มองเกมอำนาจ ตท.26-27-28 ในยุค ผบ.ทบ.อำนาจเต็ม ประกาศิต ‘บิ๊กปู’ วอนนิ่ง จับตา ‘รองณัฏฐ์’ ในวงล้อม ตท.26 ชิง แม่ทัพอีสาน

รายงานพิเศษ

 

มองเกมอำนาจ ตท.26-27-28

ในยุค ผบ.ทบ.อำนาจเต็ม

ประกาศิต ‘บิ๊กปู’ วอนนิ่ง

จับตา ‘รองณัฏฐ์’ ในวงล้อม ตท.26

ชิง แม่ทัพอีสาน

 

แต่ละเหล่าทัพมีการจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี หรือโผเมษายนกันแล้ว โดยเฉพาะในระดับกองทัพภาค เพื่อส่งให้ ผบ.ทบ.พิจารณา ทั้งเพื่อรองรับนายทหารที่จะเกษียณ และที่เข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์ใหม่ล่าสุดของกลาโหม ในยุคนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็น รมว.กลาโหม ที่ให้ลาออกก่อนเกษียณได้โดยอายุราชการเหลือ 6 เดือนเท่านั้น จากเดิมที่ต้องเหลืออย่างน้อย 1 ปี เพื่อขอพระราชทานยศสูงขึ้น และเตรียมวางตัวนายทหารที่จะขึ้นมาต่อไป

โดยเฉพาะขุมกำลังระดับกองทัพภาค ที่กองทัพภาค 2 ก็คุกรุ่น แม้จะยังไม่ถึงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่ปลายปี แค่โผเมษายนก็ต้องลุ้นกัน

ศึกชิงเก้าอี้แม่ทัพภาค 2 ก็เข้มข้น เพราะตามหลักการ ผบ.ทบ.รุ่นไหนก็มักจะดึงเพื่อนร่วมรุ่นมาเป็นแม่ทัพภาค มาเป็นมือเป็นไม้

จึงทำให้จับตามองกันว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ จะเลือกใครเป็นแม่ทัพภาค 2 คุมกำลังทหารอีสาน ต่อจาก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง และ พล.ท.พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อย 2 เพราะมีเพื่อน ตท.26 จ่อคิวเป็นรองแม่ทัพภาค 2 อยู่หลายคน ทั้ง รองเติ่ง พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ และ พล.ต.นรธิป โพยนอก

แต่ทว่า ยังมี พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 จาก ตท.27 ที่ถือเป็นดาวเด่นของทหารอีสาน แม้ทุกคนจะเติบโตมาในกองทัพภาค 2 แต่เป็นที่รู้มือกันว่า พล.ต.ณัฏฐ์เป็นทหารนักรบอีสานใต้ ที่เดินมาแล้วทุกตารางนิ้วชายแดนไทย-กัมพูชา และผ่านสมรภูมิสำคัญๆ โดยเฉพาะกรณีพิพาทเขาพระวิหาร จนเป็นที่จดจำ รู้จักของทหารเขมร

ยิ่งเพิ่งได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ดีเด่น สาขาการทหาร จากการคัดสรร เพราะเป็นที่ยอมรับในฝีมือ และเท่าทันกลเกมของทหารเขมร และด้วยเป็นคนสุรินทร์ จึงพูดภาษาเขมรได้ และใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เจรจาต่อรอง แก้ปัญหา ได้ด้วยตนเอง และมีผลงานจากการรักษาดินแดนไทยไว้ได้ จากปฏิบัติการยึดคืนเขาสัตตะโสม

ด้วยความโดดเด่นและผลงาน จนถึงขั้นได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว แต่ทว่า ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้เป็นแม่ทัพภาค 2 เพราะ พล.อ.พนา ผบ.ทบ. ก็ย่อมต้องเลือกเพื่อน ตท.26 คนใดคนหนึ่ง ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 2

ที่ต้องจับตาคือ หาก พล.ท.พรชัยแม่ทัพน้อยที่ 2 ลาออกก่อนเกษียณ หรือขยับไปเป็นพลเอกเตรียมเกษียณ ก็เป็นจังหวะที่รองแม่ทัพภาค 2 พล.ต.วีระยุทธ และ พล.ต.นรธิป เพื่อน ตท.26 อาจขยับขึ้น เพื่อครองยศพลโท อาวุโสไว้ก่อน

