ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
โลกทรรศน์ | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์
ไม่มีภาษีการค้าใดฟรี
ผมยอมรับว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกามีความสามารถหลายด้าน บุคลิก ชั้นเชิงธุรกิจ ความมั่งคั่ง แถมมีกองกำลังที่พลานุภาพมหาศาล ย่อมอำนวยความสำเร็จในทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและตัวท่านเอง แล้วเครื่องมือทางการเมืองสำคัญก็ได้ถูกนำมาใช้ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ท่านประกาศขึ้นภาษีศุลกากร 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก 10% ต่อจีนดังที่ท่านได้เคยหาเสียงเอาไว้
การขึ้นภาษีศุลกากรต่อทั้ง 3 ประเทศมีนัยยะสำคัญไม่ใช่แค่ตักเตือน ด้วยโดนัลด์ ทรัมป์ เคยปราศรัยหาเสียงว่า สหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลของท่านจะขึ้นภาษีศุลกากรต่ออีกหลายๆ ประเทศ รวมทั้งกลุ่มสหภาพยุโรปด้วย เหตุผลที่ทรัมป์อ้างก็เพื่อให้ประเทศเหล่านั้นจัดการกับสิ่งที่ทรัมป์เรียกว่า “ปัญหา” ต่อสหรัฐอเมริกา เช่น เป็นแหล่งผลิต ค้าและนำยาเสพติดเข้ามาสหรัฐอเมริกา บางประเทศไม่จัดการปัญหาผู้อพยพย้ายถิ่นของตนที่หนีและเข้ามาอาศัยและสร้างปัญหาให้สหรัฐอเมริกาประเทศที่รักของท่าน
ผมไม่ได้กล่าวหาว่า ประเทศทั้ง 3 ดังกล่าวทำอะไรดังที่ทรัมป์อ้าง เพียงแต่รู้จากสื่อมวลชนคร่าวๆ ว่า เม็กซิโกถูกกล่าวหาว่า คนเม็กซิกันหนีเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาผิดกฎหมายและสร้างปัญหาต่างๆ ในประเทศนี้ เช่นเดียวกับแคนาดา แต่แคนาดายังมีข้อโต้แย้งกับสหรัฐอเมริกาเรื่องการค้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติกับสหรัฐอเมริกา
ส่วนจีนแน่นอนเป็นเรื่องการค้าเกินดุล เรื่องความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบางด้านเหนือกว่าสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ บทความสั้นนี้จะลองหยิบประเด็นการขึ้นภาษีศุลกากรของทางการสหรัฐอเมริกามาพิจารณา
ข้อพิจารณาพื้นฐาน
คู่ค้าหลัก
จีน เม็กซิโก และแคนาดา คือคู่ค้าใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา วัดจากการนำเข้าสินค้า ทั้ง 3 ประเทศขายสินค้าให้สหรัฐอเมริกามูลค่าเกือบ 536 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 455 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 432 พันล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ อ้างข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกาปี 2022
ภาษีศุลกากรคือ ภาษีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจสหรัฐอเมริกาผู้นำเข้าสินค้าจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลมลรัฐ หลายๆ บริษัทหมุนต้นทุนส่วนเกินให้กับผู้บริโภคไม่ทางตรงก็ทางอ้อม นี่เองทำให้ภาษีศุลกากรส่งผลราคาสินค้าแพงขึ้นแก่ผู้บริโภค
มีข้อคิดคือ การยกเว้นภาษีศุลกากรอาจจำกัดความเสียหายแก่ผู้บริโภค แล้วยังมีคำถามมากมายเรื่อง ภาษีศุลกากรต่อแคนาดา จีนและเม็กซิโก เช่น ยังไม่มีความชัดเจนว่าสินค้านำเข้าใดจะได้รับการยกเว้น ทรัมป์พูดเมื่อ 30 มกราคม ตัวอย่างน้ำมันของแคนาดาต้องยกเว้น
หากถกเถียงสินค้าที่เฉพาะเจาะจง มีการวิจารณ์ว่า ทรัมป์ต้องพยายามลดความเสียหายต่อผู้บริโภคอเมริกันหรือไม่ ด้วยการยกเว้นสินค้าเหล่านั้น มีความเห็นว่า ทรัมป์สามารถเลือกไม่เก็บภาษีศุลกากร คือ เครื่องนุ่งห่มจากจีน ผลอโวคาโดจากเม็กซิโก หรือเนยจากรัฐควิเบก รัฐหนึ่งของแคนาดา
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ทําเนียบขาวอ้างว่า ภาษีศุลกากรและเป้าหมายทางเศรษฐกิจกว้างๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จะก่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
โฆษกทำเนียบขาว Kush Desai กล่าวว่า ภาษีศุลกากรของทรัมป์ในสมัยแรก มีการตัดภาษี ลดกฎระเบียบ (Deregulation) และนโยบายด้านพลังงาน มีผลเป็นประวัติการณ์ด้านการทำงาน ค่าจ้างและการลงทุนเติบโตสูง โดยไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ และในสมัยที่ 2 ทรัมป์จะใช้ภาษีศุลกากรนำทางสู่ยุคใหม่ของการเติบโต และความมั่งคั่งต่ออุตสาหกรรมอเมริกัน และคนทำงาน
แต่ความเห็นนี้ถูกโต้แย้งจากนักเศรษฐศาสตร์หลายฝ่าย
