กราบข่าว ‘ทีวีไทย’ ช่วยทำให้ลูกหลานก้าวทันโลก | ธงทอง จันทรางศุ

ธงทอง จันทรางศุ

หลังลับแลมีอรุณรุ่ง | ธงทอง จันทรางศุ

กราบข่าว ‘ทีวีไทย’

ช่วยทำให้ลูกหลานก้าวทันโลก

ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ตั้งแต่ปลายปี 2521 จนถึงต้นปี 2523 รวมเป็นเวลาประมาณปีเศษ ผมได้ไปอยู่ที่นครนิวยอร์กเพื่อไปเรียนหนังสือในระดับปริญญาโท

นอกจากการเรียนหนังสือซึ่งเป็นหน้าที่หลักแล้ว ผมได้ใช้ชีวิตอย่างชาวนิวยอร์กเกอร์หรือชาวนครนิวยอร์กคนหนึ่งให้เต็มที่ ถึงขนาดบอกรับนิตยสาร The New Yorker ซึ่งเป็นนิตยสารเก่าแก่ประจำสัปดาห์ของเมืองนั้น สำหรับใช้เป็นคู่มือที่จะได้ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในสัปดาห์ต่อไป

เพราะนิตยสารเล่มที่ว่าเขาลงรายละเอียดหมดครับว่า จะมีงานหรือกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถึงแม้รู้แล้วจะไม่ได้ไปหรือไปไม่ได้เพราะไม่มีเงินก็ดี เพราะไม่มีเวลาก็ดี ผมถือคติว่า รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้

เรื่องหนึ่งที่สะดุดตาสะดุดใจผมและอยู่ในความทรงจำมาจนบัดนี้ คือหน้าปกของนิตยสาร The New Yorker ที่ว่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นภาพเขียนหรืองานศิลปะที่สะท้อนวิถีชีวิตเรื่องราวของชาวนิวยอร์ก

จำได้แม่นยำว่า มีคราวหนึ่งที่นิตยสารเล่มนี้ ขึ้นหน้าปกโดยมีคำอธิบายว่าเป็นแผนที่โลกตามทัศนะของชาวนิวยอร์ก

โดยสรุปก็คือ โลกของชาวนิวยอร์กนั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะแมนฮัตตัน แวดล้อมด้วยเขตต่างๆ ของนิวยอร์กอีกสี่เขต ได้แก่ เขตบรูคลิน เขตควีนส์ เขตบรองซ์ และเขตสเตเต่นไอร์แลนด์ สุดเขตโลกทางฝั่งด้านทิศตะวันตก คือรัฐนิวเจอร์ซีย์ ส่วนขอบโลกทั้งด้านทิศตะวันออก คือมหาสมุทรแปซิฟิก หมดแล้วเท่านี้จริงๆ

อย่าได้ไปถามหาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา หรือแม้แต่ทวีปยุโรปเลยครับ ทุกประเทศเป็นเรื่องอยู่ไกลแสนไกล และไม่จำเป็นที่ชาวนิวยอร์กจะต้องไปรู้เห็นอะไรทั้งสิ้น

 

เมื่อไม่กี่วันมานี้มีรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นด้วยความงงงวยของผู้ฟังว่า ประเทศอาเซียนประกอบด้วยประเทศอะไรบ้าง

ผมได้ยินอย่างนี้เข้าแล้วไม่แปลกใจเลยครับที่ท่านจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นอเมริกันชนตัวจริง

ชะดีชะร้ายจะมาจากนครนิวยอร์กเสียด้วยซ้ำไป

ตามทัศนะของผมแล้ว การอยู่ในโลกนี้อย่างมีคุณภาพ เราจะรู้แต่เฉพาะเรื่องบ้านเมืองของเราอย่างเดียวเห็นจะไม่เพียงพอ หากแต่เราควรมีหูตาที่กว้างไกลออกไปถึงบ้านอื่นเมืองอื่นด้วย

เพราะความเป็นจริงของชีวิตบอกเราว่า ไม่มีประเทศใดเลยที่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่คบหาสมาคมกับประเทศอื่นได้

คนต้องไปมาหาสู่กัน ต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า

ในระดับประเทศก็มีดีกันบ้าง โกรธกันบ้างเป็นธรรมดา และการเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันในระดับประเทศนี้ย่อมส่งผลกระทบกว้างไกลยิ่งนัก

อาจไปไกลจนถึงเกิดสงครามรบพุ่งกัน ทำให้ผู้คนนับล้านต้องบ้านแตกสาแหรกขาดก็ได้เห็นกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

 

“เมื่อผมยังอายุน้อยกว่านี้” ฮา!