โดยแคนดิเดตทั้งหมดมีอายุราชการถึงตุลาคม 2570 พร้อมกันหมด หากคนใดขึ้นแม่ทัพภาค 1 แล้ว ก็ย่อมปิดโอกาสของแคนดิเดตที่เหลืออยู่

แต่ความฝันอันสูงสุดของ พล.ต.ณัฏฐ์ ลูกชาวนา เด็กสุรินทร์ ที่อยากจะเป็นทหาร สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ และรับราชการในกองทัพภาค 2 สายกองกำลังสุรนารีมาโดยตลอด แล้วจะขึ้นถึง แม่ทัพภาค 2 จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะฝ่าวงล้อมของ ตท.26 ที่รายล้อมอยู่ขึ้นนั่งเก้าอี้แม่ทัพอีสาน

จนมีกระแสข่าวสะพัดว่า พล.ต.ณัฏฐ์ถอดใจที่จะสู้ในการชิงเก้าอี้แม่ทัพภาค 2 อาจจะเปลี่ยนเส้นทางเดินชีวิต ย้ายโอนไปอยู่ส่วนราชการอื่นเลยทีเดียว เพราะอาจได้แค่แม่ทัพน้อย 2 หรืออาจถูกส่งไปอยู่ กอ.รมน.

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ณัฏฐ์ถือเป็นนายทหารขุนพลอีสาน ที่นายสุทิน คลังแสง เมื่อครั้งเป็น รมว.กลาโหม พลเรือน ลูกอีสาน ก็ชื่นชมในการทำงานของ พล.ต.ณัฏฐ์ และมอบหมายภารกิจในพื้นที่อีสานมาตลอด แต่ทว่า นายสุทินก็พ้นเก้าอี้ รมว.กลาโหมไปแล้ว

ดังนั้น โอกาสที่ พล.ต.ณัฏฐ์จะฝ่าวงล้อม ตท.26 ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 2 จึงไม่ง่าย นอกเสียจากเป็นกันคนละ 1 ปี เพราะเมื่อ พล.ต.วีระยุทธ หรือ พล.ต.นรธิปขึ้นมาแล้วก็นั่งยาว

พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์

 

ขณะเดียวกัน ต้องจับตามองกระแสข่าว การกระจายกำลังเตรียมทหาร 28 ออกสู่ภูมิภาค เพราะเคยมีชื่อ เสธ.ซัน พล.ท.วณัฐ ลักษณะศิริ ที่ตอนนั้นเป็นอดีต ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ผบ.ขกท.) ข้ามไปเสียบยอด นั่งเก้าอี้แม่ทัพภาค 2 มาแล้ว

แต่ครั้งนี้ดูจะเป็นกระแสข่าวปล่อย เพื่อสกัดแผนสยายปีกของ ตท.28 เพราะ พล.ท.ณัฐได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ. ก็ใช่ว่าเส้นทางจะสะดวกโยธิน ในยุค บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ เป็น ผบ.ทบ.

เพราะเห็นแล้วว่า พล.อ.เจริญชัย ได้ปฏิบัติการสกัดดาวรุ่ง ตท.28 ไปหลายคน ในโยกย้ายส่งท้าย ทิ้งทวนก่อนเกษียณ ที่สะเทือนไปยัง ตท.รุ่นอื่น ในสายคอแดงอีกหลายคน ลามไปจนถึงการปรับโครงสร้าง ฉก.ทม.รอ.904 หรือ ฉก.คอแดง ใหม่ มีการถอดคอแดง และจำกัดวง แค่ในกองทัพภาค 1

แม้ในการโยกย้ายปลายปีที่ผ่านมา ตท.28 ที่ดูเหมือนจะได้ดี และเป็นไปตามแผนสยายปีกกระจายกำลัง เช่น เสธ.โจ พล.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ปาณิกบุตร ผบ.พล.ร.4 ได้ขึ้นรองแม่ทัพภาค 3 ตามไลน์

และ การส่ง เสธ.คิ้ว พล.ต.ชาคริต อุจรัตน์ ตท.28 หมวกแดง จาก ผบ.พล.รพศ.1 ลงไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เพราะทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้มาตลอด ก็ตาม