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งเห็นว่า ปริมาณภาษีศุลกากร 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโก และภาษีศุลกากร 10% สำหรับจีนจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเกือบ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ.2035 อันเป็นการประเมินของ Committee for a Responsible Federal Budget รายได้นี้อาจจะใช้บางส่วนเป็นงบประมาณ “ชดเชย” การตัดลดภาษีทั้งหมดที่มีมูลค่ามากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่มีข้อสังเกตว่า 10% ของภาษีศุลกากรที่เก็บจากจีนจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา “หดตัวลง” มีมูลค่า 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 คาดการณ์ได้ว่า จีนจะทำการตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรของตนเหมือนกัน นี่เป็นการวิเคราะห์จากนักเศรษฐศาสตร์ของ the Peterson Institute for International Economies-PIIE ทั้งนี้ รายงานของสถาบันวิจัยนี้ยังวิเคราะห์ว่า 25% ที่เก็บจากภาษีศุลกากรเม็กซิโกและแคนาดาจะเป็นสาเหตุให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศสหรัฐอเมริกาลดลงราว 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในเวลาเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดว่า มีการใช้ภาษีศุลกากรมากขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาจากช่วงเวลาหาเสียงของทรัมป์ที่ผ่านมา ทรัมป์เริ่มขึ้นภาษีศุลกากรทั่วไป 10% หรือ 20% ของสินค้านำเข้าทั้งหมด และอย่างน้อย 60% สินค้าจีน เป็นต้น
จากการประเมินของ Tax Policy Center หน่วยงานของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา ประเมินในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า 20% ภาษีศุลกากรทั่วไป และ 60% สำหรับสินค้าจีนจะทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี ค.ศ.2025 และส่งผลต่อรายได้ครัวเรือนสหรัฐอเมริกา
เรารู้แล้วว่า ภาษีศุลกากรสร้างความเสียหายมากมาย แต่ยังมีคำถามว่า มีผลมากแค่ไหนและต่อใคร
ภาษีศุลกากรกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร
การเก็บภาษีศุลกากรจีนจะมีผลกระทบโดยตรงกว้างขวางที่สุดต่อผู้บริโภค จีนส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม ของเล่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จีนคือผู้ส่งออกรายสำคัญ ของเล่นและอุปกรณ์กีฬาสู่สหรัฐอเมริกา และได้ส่งออกราว 40% ของรองเท้านำเข้า และ 25% ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ
ภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาจะกดดันต่อราคาอาหารสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา ด้วยทั้ง 2 ชาตินี้คือแหล่งสำคัญของผัก นับได้เป็น 47% ของการนำเข้าทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา 42% ของอุปกรณ์การขนส่งและเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์และน้ำมัน การนำเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างคร่าวๆ คือ 40% ของน้ำมันดิบมีแคนาดาเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญ หากน้ำมันถูกโจมตีด้วยภาษีศุลกากร จะมีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดพลังงาน แล้วมีผลต่อต้นทุนภาคธุรกิจและผู้บริโภค
ผลกระทบทางอ้อม ผู้ผลิตพลังงานอเมริกาต้องขึ้นราคาสินค้าของตน เพราะมีการแข่งขันจากต่างประเทศน้อยลง แล้วยังส่งผลต่อราคาสินค้าที่เป็นสินค้าปลายน้ำ เช่น เหล็ก ที่ขึ้นภาษีศุลกากรนำไปสู่ราคารถยนต์สูงขึ้น รวมทั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่และอุปกรณ์อื่นที่ใช้เหล็ก
มีการวิเคราะห์ว่า ภาษีศุลกากรสร้างความเสียหายรวมมากมาย เมื่อมีการขึ้นภาษีศุลกากร ประเทศต่างๆ ย่อมตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรของตน เป็นเหตุให้ผู้ผลิตสินค้าชาวอเมริกันสูญเสียการขายสินค้าในตลาดต่างประเทศ ตอนนี้ยังอาจไม่แน่ใจการตอบโต้ของเม็กซิโกและแคนาดา แต่จีนเคยทำแล้วและจะทำอีก ที่สำคัญยังส่งผลเสียหลายด้าน การทำงานของคนอเมริกันด้วย เช่น คนงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก
อุตสาหกรรมรถยนต์
ไม่ควรลืมว่า อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา
ค่ายรถยนต์ที่ได้รับผลจากภาษีศุลกากร ได้แก่ General Motor ผู้ขายรถได้อันดับ 1 หากดูจากเปอร์เซ็นต์การขาย Volkswagen ของเยอรมันก็เสี่ยงด้วย
แล้วค่าย Nissan Motor ก็ด้วย1 ไม่ว่าค่ายรถยนต์เป็นของอเมริกัน เยอรมัน หรือญี่ปุ่น โรงงานผลิตรถยนต์ตั้งอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ รวมทั้งโรงงานในเม็กซิโกด้วย
คนที่เจ็บปางตายคือ แรงงาน ผู้บริโภค รวมทั้งผลผลิตภายในประเทศด้วย
เรายังไม่รู้ผลแพ้ ชนะ แต่เกมภาษีศุลกากรสร้างความเจ็บปวดหลายภาคส่วน
ทรัมป์เป็นคนทำเอง
1Michael Wayland, “Trump’s threat for 25 % tariffs on Mexico and Cannada is challenging the auto industry” CNBC, 31 January 2025.
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022