ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ลึกแต่ไม่ลับ |
ผู้เขียน | จรัญ พงษ์จีน |
เผยแพร่ |
ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
“กระชับพื้นที่ได้” กวาด “บ้านใหญ่”
“ไฟต์บังคับ” หากพิจารณาความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ ชินวัตร” มังกรทองในตำนาน มีอิทธิฤทธิ์ ใหญ่คับจักรวาล เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผู้เกรียงไกร ลดเพดานตัวเองให้เล็ก ตัวเท่า “นก” ออกเดินสายสวมบท “ผู้ช่วยหาเสียง” ให้กับผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของ “พรรคเพื่อไทย” เหนื่อยบักโกรก อดตาหลับขับตานอน ตะลอนทัวร์ในหลายจังหวัด
โดยประเมินว่า หากสามารถ “กระชับพื้นที่ได้” จะกวาดต้อน “บ้านใหญ่” ที่เอาใจออกห่างกลับบ้านเก่าได้ล็อตใหญ่ และจะส่งผลต่อการเมืองสนามใหญ่ กับศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้าได้เป็นกอบเป็นกำ “เพื่อไทย” จะเข้าวินคว้าแชมป์ หลังพลาดท่าปราชัยมาแล้ว 2 ครั้งซ้อน คือในปี 2562 แพ้ “พลังประชารัฐ” เฉียดฉิว ปี 2566 พลิกความคาดหมาย ดักแด้รับประทาน พ่าย “ก้าวไกล” ไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดอีก
ต้องสารภาพบาปว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงสี่ซ้าห้าปีที่ผ่านมา กระแสนิยมพรรคเพื่อไทย ไม่ร้อนแรงเหมือนเก่า หากรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” อยู่รอดปลอดภัยจนครบเทอม 4 ปี สถานีต่อไปในศึกเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 หากไม่แก้เกม “เพื่อไทย” จะแพ้ป่าราบในระลอกที่สาม
ดังนั้น ในยกแรก ของศึกเลือกตั้ง “นายก อบจ.” ล็อตที่ลาออกก่อนครบวาระ 29 จังหวัด “นกไม่บินชนกระจก” หัวแตก ปีกหัก “เพื่อไทย” กวาดที่นั่งมาได้ 11 ที่นั่งเท่ากับ “ภูมิใจไทย” แต่ที่เกิดแรงบันดาลให้ฮึกเหิม คือโค้งสุดท้ายที่ “นายใหญ่ดูไบ” ไปบัญชาการรบด้วยตัวเอง ที่ “อุดรธานี” ปรากฏว่า “นายศราวุธ เพชรพนมพร” ค่ายเสื้อแดง ชนะขาดลอย และ “อุบลราชธานี” ซึ่งคะแนนตกเป็นรองห่างกันเป็นทุ่งๆ แต่สุดท้ายดัน “นายกานต์ กัลป์ตินันท์” ได้สำเร็จสมประสงค์
ชิงดำนายก อบจ.งวดสุดท้าย 47 ที่นั่ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ “ทักษิณ ชินวัตร” จึงจำเป็นต้องตีกรรเชียง ลงพื้นที่ทั้งภาคอีสานและเหนือไปลุยถั่วเองหลายสนาม พร้อมพกพาความมั่นใจสุดขีดว่า ผู้สมัครที่เพื่อไทยส่งเข้าประกวด จะยึดหัวหาด นายก อบจ.ได้มากถึง 12-14 ที่นั่ง
ประเด็นมันมีอยู่ว่า การปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครชิงนายก อบจ. ปรากฏว่า กลอนพาไป บวกกับ-ปากพาจน ทั้งการประกาศขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” หรือฟาดกระหน่ำผู้สมัครจากพรรคคู่แข่ง สร้างศัตรู เพราะกล่าวพาดพิงมุ่งกระแทกกลางพรรคร่วมด้วยถ้อยคำรุนแรง จะด้วยเจตนาหรืออารมณ์ก็ตาม แต่สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคคู่แข่ง และพันธมิตร
ที่สำคัญคือบางวาทกรรม บางจุดขายที่ปราศรัยหาเสียงมีทั้งหมิ่นเหม่ สุ่มเสี่ยง สลับซับซ้อน เอื้อประโยชน์ สร้างเงื่อนไขให้นักร้องประสานเสียง สร้างประเด็นให้ยื่นร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายได้ในหลายกรรมหลายวาระ
“ภารกิจทักษิณ” ในทางการเมือง นอกจากกู้วิกฤตศรัทธา กระแสนิยมพรรคเพื่อไทย กลับมายึดหัวหาดเบอร์หนึ่งในศึกเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปแล้ว ยังมีพันธผูกพันกับ 2 หมุดหมายสำคัญยิ่ง
