สุวรรณภูมิ-ทวารวดี [14] พระขรรค์ชัยศรี ‘ผาเมือง’ สู่อโยธยา

พระแสงขรรค์ชัยศรี ภาพจากเว็บไซต์กรมศิลปากร

“ขรรค์ชัยศรี” เป็นชื่อพระแสงดาบ แสดงสัญลักษณ์อำนาจพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด (เมืองเสมา-ศรีจนาศะ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา) ที่ได้รับจากกษัตริย์ศรียโสธรปุระ (เมืองพระนครหลวง หรือนครธม) กัมพูชา

ต่อมา พ่อขุนผาเมือง (หรือเชื้อสายพ่อขุนผาเมือง) พร้อมเครือญาติและเครือข่ายการค้า ร่วมสถาปนาอโยธยา และสืบวงศ์เป็นกษัตริย์อโยธยา ทำให้พระแสงขรรค์ชัยศรีถูกเชิญจากเมืองราด (ลุ่มน้ำมูล) ลงไปอโยธยาแล้วสืบเนื่องถึงอยุธยา จึงพบพระแสงขรรค์ชัยศรีในตำนานพงศาวดาร และในกรุวัดราชบูรณะ อยุธยา

พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด พูดอย่างน้อย 2 ภาษา คือ เขมรและไท-ไต ส่วนประชาชนเมืองราดหลายชาติพันธุ์พูดอย่างน้อย 2 ภาษา คือ เขมร, ไท-ไต, และอื่นๆ (ในจารึกบางทีเรียก “พระยาผาเมือง” เป็นลูกชายพ่อขุนศรีนาวนำถุม กษัตริย์สถาปนา “ศรีสัชนาลัยสุโขทัย”)

เมืองราดรับเถรวาท แบบลังกา (จากอโยธยา) ซึ่งเผยแผ่โดยใช้ภาษาไท-ไต (ต่อไปข้างหน้าคือภาษาไทย)

“พระขรรค์ชัยศรี” สัญลักษณ์อำนาจกษัตริย์วงศ์เขมร (ภาพ) รูปสลักพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 ถือพระขรรรค์ชัยศรี ที่ปราสาทบันทายฉมาร์ [จากบทความเรื่อง “พระแสงขรรค์ชัยศรี สัญลักษณ์แห่งอำนาจ อาณาบารมีของวงศ์นครธม” โดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ ใน มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 10-16 มีนาคม 2566 หน้า 69]

ทบทวนความเป็นมา

กษัตริย์กัมพูชาแห่งกรุงศรียโสธร (“ผีฟ้าเจ้าเมืองศรียโสธรปุระ”) คือ เมืองพระนคร หลวง (นครธม) พระราชทานหลายอย่างให้พ่อขุนผาเมือง ได้แก่

พระนามปกติว่า “กรมเตงอัญผาเมือง”, พระนามเกียรติยศว่า “ศรีอินทรบดินทราทิตย์”, ลูกลาวชื่อ “นางสุขรมหาเทวี”, พระแสงดาบ “ขรรค์ชัยศรี” ซึ่งมีข้อมูลเพิ่มเติมต่อไปนี้

(1.) “กมรเตงอัญ” เป็นคำภาษาเขมร แปลว่า เจ้า

“กมรเตงอัญผาเมือง” ตรงกับคำไทยว่า “เจ้าผาเมือง” หมายถึงผาเมืองเป็นเจ้า มีตัวอย่างพระนามในรัฐสุพรรณภูมิว่าเจ้านครอินทร์ มีโอรส 3 องค์เรียงกัน เจ้าอ้ายพระยา, เจ้ายี่พระยา, เจ้าสามพระยา

(2.) “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” เป็น “ศรีอินทราทิตย์”

หลังยึดเมืองสุโขทัยได้จากขอมสบาดโขลญลำพง ผาเมืองยกให้บางกลางหาวครองเมืองสุโขทัย แล้วยกนาม “ศรีอินทรบดินทราทิตย์” ให้ด้วย แต่กร่อนคำจนกลายเป็น “ศรีอินทราทิตย์”

(3.) “นางสุขรมหาเทวี” ธิดากษัตริย์เขมร

ประเพณียกลูกสาวแต่งงานกับกษัตริย์หรือเจ้าเมืองในเครือข่าย แล้วดองเป็นเครือญาติ พบบ่อยๆ ในประวัติศาสตร์เพื่อขยายอำนาจทางการเมืองและการค้า เช่น

กษัตริย์เขมรยกลูกสาวให้เจ้าฟ้างุ้มแห่งหลวงพระบาง, พระมหาจักรพรรดิ อยุธยา ยกลูกสาวให้เจ้าไชยเชษฐา เวียงจันท์, พระมหาธรรมราชายกลูกสาว (พี่สาวพระนเรศวร) ให้บุเรงนอง เป็นต้น