แต่พร้อมๆ กันนั้น ก็จำเป็นต้องหาที่ให้ พล.ต.ชาคริต เนื่องจากจะต้องขยับจาก ผบ.พล.รพศ.1 หลบทางให้ เสธ.เอิร์ธ พล.ต.อินทนนท์ รัตนกาฬ รุ่นน้อง ตท.31 หมวกแดงสายแข็ง ขึ้นมาเป็น ผบ.พล.รพศ.1 นั่นเอง

เพราะ พล.ต.ชาคริตก็ยังจะต้องไปชิงเก้าอี้แม่ทัพภาค 4 กับ รองอ้วน พล.ต.วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาค 4 รุ่นพี่ ตท.27 ลูกหม้อทัพใต้ แถมเป็นสายแข็ง

ด้วยเพราะเป็นน้องเลิฟ เด็กปั้น ทายาทของ บิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 และอดีต ผช.ผบ.ทบ. และ บิ๊กเกรียง พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาค 4 และอดีต ผช.ผบ.ทบ. ปัจจุบัน รองประธานวุฒิสภา และ บิ๊กต้น พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค อดีตแม่ทัพภาค 4 ปัจจุบัน หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา

พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์

แม้ พล.อ.พนาจะเป็นน้องรักของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตั้งแต่สมัยอยู่ ร.31 รอ. มาด้วยกัน แต่แผลในใจของ พล.อ.พนาที่เคยเป็น ผบ.ร.31 พัน 2 รอ. และรอง ผบ.ร.31 รอ. แต่กลับไม่ได้ขึ้น ผบ.ร.31 รอ. ต้องถูกขยับไปเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. นั้นยังฝังใจ ที่ต้องหลบให้ “เด็กนาย”

อีกทั้งปัญหาทางใจระหว่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.เจริญชัย ส่งผลให้ พล.อ.พนาลำบากใจไม่น้อย เพราะให้ความเคารพทั้ง 2 อดีต ผบ.ทบ.

แต่ทว่า สิ่งที่ พล.อ.พนาได้พบเจอมาในช่วงโยกย้ายที่ผ่านมา ที่มีความพยายามจะสกัดไม่ให้ พล.อ.พนาขึ้นเป็น ผบ.ทบ.นั้น อยู่ในความรับรู้ทั้งหมด

แม้จะดูนิ่งๆ เงียบๆ แต่ พล.อ.พนาก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง ที่ย่อมจดจำในสิ่งที่ตนเคยถูกกระทำ

จนมีข่าวสะพัด พล.อ.พนาส่งสัญญาณเตือนไปยังนายทหารบางกลุ่ม บางคน ที่วางแผนคุมอำนาจ โดยผ่านทางบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ ผบ.ทบ. ได้งดการกระทำนั้นเสีย เพราะอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย อยู่ในมือ ผบ.ทบ.แบบเต็มๆ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้าง ฉก.ทม.รอ.904 โดยที่ ผบ.ทบ.ไม่ต้องเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ไม่ต้องรับออเดอร์ ฟาสต์แทร็ก ให้ทหารคอแดงคนใด เช่นที่ผ่านๆ มาได้อีก

แม้ บิ๊กใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 จะเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยตนเอง มีอำนาจบริหารจัดการใน ฉก.คอแดง และต้องรับออเดอร์จาก ฉก.คอแดง ในการจัดวางตัวบุคคลก็ตาม แต่ พล.ท.อมฤตก็มีสิทธิ์ในการเสนอมายัง พล.อ.พนา แต่อำนาจท้ายที่สุดอยู่ที่ ผบ.ทบ.