“หนึ่ง” คือ พาน้องสาว “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กลับบ้านเกิด ตามเป้าที่วางไว้ไม่เกินกลางปี 2568 กับ “สอง” คือ ทำหน้าที่เป็นเทพคอยปกป้องลูกสาว “อุ๊งอิ๊ง” ให้อยู่รอดปลอดภัยในฐานะพ่อซึ่งเคยได้รับบทเรียนมาแล้ว เจ็บหนักมาแล้วจำนวน 3 คน “แพทองธาร” จึงดุจไข่ในหิน ยอมเป็นโล่กำบังรับแรงกระแทกในทุกเรื่อง กระโดดขวางรถไฟชนตัวเองขาดสองท่อนก็ยอม แต่ไม่ยอมให้ “อุ๊งอิ๊ง” เจ็บตัวเป็นอันขาด
ขณะที่ภารกิจภาคการเมือง มากมายหนักหน่วงจนล้นเหลือแล้ว “ศึกเศรษฐกิจ” ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ “ลูกสาว” ก็ถือว่าเป็นต้นเหตุของความกดดันสำคัญในการอยู่รอด มากเช่นเดียวกัน กระจกเงาที่สะท้อนผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท งวดแรกผ่านกลุ่มเปราะบาง กับเฟสสอง กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า ไม่ค่อยสร้างจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจมากแต่ประการใด ยังคงทรงๆ ทรุดๆ อยู่อีหรอบเดิม
เหนือสิ่งอื่นใดคือ เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาไปชำเลืองมองดัชนีตลาดหุ้นไทย เจอมรสุมมาหนักอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากความไม่แน่นอนด้านการเมืองภายในประเทศและความผันผวนของเศรษฐกิจ ที่ไทยเติบโตช้าและน้อยกว่าเพื่อนบ้านรอบทิศ ดัชนีหุ้นไทยร่วงต่ำสุดมาตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ปิดระดับ 1,274 จุด โดยพบว่า สาเหตุที่หุ้นร่วงในช่วงนั้น “นักลงทุนต่างชาติ” พร้อมใจกันเทขายยกกระดาน 1.2 แสนกว่าล้านบาท
หลังจากนั้นปัจจัยกดดันสารพัดจะคลี่คลายจางหาย ทั้งภาคการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจ มีความหวังแม้จะริบๆ หรี่ๆ อยู่ปลายอุโมงค์ โดยเม็ดเงินไหลจากกองทุนรวมวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี แต่ได้แค่พออาศัย ไม่ถึงกับบูมสนั่น ขึ้นปี 2568 ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในสภาพผีเข้า ผีออก กระดานแดงเถือกรายวัน เมื่อวันวานเป็นเหยี่ยวปีกหัก เหลือ 1,344 จุด ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ไม่รู้จะผ่าน 1,400 จุดได้หรือไม่
พูดถึงตลาดหุ้นไทยพังพินาศ ไม่ได้เกิดจากความโง่เขลาเบาปัญญาของเหล่าแมลงเม่า แต่เหตุที่ซบเซาผิดปกติ เพราะเม็ดเงินหายออกจากตลาด ส่วนหนึ่งต่างชาติเทขาย กับอีกชนวนหนึ่ง มีเซียนบอกว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ใช่ตลาดการลงทุนของนักลงทุน แต่เป็น “ตลาดโจร” ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ เจ้าของบริษัท ยักยอก โกงเงินผู้ถือหุ้นสารพัดวิธี โกงแล้วเสร็จนำเงินเหล่านั้นไปซุกเก็บไว้ในตู้เซฟ ใส่ไห ฝังดิน ตัวเองยอมติดคุกสี่ซ้าห้าปีค่อยนำมาใช้จ่ายทีหลังได้ อีกพวกโกงแล้วโยกย้ายถ่ายเทไปฝากไว้ที่ต่างประเทศ ตัวเองโกยแน่บหลบหนีไปเสพสุขอยู่เมืองนอก
ขณะเดียวกัน ที่ไม่ใช่พวกขี้โกง แต่ฝีมือบริหารองค์กรที่รับผิดชอบไม่เอาอ่าว หุ้นในเครือข่าย บริษัทพ่อ บริษัทแม่ บริวารลูก ราคาตกยกกระดาน เงินปันผลกับผู้ถือหุ้นก็ระดับงูเขียว จ่ายแค่จิ๊บๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ไหนบ้างที่หุ้นร่วงระนาว ก็รู้ๆ กันอยู่
ดัชนีหุ้นโงหัวไม่ขึ้น แดงยกกระดานรายวัน ถือว่าเป็น “ภารกิจสำคัญ” พิสูจน์คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” มากไม่น้อยทีเดียว
เศรษฐกิจย่ำแย่ การเมืองหวั่นไหว ไปไม่ลามาไม่ไหว้ได้ง่ายๆ…อย่าประมาท
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022