ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กันยายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | รักคนอ่าน |
เผยแพร่ |
จอห์น เจมส์ โอดูบอน ค้นพบนกพิราบนักเดินทางตอนพวกมันกำลังบินข้ามท้องฟ้าในรัฐเคนทักกีเมื่อปี ค.ศ.1813 ทั่วท้องฟ้าถูกบดบังด้วยนกพิราบ มืดสนิทราวกับเกิดสุริยุปราคา โอดูบอนบันทึกไว้ว่า ได้ยินเสียงนกกระพือปีกไม่ขาดสาย พอฟังนานๆ เข้าก็รู้สึกง่วงนอน*
นี่คือเรื่องราวแสนประหลาด ทับซ้อนและลอยตัวเหนือโลกแห่งความจริงในเวลาเดียวกัน
มีคนตาย มีความรัก คำโกหก ฆาตกรรม ความรุนแรง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังจับใจ และทิ้งรสชาติบางอย่างให้หวนคิดถึงแม้เรื่องราวจะจบลง
“คําอธิษฐานของโอดูบอน” พอจะย่อความได้ว่า เป็นเรื่องของ-อิโต-หนุ่มไอทีผู้ผลุนผลันลาออกจากงาน และตัดสินใจปล้นร้านสะดวกซื้อ ชายหนุ่มผู้ถนัดการหนีปัญหาที่อยู่ๆ พลันตื่นขึ้นมาบนเกาะที่ปิดตัวมายาวนานนับร้อยปี
บนเกาะประกอบไปด้วยผู้คนแสนประหลาด ทั้งจิตรกรที่กล่าวคำโกหกตลอดเวลา นักฆ่าผู้หลงใหลในบทกวี เด็กหญิงผู้แนบหูกับพื้นเพื่อฟังเสียงหัวใจของตนเอง หญิงที่อ้วนเสียจนขยับไปไหนไม่ได้ และหุ่นไล่กาที่นอกจากจะพูดได้แล้ว ยังทำนายอนาคตได้อีกด้วย
อิโตไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองและคนรอบตัว
จะหนี, ก็ไม่รู้จะหนีจากอะไร
แต่ถ้าต้องอยู่, เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยู่ร่วมกับผู้คนเหล่านี้
จนกระทั่งเกิดการฆาตกรรมขึ้นบนเกาะ
สิ่งเล็กน้อยที่เราตัดสินใจในวันนี้ จะทอดเงื้อมเงายาวออกไปในวันหน้า
ชีวิตเราถูกกำหนดแล้วจากเรื่องเล็กน้อยที่สุดที่บางครั้งเราก็ไม่ได้เลือกเอง
เราหนีไม่ได้
เราติดตังติดตายอยู่กับชีวิตตรงนี้
ใช้มันไปทีละวัน
สู้กันไปทีละวัน
หายใจไว้
พรุ่งนี้คือวันใหม่
โอดูบอนคือเรื่องเล่าจากชายคนหนึ่งในเกาะ
ไม่มีใครรู้ว่าโอดูบอนอธิษฐานอะไร
แต่ชะตากรรมของนกพิราบนักเดินทางนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ไม่ว่าดีหรือร้าย โลกใบนี้ย่อมต้องเป็นไปตามกระแสที่ไม่อาจต้านทาน กระแสที่ว่ามีพลังมหาศาลเช่นเดียวกับน้ำท่วมหรือหิมะถล่ม เพียงแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันทันที มันจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เชื่องช้าเหมือนเวลาน้ำร้อนค่อยๆ เย็นลง แม้แต่การสูญพันธุ์ของนกพิราบนักเดินทางหรือสงครามส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ก่อนที่ใครจะรู้ตัว ทุกอย่างก็ถูกลากเข้าสู่วังวนของกระแสเสียแล้ว
ฉันรู้ว่ามันน่าเบื่อเพียงใดกับคนที่เฝ้าก่นคร่ำครวญถึงความไม่ลงตัวในชีวิต
บ่นไปแล้วได้อะไร
มีคนฟังแล้วช่วยได้ไหม
กระนั้นเราก็ยังอยากระบาย
มองหาคนที่จะไม่ตัดสินเรา
ทำให้เรารู้ว่าพรุ่งนี้ยังมี
แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ตาม
“เอาน่า ไม่เห็นเป็นไร” ฮิบิโนะตอบด้วยน้ำเสียงรื่นเริง พลางตบมือฉาดใหญ่ “การต้องรู้อะไรไปเสียทุกอย่างกับการใช้ชีวิตให้สนุก มันคนละเรื่องกันเลยไม่ใช่เรอะ” เขาพูดต่อด้วยว่า “ถึงไม่รู้ทริกมายากล แต่เราก็ยังสนุกกับมายากลได้”
เป็นอย่างนั้นแน่หรือ…*
“คำอธิษฐานของโอดูบอน” (Audubon’s Prayer) เขียนโดย Kotaro Isaka แปลโดย กนกวรรณ เกตุชัยมาศ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์กำมะหยี่ มิถุนายน, 2559
*ข้อความจากในหนังสือ