คนแก่มักจะขึ้นต้นประโยคที่จะพูดต่อไปว่าอย่างนี้เสมอ

เมื่อผมยังอายุน้อยกว่านี้ รายการโทรทัศน์ในยุคสมัยที่ทีวีมีน้อยช่อง ไม่น่าเชื่อเลยว่าทีวีที่มีอยู่แค่สองช่องคือช่องสี่กับช่องเจ็ด และเป็นโทรทัศน์ขาวดำเสียด้วยซ้ำ แบ่งปันเวลารายงานข่าวในแต่ละวันเป็นข่าวในประเทศและข่าวต่างประเทศชัดเจน

ข่าวต่างประเทศนั้นมีสัดส่วนเวลาที่มีสาระสำคัญและทำให้ผมเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้

พิเศษยิ่งกว่านั้นคือ มีรายการวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศที่ออกอากาศเป็นประจำทุกสัปดาหทางโทรทัศน์ช่องสี่บางขุนพรหมด้วย

คนยุคผมต้องรู้จักคุณพิชัย วาศนาส่ง ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศคนสำคัญด้วยกันทั้งนั้น

แต่พอมาถึงยุคนี้ โทรทัศน์บ้านเรามีมากช่องจนนับไม่ถูก การรายงานข่าวต่างประเทศและการวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศกลับเหลือสัดส่วนน้อยนิดเดียว

โทรทัศน์บางช่องมีนโยบายหรือเป้าหมายอย่างไรผมไม่แน่ใจนัก แต่แน่ใจว่าถ้าไม่ใช่ข่าวระหว่างประเทศหรือข่าวต่างประเทศที่ใหญ่มากขนาดฟ้าถล่มโลกทลายแล้ว แทบจะไม่มีโอกาสได้พื้นที่ในรายการข่าวของโทรทัศน์ช่องนั้นเลย

ไม่ต้องดูไกล เอาแต่เพียงข่าวใหญ่ของโลกในรอบประมาณสองปีที่ผ่านมา

เรื่องที่หนึ่ง คือสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน

เรื่องที่สอง คือการรบพุ่งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

สัปดาห์แรกหรือสองสัปดาห์แรก สองเรื่องดังกล่าวก็เป็นข่าวใหญ่อยู่ในช่องโทรทัศน์ของเราเกือบทุกช่อง

แต่พอมาถึงวันนี้ รายงานข่าวว่าทั้งสองเรื่องคืบหน้าไปถึงไหนแล้วหาชมได้ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร

 

ยกตัวอย่างที่น่าสนใจอีกสักเรื่องหนึ่งก็ได้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกา และมีรายงานข่าวครึกโครมว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ โดยได้มีพิธีการเข้ารับหน้าที่ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพียงแค่วันแรกที่คุณทรัมป์เข้ารับตำแหน่งก็ประกาศนโยบายแบบ “โนสน โนแคร์” ออกมาหลายข้อ

ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า สังคมไทยและสื่อมวลชนไทยได้ให้ความรับรู้และความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เพียงใด

คุณทรัมป์พูดชัดเจนว่าจะพิจารณาขึ้นภาษีสารพัดประเภทสำหรับประเทศที่มีการค้าได้ดุลกับสหรัฐอเมริกามายาวนาน โดยขานชื่อประเทศแคนาดาและอีกสองสามประเทศขึ้นเป็นตัวอย่าง

เราเฉลียวใจกันหรือไม่ว่า ประเทศไทยของเราก็อยู่ในฐานะที่มีความเสี่ยงต้องรับมือกับนโยบายดังกล่าวในอนาคตอันใกล้ด้วยประเทศหนึ่ง ถ้ามีการขึ้นอัตราภาษีสินค้าบางอย่างที่ไทยเราส่งเข้าไปขายในอเมริกา แน่นอนว่าต้องมีผลกระทบโดยตรงกับปริมาณสินค้าที่เราเคยส่งออกไปอเมริกาและอาจลดน้อยถอยลง ผู้ผลิตที่อยู่ในเมืองไทยจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อย่างไร

รวมทั้งเป็นเรื่องน่ารู้มิใช่หรือว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายและแนวทางการที่จะรับมือกับการบ้านข้อนี้อย่างไรบ้าง

ชาวบ้านตาดำๆ ที่อยู่ต้นเส้นทางของการผลิตรู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต

มองโลกในแง่ดีก็ต้องคิดและเชื่อมั่นว่า ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งสินค้าออกไปขายที่อเมริกา รัฐบาลผู้รับผิดชอบระดับนโยบายตลอดจนกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องได้รับรู้โจทย์ข้อนี้แล้วและกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

ส่วนได้ผลมากน้อยเพียงใดก็ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ระบบข่าวสารสาธารณะและการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเราสามารถสะท้อนหรือบอกเล่าข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ออกไปในวงกว้างได้เพียงใดแค่ไหน

 

