ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
บทความโล่เงิน
ปราบ ‘แก๊งคอลฯ’ วาระแห่งชาติ
ตำรวจไทยร่วมมือทางการจีน
ภ.2 เปิดยุทธการอรัญฯ 68 ซีลชายแดน
ทุกเวทีหาเสียงนายก อบจ.ที่นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงจากพรรคเพื่อไทยขึ้นปราศรัย
ได้ให้คำมั่นสัญญา จะจัดการ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ให้หมดไปในปี 2568
หลังจากนั้นได้เห็นมรรค-ผลอย่างเป็นรูปธรรม
“รัฐบาลแพทองธาร” ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้
ชูเป็น 1 ในวาระแห่งชาติ ต้องปราบปรามให้หมดไป ควบคู่กับปัญหายาเสพติด
หลังจากคนไทยข่มตาไม่หลับจากความหวาดระแวงเวลามีเบอร์แปลกๆ โทร.เข้ามา
แต่ละปีมีผู้ตกเป็นเหยื่อสูญเสียเงินทองนับแสนล้านบาท บางคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว
ต่อมาที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 28 มกราคม ได้ไฟเขียว พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

สาระสำคัญ 5 ประเด็น คือ 1. กำหนดความรับผิดชอบร่วมของสถาบันการเงิน เครือข่ายมือถือ และสื่อสังคมออนไลน์ กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
2. กำหนดหน้าที่ของผู้ให้บริการโทรคมนาคม ต้องมีหน้าที่ระงับการใช้งานซิมการ์ดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทันที
3. เร่งรัดกระบวนการคืนเงินให้ผู้เสียหาย เพิ่มหน้าที่ให้ธนาคารต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีที่มีความเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบและคืนเงินผู้เสียหายโดยเร็ว อาจคืนได้ทันทีถ้าข้อมูลยืนยันครบถ้วน
4. เพิ่มอำนาจดำเนินการแพลตฟอร์มให้ต้องร่วมรับผิดชอบ ป้องกัน และตรวจสอบการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในระบบของตน
และ 5. เพิ่มบทลงโทษสำหรับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ
กฎหมายฉบับนี้กำหนดโทษเพิ่มเติม 2 ลักษณะ ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล คือ เปิดเผยแบบส่งต่อ และเปิดเผยแบบขายข้อมูล โทษจะหนักเบาต่างกัน
โทษสูงสุดปรับ 5 ล้านบาทต่อหนึ่งกระทง ส่วนโทษจำคุก 5 ปี
วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ลดความเสียหายให้ประชาชน
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า บทบัญญัติกฎหมายได้กำหนดบทลงโทษหนัก ทั้งปรับ-จำคุก ส่วนแบงก์ ค่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ ต้องร่วมรับผิดชอบ

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ เพื่อหารือนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการแก้ไขปัญหาภัยไซเบอร์ด้วย
นายกฯ ไทยระบุว่า ทางการจีนอยากได้รับความร่วมมือจากไทย
ยิ่งทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นใจว่าภัยไซเบอร์ที่คนไทยประสบอยู่จะได้รับการแก้ไขถึงต้นตอ
เพราะเพื่อนบ้านรอบๆ ไทยเปิดให้คนจีนเทาเข้าไปตั้งฐาน เพื่อหลอกลวงคนไทย ซึ่งเป็นต้นตอปัญหา
ขณะนี้ นายหลิว จงอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน อยู่ระหว่างเยือนไทย
ล่าสุด ได้หารือ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ
ทั้งทางการไทยและจีนร่วมกันจะยกระดับความร่วมมือระหว่างกันในการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
ทั้งมิติการป้องกัน การปราบปราม จับกุม การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
โดยในส่วนคดีหลอกลวงนายหวัง ซิง นักแสดงชาวจีน ได้ติดตามจับกุม 30 ผู้ต้องหาที่ทางการจีนออกหมายจับ ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 20 คน
การช่วยเหลือบุคคลสูญหายหรือถูกกักไว้โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดี
และการตัดระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น น้ำ ไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต รวมทั้งการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือ การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้ให้การต้อนรับนายหลิว จงอี้
โดยกระทรวงความมั่นคงของจีนมีความยินดีร่วมมือกับตำรวจไทย
เตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่สืบสวนจากทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกัน เสริมประสิทธิภาพในการจับกุมคนร้าย
ทั่วโลกเกือบทุกประเทศขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์
สถิติเสียหายกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว

ขณะเดียวกัน ชายแดนด้านตะวันออก พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ขานรับนโยบาย ทลายเครือข่ายบอสจีน องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ ออกหมายจับ 33 ราย จับได้แล้ว 20 ราย เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทักแชตไลน์ตีสนิทเศรษฐินีระยอง ล่อลวงเหยื่อสูญเงินเกือบ 60 ล้านบาท
ต่อมาตำรวจสืบภาค 2 สืบสวนขยายผลพบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “บอสจีน” ได้หลอกลวงออนไลน์ มี 2 ออฟฟิศ คือ 1. “ออฟฟิศหลอกลวง” ตั้งอยู่ฝั่งปอยเปตเป็นตึกปิดตาย อาทิ ตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น และตึก Hiso
2. “ออฟฟิศสแกนหน้า” ที่อยู่ด้านในตึก ทำหน้าที่บริหารบัญชีม้า จัดหาบัญชีม้า เปิดบัญชีคริปโตเคอร์เรนซี รับโอนเงินจากการหลอกลวง โอนเงินจากบัญชีม้าแปลงเป็นเหรียญดิจิทัล
พบเหยื่อแจ้งความออนไลน์แล้ว 1,009 ราย อายัดเงินคืนได้เบื้องต้นมากกว่า 3 ล้านบาท
พร้อมทั้งได้ปฏิบัติการตามแผนอรัญฯ 68 SEAL BORDER เพื่อสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน โดย บก.สส.ภ.2 ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษบูรพา 491 และชุดสืบสวนลงไปอยู่ในพื้นที่สระแก้ว ติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้อยู่ประสานงานร่วมมือกับทุกภาคส่วน ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะต้องสงสัย ตรวจค้นบ้านของผู้มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนำพาคนข้ามแดน สืบสวนสอบสวนขยายผลทุกกรณี
ถ้าการบังคับใช้กฎหมายที่เสมือนยาแรงนี้ได้ผลจริง และตำรวจไม่ใส่เกียร์ว่าง เชื่อว่าความอกสั่นขวัญแขวนของประชาชนจากลิงก์และเบอร์โทร.แปลกๆ จะหมดไป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022