(4.) “ขรรค์ชัยศรี” ของพ่อขุนผาเมือง เป็นมรดกตกทอดถึงกษัตริย์อยุธยา

เป็นพยานว่าพ่อขุนผาเมืองขึ้นครองอโยธยา จึงยกสุโขทัยให้สหายบางกลางหาว เพราะอโยธยาใหญ่กว่าและสำคัญกว่าสุโขทัย ดังนั้นพระขรรค์ชัยศรีจึงตกทอดถึงกษัตริย์อยุธยา

“ขรรค์ชัยศรี” เป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของอำนาจการเมืองของกัมพูชา และเชื้อวงศ์เขมร ดังต่อไปนี้

อำนาจการเมืองของกัมพูชา มีหลักฐานจำนวนมากเป็นที่รับรู้ทั่วโลก

เชื้อวงศ์เขมร พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาสืบวงศ์จากกษัตริย์กรุงศรียโสธร (เมืองพระนครหลวง) แห่งกัมพูชา เกี่ยวดองเครือญาติผ่านทางขอมละโว้ (ลพบุรี) เป็นที่รับรู้ในราชสำนักพระนารายณ์ (พบในคู่มือทูตสยามไปยุโรป ซึ่งเป็นเอกสารราชการกรุงศรีอยุธยา ราว พ.ศ.2224 พิมพ์ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 หน้า 90-94)

ตำนานล้านนา บางฉบับระบุว่าพระเจ้าแผ่นดินอยุธยาสืบวงศ์ขอมละโว้

คำให้การชาวกรุงเก่า บอกตรงๆ ว่าพระเจ้าแผ่นดินอยุธยาสืบวงศ์จากพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์แห่งเมืองพระนครหลวง กัมพูชา (พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์เป็น “วีรบุรุษในตำนาน” ที่นักวิชาการเชื่อว่าหมายถึงพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7)

พระแสงขรรค์ชัยศรี (พร้อมฝัก) สัญลักษณ์ของจักรพรรดิราช ที่เชื่อกันว่าตกทอดจากกษัตริย์อาณาจักรกัมพูชาโบราณ พระราชทานพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด [ภาพพระแสงขรรค์ชัยศรีและฝักดาบ พบในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา จากปกหลังนิตยสาร ศิลปากร ปีที่ 62 ฉบับที่ 2 (มีนาคม-เมษายน) 2562]

พ่อขุนผาเมือง คือ พระยาแกรก?

พ่อขุนผาเมืองมีพระขรรค์ชัยศรี อาจตรงกับตำนานพระยาแกรก กษัตริย์อโยธยา (ก่อนอยุธยา)

พระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นพระแสงของพระยาแกรก กษัตริย์อโยธยา

พระยาแกรกเป็น “ผู้มีบุญ” มาทางทิศตะวันออก (ของอยุธยา) พร้อมเครื่องกกุธภัณฑ์ (ซึ่งมีพระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่ด้วย) จากพระอินทร์ (ที่แปลงเป็นคนชราจูงม้า) แล้วได้เป็นกษัตริย์ครองอยุธยาว่า “พระเจ้าสินธพอำมรินทร์” มีในพงศาวดารเหนือ และในคำให้การชาวกรุงเก่า

คำให้การขุนหลวงหาวัด (เรื่องธรรมเนียมถือน้ำ) บอกว่าพิธีถือน้ำพระพัทต้องเชิญพระแสงขรรค์ชัยศรีเป็นประธานพระแสง 12 ราศี

คำให้การชาวกรุงเก่า เล่าว่าพระเจ้าท้ายสระทิวงคต มีจลาจลชิงอำนาจในอยุธยา ระหว่างพระมหาอุปราช (บรมโกศ) กับเจ้าฟ้าอภัย (และเจ้าฟ้าปรเมศร) เมื่อสู้ไม่ได้ เจ้า ฟ้าอภัยฯ รวบรวมของมีค่าจากในพระราชวังหนีลงเรือ ได้แก่ “พระแสงชื่อ—-ที่กำจัดภัย เป็นของตั้งแต่ครั้งพระยาแกรก” และของมีค่าอื่นๆ อีกมาก ส่วนพระแสงนี้มีบอกอีก ตอนหนึ่งว่าเป็น “พระแสงสำหรับพระนคร”

พระบรมโกศขึ้นเสวยราชย์ ให้กองเรือออกตามจับ ฝ่ายเจ้าฟ้าอภัยฯ เห็นจวนตัว “ให้ล่มเรือจมน้ำเสีย” “พระแสงก็จมอยู่ในน้ำกับเรือนั้น”

นับแต่นั้นพระแสงขรรค์ชัยศรีไม่มีกล่าวถึงอีกตลอดกระทั่งกรุงแตก •

 

 

| สุจิตต์ วงษ์เทศ