่ของไทยด้านรถยนต์ล่าสุดน่าสนใจ
จำเป็นต้องติดตาม หาสาเหตุปัญหา เพื่อการแก้ปัญหาในอนาคตได้ถูกต้อง
เกาให้ถูกที่คัน
จะเห็นว่าค่ายญี่ปุ่นเขาไม่ได้กลัวค่ายรถอีวีจีนมากที่สุด
สาเหตุจริงๆ ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยซบเซาอย่างหนัก
คือหนี้ครัวเรือนต่างหาก
พอคนหนี้เยอะ แบงก์ก็ไม่ปล่อยสินเชื่อ ลามต่อเป็นทอดๆ
ทางแก้หนี้ก็ไม่ใช่การไปขอลดดอกเบี้ยอย่างเดียว มันไม่ยั่งยืน
ก็ต้องทำให้คนมีรายได้
โตโยต้าเขียนไว้แล้ว น่าจะเห็นโอกาสทำรายได้
ไหนๆ สู้เรื่องอีวีจีนไม่ทันแล้ว
ในเมื่อรถยนต์ไฮบริด (HEV) ความนิยมพุ่ง
อีวียังไม่เสถียร คนยังไม่พร้อมเสี่ยงเป็นนักสู้หน้าตู้ชาร์จ
ก็ทำไทยเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV) ไปเลยสิ…
• กลัว ฝุ่น
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘กรุงเทพฯ เมืองในฝุ่น’ สำรวจระหว่างวันที่ 27-28 มกราคม 2568 จาก 1,310 หน่วยตัวอย่าง
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ถึงความรุนแรงของวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ตัวอย่างร้อยละ 74.43 ระบุว่า มีความรุนแรงมาก รองลงมาร้อยละ 18.55 ระบุว่า ค่อนข้างมีความรุนแรง, ร้อยละ 5.88 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความรุนแรง
สำหรับการให้ประชาชนใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟ้า BTS-MRT ฟรี 7 วัน ช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่นละออง PM 2.5 ในกรุงเทพฯ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 34.89 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้น้อยมาก รองลงมาร้อยละ 33.89 ระบุว่า ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาเลย, ร้อยละ 24.50 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้พอสมควร และร้อยละ 6.72 ระบุว่า ช่วยแก้ไขปัญหาได้มาก
นิด้าโพล
โดยสรุป คนไทยกลัวฝุ่น PM 2.5 มาก
แต่มีคน 68.78% ที่เห็นว่า
นโยบายให้ขึ้นรถเมล์-รถไฟฟ้าฟรี
ช่วยแก้ได้น้อยมาก จนถึงไม่ช่วยอะไร
เข้าทางรัฐบาลที่ไม่ได้อยากต่ออายุอยู่แล้วพอดี อิอิ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022