DON’T DIE : THE MAN WHO WANTS TO LIVE FOREVER | ‘สู่อมตภาพ’

นพมาส แววหงส์

นี่เป็นหนังสารคดีเกี่ยวกับชีวิตจริงของบุคคลจริงร่วมสมัย ผู้หาญกล้าท้าทายมัจจุราชที่พร้อมจะมาพรากเขาไปจากโลกด้วยอายุขัยที่กำหนดมาให้มนุษย์

ได้ดูทางเน็ตฟลิกซ์ เพราะโผล่ขึ้นมาให้กดดู ได้แต่นึกสงสัยตงิดๆ ว่าเอไอทำการคัดเลือกหนังมาเสนอให้ดูอีกแล้วหรือนี่ เพราะเปิดดู The Substance ไปก่อนหน้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เลยเอาเรื่องจริงที่มีเนื้อหาว่าด้วยความพยายามที่จะย้อนคืนสู่ความเยาว์วัย และท้าทายวันเวลาที่ล่วงผ่านพร้อมกระชากวัยหนุ่มวัยสาวไปจากเราอย่างที่ยากจะยื้อยุดฉุดไว้ได้

ขณะที่ The Substance พูดถึงสูตรยาที่จะเข้าไปทำงานในระดับกระดูกและเนื้อเยื่อ เพื่อแยกร่างที่สมบูรณ์แบบออกจากคนวัยกลางคนให้สลับร่างใช้ชีวิตกันไปคนละสัปดาห์

แต่ Don’t Die เป็นการทดลองในชีวิตจริงของมหาเศรษฐี ไบรอัน จอห์นสัน ผู้ไขว่คว้าหาอมตภาพให้แก่ตัวเองและมนุษยชาติ ด้วยการยืดเวลาในชีวิตออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

จอห์นสันมีเงินมหาศาลสนับสนุนโครงการพิมพ์เขียว หรือ Blueprint Project ที่เขาใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองอย่างเคร่งครัด

งบประมาณที่เขาใช้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา คือปีละ 2 ล้านดอลลาร์ (ราว 70 ล้านบาทต่อปี)

ใช่ค่ะ ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย

ดังนั้น ต่อให้มีคนอยากทำเหมือนเขา แต่ถ้าปราศจากเงินถุงเงินถังรองรังและรองรับ ก็ไม่มีปัญญาจะทำได้เหมือนจอห์นสันหรอก

สมัยยังหนุ่มจอห์นสันเคยทำงานเป็นเซลส์ เอาของไปส่งให้ลูกค้าตามบ้าน และพบ “โอกาส” ในช่องทางการจ่ายเงินออนไลน์ของลูกค้า ซึ่งทำให้เขาก่อตั้งบริษัท Braintree Venmo พลิกชีวิตเขาให้กลายเป็นมหาเศรษฐีหลายร้อยล้านดอลลาร์ขึ้นในชั่วเวลาไม่นาน

แต่ในวัยสี่สิบห้า เขาก็กลับรู้สึกว่าชีวิตว่างเปล่าไร้ความหมาย และหมดกะจิตกะใจจะมีชีวิตอยู่บนโลกต่อไป

จวบจนเขามาพบความหมายของชีวิตแบบใหม่ด้วยโปรเจ็กต์บลูปรินต์ และขายกิจการที่สร้างความร่ำรวยให้เขาไป

เขาต้องการย้อนวัยกลับไปสู่ร่างกายสมัยยังหนุ่มแน่น กระชุ่มกระชวย ฟิตปั๋ง

ในการนี้ เขาต้องจัดการรื้อชีวิตทั้งชีวิตลง และสร้างขึ้นใหม่หมดทั้งแท่ง โดยบอกว่าจะไม่ให้สมองเป็นผู้เลือกวิถึการดำเนินชีวิตตามใจชอบอีกแล้ว แต่จะโอนไปให้อัลกอริธึ่มเป็นตัวบงการว่าควรทำอะไร ควรกินอะไร ควรนอนตอนไหน ออกกำลังอย่างไรและนานแค่ไหน

จอห์นสันใช้ชีวิตสุดโต่งตามคำสั่งของอัลกอริธึ่ม ซึ่งออกแบบอาหารการกิน (พืชผักที่มีประโยชน์นานาสารพัน) การออกกำลังสร้างกล้ามเนื้อ การกินอาหารเสริม การดูแลสุขภาพด้วยอุปกรณ์ทันสมัย และการนอนหลับตรงเวลาเป็นระยะเวลาเท่ากันทุกคืน

เขาเข้านอนเวลา 20:30 น. เป๊ะทุกคืน และนอนเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง 34 นาที ตาม “นาฬิกาชีวภาพ” หรือ circadian rhythm ซึ่งกำหนดวงจรการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย การหลั่งฮอร์โมน การเผาผลาญพลังงาน ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

เช้ามืดก็ตื่นขึ้นตามกำหนดเวลาหลังจากได้พักผ่อนนอนหลับเต็มที่ตามระบบการทำงานของร่างกาย เข้าห้องน้ำซึ่งเนรมิตแสงไฟประดุจแสงแดดยามเช้าให้ลูบไล้ผิวทั่วสรรพางค์กาย