ขออภัยที่ต้องพูดว่า วันไหนที่ผมนั่งอยู่กับบ้านและมีเวลาดูโทรทัศน์ในเวลาข่าวเที่ยง ผมมีความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทำไมหนอข่าวเที่ยงบ้านเราจึงมีแต่เรื่องลักวิ่งชิงปล้น ลูกติดยาบ้าแล้วลุกขึ้นเตะพ่อแม่ คนขับรถเร็วชนคนตายแล้ววิ่งหนีไป นักแสดงที่บ้านเราเรียกว่าดารา ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง ต้นกล้วยออกลูกเป็นมะม่วง พระโกงเงินชาวบ้าน แข่งกันกับชาวบ้านโกงเงินวัด ฯลฯ

ผมไม่ปฏิเสธครับว่าสิ่งที่รายงานข่าวมาตอนเที่ยงนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่สัดส่วนของข่าวสารที่นำเสนอในแต่ละเรื่องนั้น ช่วยเห็นอกเห็นใจคนนั่งดูข่าวบ้างเถิดครับ

เมื่อสองวันที่ผ่านมา ข่าวเรื่องคนเมายาบ้าลุกขึ้นก่อความเสียหาย เป็นข่าวที่มีความยาวร่วม 10 นาที แจกแจงรายละเอียดกันเสียจนคนดูข่าวเหนื่อยอ่อนไปหมด แทบจะต้องไปซื้อยาบ้ามาปลอบขวัญอยู่แล้ว

สถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งผมหมายถึงสถานการณ์ที่การรายงานข่าวให้เวลาและความพยายามอย่างยิ่งกับการให้รายละเอียดที่ลึกซึ้งเกินความจำเป็น เป็นเรื่องทำนอง ไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ หรือไม่

 

พูดกันอย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจกัน ก็คือคำถามว่า เราต้องดูข่าวทำนองนี้เพราะชาวบ้านเรามีความอยากรู้อยากเห็นเพียงแค่นี้ หรือในทางตรงกันข้าม เพราะเราต้องดูข่าวแบบนี้นั่นแหละ ทำให้พี่น้องของเราไม่สามารถพัฒนาความคิดความอ่านให้เห็นอะไรกว้างไกลไปได้มากกว่าเรื่องของความผัวความเมีย และต้นมะพร้าวออกลูกเป็นชมพู่

ขยับขึ้นไปถึงในระดับประเทศ เคยมีคนบอกว่า ราษฎรเป็นอย่างไร เราก็ได้ผู้แทนราษฎรเป็นอย่างนั้น แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีคนพูดให้สะกิดใจเหมือนกันว่า เพราะผู้แทนราษฎรเป็นอย่างนี้ ราษฎรของเราจึงไม่ก้าวเดินไปไหนเสียที

ถ้าผมจะตั้งความหวังอะไรในระดับที่พอเป็นไปได้สักข้อหนึ่ง นอกจากความรู้ในเรื่องบ้านเมืองของเราเองแล้ว ผมขอให้เด็กไทยมีความรู้ขยายออกไปอีกหน่อย อย่างน้อยรู้จักประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวเราให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน

คำว่า “รู้จัก” ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าทิศตะวันตกเรามีประเทศอะไรเป็นเพื่อนบ้าน ทิศตะวันออกเรามีประเทศอะไรเป็นเพื่อนบ้าน

แต่ผมหมายความว่า เรามีความรู้เพียงพอที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านของเรา เขาและเรามีประโยชน์ มีความสัมพันธ์เกื้อกูลกันอย่างไร

ประวัติศาสตร์ไม่ต้องเน้นย้ำมากก็ได้ เดี๋ยวจะโกรธกันเสียเปล่าๆ เนื่องจากเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ประเทศที่อยู่ใกล้กันจะต้องมีการกระทบกระทั่งกันเหมือนลิ้นกับฟัน

แต่ต้องเรียนประวัติศาสตร์เพื่อให้เข้าใจปัจจุบัน และมองเห็นโอกาสที่จะอยู่ร่วมกันในวันข้างหน้า เพราะอย่างไรเสียก็ย้ายประเทศหนีจากกันไม่ได้

เมื่อรู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักอาเซียนแล้ว ก็ขยับแวดวงของความรู้ออกไปให้ไกลมากกว่านั้นตามลำดับ

ความรู้เหล่านี้เราจะไปกะเกณฑ์ให้โรงเรียนเป็นผู้จัดการถ่ายทอดให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ของเราได้รับรู้แต่โดยลำพังเห็นจะไปไม่รอด เพราะโรงเรียนมีหน้าที่สารพัดที่ต้องทำ ครูบาอาจารย์แค่เอาชีวิตรอดไปได้แต่ละวันก็บุญหนักหนาแล้ว ฮา!

สื่อโทรทัศน์ที่มีมากช่อง ช่วยแบ่งเวลาจากการรายงานข่าวชาวบ้านที่มีสัดส่วนมากเหลือเกินในแต่ละวัน ช่วยกันสร้างให้ลูกหลานของเราก้าวทันโลก เข้าใจอนาคตของประเทศ จะพอเป็นไปได้ไหมครับ

กราบล่ะคร้าบบบบ