แต่โชคดีที่ระหว่าง พล.อ.พนา ตท.26 และ พล.ท.อมฤต ตท.27 ที่แม้เป็นรุ่นที่เบียดแข่งกันมา แต่ไม่ได้มีความขัดแย้ง เพียงแต่การมองตัวขุนพลที่จะดันขึ้นมาดูแลกองทัพบกนั้น แตกต่างกัน

พล.ต.นรธิป โพยนอก

กล่าวกันในกองทัพว่า พล.อ.พนามีว่าที่แม่ทัพภาค 1 คนต่อไปไว้ในใจแล้ว แต่อาจจะไม่ตรงใจ หรือเป็นคนละคน คนละรุ่น กับที่ พล.ท.อมฤตเล็งเอาไว้

แม่ทัพภาค 1 คนต่อไป ที่ย่อมต้องหมายถึง การวางตัวเป็น ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไปด้วย เมื่อตนเองเกษียณตุลาคม 2570

ตามแผงอำนาจที่ปรากฏเวลานี้ จะเห็นว่า พล.ท.อมฤตเตรียมจ่อขึ้น 5 เสือ ทบ. ในโยกย้ายกันยายน 2569 และขึ้น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.พนา ในกันยายน 2570 พอดี

แต่สิ่งที่ พล.อ.พนา ต้องมองข้ามช็อต คือ หาก พล.ท.อมฤตเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากตนเอง แต่ก็ไม่มีหลักประกันใดว่า พล.ท.อมฤตจะดันทายาท หรือผู้ที่เหมาะสมในสายตา พล.อ.พนา ขึ้นมารับไม้ต่อ

ประกอบกับมีการคาดการณ์ หรือสันนิษฐานกันไปเองว่า พล.ท.อมฤตจะปิดทางดาวรุ่งใน ตท.28 ไม่ให้ขึ้นมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ได้ทัน ด้วยการนั่งแม่ทัพภาค 1 ต่อเนื่อง 2 ปี เพื่อให้นายทหาร ตท.28 ถึง 4 คน เสียจังหวะ

ทั้ง บิ๊กไก่ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพน้อย 1 ที่เกษียณตุลาคม 2571 พร้อม พล.ท.อมฤต หรือ รองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ที่เกษียณตุลาคม 2573 และ รองแอ้ม พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ รองแม่ทัพภาค 1 ที่เกษียณตุลาคม 2572

ส่วน รองมด พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร รองแม่ทัพภาค 1 ที่เป็นทหารม้า ก็ต้องทำใจว่าจะต้องหลีกทางให้ทหารราบขึ้นแม่ทัพภาค 1 ที่ก็อาจจะต้องฉีกออกไปเป็นรอง เสธ.ทบ. หรือลุ้นโยกย้ายเมษายนนี้ ชิงเก้าอี้เจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.ที่ว่างอยู่ ที่ก็มี รองอาร์ม พล.ตโกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ (ตท.29) เป็นรองเจ้ากรม ยศ.ทบ.นี้อยู่ และมีชื่อ พล.ต.อาวุธ พุทธอำนวย ผบ.ศูนย์การทหารราบ เป็นแคนดิเดตด้วย

แต่ในอดีต แม่ทัพภาค 1 มักจะนั่งแค่ 1 ปีเท่านั้น แล้วขยับขึ้นพลเอก 5 เสือ ทบ. จ่อเอาไว้ก่อน แต่หากกันยายนนี้ พล.ท.อมฤตนั่งแม่ทัพภาค 1 ยาว 2 ปี ก็ชัดเจนว่า สกัด ตท.28 นั่นอาจตีความได้ว่า

เปิดทางไว้สำหรับ รองลาภ พล.ต.สิทธิพร จุลปานะ รองแม่ทัพน้อย 1 จาก ตท.30 ที่มีอายุราชการถึงตุลาคม 2572

 

พร้อมกันนี้ กระแสข่าวที่ถูกปลุก หรือคาดการณ์กันในเวลานี้ ไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ของ พล.อ.พนา และ พล.ท.อมฤตเลยหรือ การที่จะมีคมเฉือนคม ให้ พล.อ.พนานั่ง ผบ.ทบ แค่ 2 ปี โดยในกันยายน 2569 ในปีสุดท้าย ให้ขยับไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเปิดทาง พล.ท.อมฤต จากสายทหารเสือฯ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.เร็วขึ้น และนั่ง 2 ปี จากเดิมที่จะได้นั่งแค่ปีเดียว