ใช้อุปกรณ์ตรวจวัด/กระตุ้นทางรูหู (ตรงนี้ไม่รู้ว่าทำไปทำไม)

กลืนยาเม็ด 54 เม็ด ซึ่งเขาเรียกว่า “ยักษ์ตัวเขียว” (The Green Giant)

เขาพูดจาล้อเลียนตัวเองด้วยมุขว่า ไม่รู้ว่าอีกหน่อยตัวเขาจะกลายเป็น “จอมพลังตัวเขียว” (Hulk) ซึ่งยกรถได้ทั้งคันหรือเปล่า

ใช้อุปกรณ์ล้ำสมัยตรวจเช็กร่างกาย รวมทั้งทำ MRI เพื่อคอยตรวจดูความเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ของร่างกาย

กินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่เป็นพืชผักที่มีคุณค่าทางสารอาหารล้วนๆ แบบชั่งตวงวัดแต่ละอย่างเป๊ะๆ ไปเลย

การกินอยู่ที่สุดโต่งแบบนี้ ส่งผลให้ผลการตรวจเช็กร่างกายในระดับเซลล์ บอกตัวชี้วัดว่าเขากลับไปมีร่างกายของคนอายุสิบแปด และลดอัตราการเติบโตลงมากโข ซึ่งแปลว่าแก่ตัวช้าลง

หนังสารคดีเสนอภาพจอห์นสันโชว์มัดกล้ามเนื้อไร้ไขมันอยู่บ่อยๆ และเมื่อเทียบกับฟุตเทจภาพตัวเขาเองเมื่ออายุน้อยกว่านี้มาก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนละคนกันเลย

แอชลี แวนซ์ นักหนังสือพิมพ์ที่ตามดูจอห์นสันมานานนับปี บอกว่าเห็นว่าจอห์นสันเปลี่ยนไปจากเดิมมากในช่วงหลายปีมานี้

นอกจากสูตรการใช้ชีวิตประจำวันที่เคร่งครัดนี้ จอห์นสันยังทำสิ่งสุดโต่งอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการบำบัดทางยีน (gene therapy) ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองในอเมริกา และไม่มีคลินิกหรือหมอคนไหนยอมทำให้ เขาต้องไปที่คลินิกในฮอนดูรัสเพื่อฉีดยีนส์เข้าไป

แล้วเขายังกระตุ้นระบบการทำงานของร่างกายด้วยการเปลี่ยนถ่ายพลาสม่าเลือดจากลูกสู่พ่อ สามรุ่นอายุ คือจากลูกชายให้เขา จากตัวเขาให้พ่อของเขา

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ โปรเจ็กต์บลูปรินต์มีผู้ติดตามออนไลน์จำนวนมาก ทำให้จอห์นสันขายหนังสือ รวมทั้งอาหารเสริมต่างๆ ที่เขาโปรโมต แบบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ชวนให้นึกสงสัยว่านี่เป็นช่องทางธุรกิจหาเงินของจอห์นสันด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ

คําวิจารณ์ต่อการใช้ชีวิตสุดโต่งเพื่อยืดอายุออกไปนี้ คือ นี่หรือคือชีวิตที่น่าปรารถนา ซึ่งจะทำให้ใครนึกอยากอยู่ไปนานๆ หรือเปล่า ไม่มีเวลาดีๆ สำหรับใช้ชีวิตกับครอบครัว เพื่อนฝูง หาความบันเทิงหย่อนใจ หรือเดินทาง หรือว่ากินของหวานเป็นครั้งคราว สนุกสนานสราญใจโดยไม่ต้องถูกบงการด้วยโปรแกรมจากอัลกอริธึ่มตลอดทุกนาทีในชีวิต

แต่จอห์นสันบอกว่าเขามองเห็นความหมายใหม่ในชีวิตของเขา นั่นคือ เขาจะสร้างประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติได้จากการทดลองสุดโต่งของเขา

แต่มีนักวิทยาศาสตร์สุขภาพแย้งว่าการทดลองแบบนี้ยากจะหาข้อสรุปชัดเจน เพราะจอห์นสันทำทุกทางเท่าที่คิดออกว่าจะดีสำหรับร่างกาย จนทำให้แยกไม่ออกว่าอะไรเวิร์กอะไรไม่เวิร์ก

แม้ว่าหนังจะทำให้นึกทึ่งกับความทุ่มเทอย่างหนักของจอห์นสันในการยืดเวลาในชีวิตให้แก่ตัวเอง…มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วย!

แต่ก็ออกจะแน่ใจได้ว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่ใช่สิ่งสุดท้าย หรือความก้าวหน้าล่าสุด ที่เราจะได้ยินจากโปรเจ็กต์พิมพ์เขียวของเขา

การย้อนวัย หรือการแสวงหาอมตภาพ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้คนตลอดมาและจะตลอดไป •

DON’T DIE : THE MAN WHO WANTS TO LIVE FOREVER

กำกับการแสดง

Chris Smith

 

ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์