ทั้งนี้ เป็นแค่กระแสข่าว การคาดการณ์เท่านั้น เพราะมีสัญญาณชัดเจนว่า พล.อ.พนาจะนั่ง ผบ.ทบ. ยาว 3 ปีรวดเลย และมีการวางตัว บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รอง ผบ.ทหารสูงสุด นั่ง ผบ.ทหารสูงสุด ตุลาคม 2568 นี้ ยันเกษียณตุลาคม 2570 เลย จะไม่มีการสลับกับ บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกลาโหม ที่จะเกษียณตุลาคม 2569 แน่นอน

แต่ก็ยังมีกระแสข่าวลือว่า ในปี 2569 พล.อ.อุกฤษฏ์จะขยับจาก ผบ.ทหารสูงสุด มาเป็นปลัดกลาโหม เปิดทางให้ขยับ พล.อ.พนา มาเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็นไปได้ยาก

เพราะ ณ วันนี้ พล.อ.พนาถือเป็น ผบ.ทบ.ที่มีอำนาจเต็มเปี่ยม และนั่งยาว 3 ปี ยากที่จะมีใครมาเลื่อยขาเก้าอี้ได้

 

มีรายงานว่า ในที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ที่ บก.ทบ.ล่าสุด พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ประธานที่ประชุม ได้ชื่นชม พล.อ.พนา ที่มาเป็น ผบ.ทบ. ที่ “ถูกที่ ถูกคน ถูกเวลา” เพราะมาในสภาวะที่กองทัพมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในทุกๆ ด้าน และมีความเป็นทหารอาชีพอย่างมาก เป็นทั้งคอมแมนด์ และมีความเป็นนักวิชาการในตัวด้วย และนั่งยาว 3 ปีอย่างมั่นคง สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และต่อเนื่อง

“เป็นทหารอาชีพมากกว่าผมเสียอีก” มีรายงานว่า พล.อ.ทรงวิทย์กล่าวในที่ประชุม ในฐานะที่ พล.อ.พนาก็เป็นน้องรักคนหนึ่ง ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม เพราะเป็นนายทหารที่เคยคอแดง ในสายเดียวกัน และเติบโตใน พล.1 รอ. มาด้วยกัน ร.11 รอ. และ ร.31 รอ. และเคยไปอยู่ชายแดนใต้ ในนาม “ฉก.เพชราวุธ” ด้วยกัน

รวมทั้งความสนิทสนมกับ พล.อ.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ บิดาของ พล.อ.พนา สมัยเป็น ผช.ทูตทหาร ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ พล.อ.ทรงวิทย์ไปเรียนนายร้อบ VMI พอดี โดยที่ในขณะนั้น พล.อ.พนายังเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร.อยู่

จึงทำให้กองทัพกลับเข้าสู่ยุคที่ ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.ทบ.มีความกลมกลืนเป็นทีมเดียวกัน อีกครั้งหลังจากที่มีระยะห่าง และเส้นกั้นบางๆ มาตั้งแต่สมัย บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และมาในสมัยของ พล.อ.ทรงวิทย์ กับ พล.อ.เจริญชัย ที่ต่างก็เคยชิงเก้าอี้ ผบ.หน่วย จนถึง ผบ.ทบ. กันมา

ดังนั้น ในยุคนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ กับ พล.อ.พนาถือเป็นทีมเดียวกัน จึงส่งผลให้บรรยากาศในกองทัพมีความโปร่งโล่งมากขึ้น ความร่วมมือในการทำงานต่างๆ จะราบรื่นมากขึ้น

เพราะในอีกไม่กี่เดือน ผบ.เหล่าทัพรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็จะเกษียณหมดแล้ว ทั้ง บิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ บิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. รุ่นพี่ ตท.24 และ บิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร. รุ่นพี่ ตท.23 จะเหลือ พล.อ.พนาเป็น ผบ.เหล่าทัพคนเดียว

แต่ก็จะยังมีรุ่นพี่ ตท.24 ทั้ง พล.อ.อุกฤษฏ์ ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.ธราพงษ์ จะขึ้นเป็นปลัดกลาโหม เป็นหลักใน ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ โดยเฉพาะ พล.อ.อุกฤษฏ์ ซึ่งจะเกษียณ 2570 พร้อม พล.อ.พนา เลยทีเดียว

ท่ามกลางบริบทการเมือง สมการอำนาจ และดีลผสมข้ามขั้ว ยังคงดำเนินต่อไป