ทราย เจริญปุระ : นกพิราบ, ฆาตกรรม

จอห์น เจมส์ โอดูบอน ค้นพบนกพิราบนักเดินทางตอนพวกมันกำลังบินข้ามท้องฟ้าในรัฐเคนทักกีเมื่อปี ค.ศ.1813 ทั่วท้องฟ้าถูกบดบังด้วยนกพิราบ มืดสนิทราวกับเกิดสุริยุปราคา โอดูบอนบันทึกไว้ว่า ได้ยินเสียงนกกระพือปีกไม่ขาดสาย พอฟังนานๆ เข้าก็รู้สึกง่วงนอน*

นี่คือเรื่องราวแสนประหลาด ทับซ้อนและลอยตัวเหนือโลกแห่งความจริงในเวลาเดียวกัน

มีคนตาย มีความรัก คำโกหก ฆาตกรรม ความรุนแรง

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังจับใจ และทิ้งรสชาติบางอย่างให้หวนคิดถึงแม้เรื่องราวจะจบลง

 

“คําอธิษฐานของโอดูบอน” พอจะย่อความได้ว่า เป็นเรื่องของ-อิโต-หนุ่มไอทีผู้ผลุนผลันลาออกจากงาน และตัดสินใจปล้นร้านสะดวกซื้อ ชายหนุ่มผู้ถนัดการหนีปัญหาที่อยู่ๆ พลันตื่นขึ้นมาบนเกาะที่ปิดตัวมายาวนานนับร้อยปี

บนเกาะประกอบไปด้วยผู้คนแสนประหลาด ทั้งจิตรกรที่กล่าวคำโกหกตลอดเวลา นักฆ่าผู้หลงใหลในบทกวี เด็กหญิงผู้แนบหูกับพื้นเพื่อฟังเสียงหัวใจของตนเอง หญิงที่อ้วนเสียจนขยับไปไหนไม่ได้ และหุ่นไล่กาที่นอกจากจะพูดได้แล้ว ยังทำนายอนาคตได้อีกด้วย

อิโตไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองและคนรอบตัว

จะหนี, ก็ไม่รู้จะหนีจากอะไร

แต่ถ้าต้องอยู่, เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องอยู่ร่วมกับผู้คนเหล่านี้

จนกระทั่งเกิดการฆาตกรรมขึ้นบนเกาะ

สิ่งเล็กน้อยที่เราตัดสินใจในวันนี้ จะทอดเงื้อมเงายาวออกไปในวันหน้า

ชีวิตเราถูกกำหนดแล้วจากเรื่องเล็กน้อยที่สุดที่บางครั้งเราก็ไม่ได้เลือกเอง

เราหนีไม่ได้

เราติดตังติดตายอยู่กับชีวิตตรงนี้

ใช้มันไปทีละวัน

สู้กันไปทีละวัน

หายใจไว้

พรุ่งนี้คือวันใหม่

โอดูบอนคือเรื่องเล่าจากชายคนหนึ่งในเกาะ

ไม่มีใครรู้ว่าโอดูบอนอธิษฐานอะไร

แต่ชะตากรรมของนกพิราบนักเดินทางนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

ไม่ว่าดีหรือร้าย โลกใบนี้ย่อมต้องเป็นไปตามกระแสที่ไม่อาจต้านทาน กระแสที่ว่ามีพลังมหาศาลเช่นเดียวกับน้ำท่วมหรือหิมะถล่ม เพียงแต่มันไม่ได้เกิดขึ้นฉับพลันทันที มันจะค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เชื่องช้าเหมือนเวลาน้ำร้อนค่อยๆ เย็นลง แม้แต่การสูญพันธุ์ของนกพิราบนักเดินทางหรือสงครามส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ก่อนที่ใครจะรู้ตัว ทุกอย่างก็ถูกลากเข้าสู่วังวนของกระแสเสียแล้ว

 

ฉันรู้ว่ามันน่าเบื่อเพียงใดกับคนที่เฝ้าก่นคร่ำครวญถึงความไม่ลงตัวในชีวิต

บ่นไปแล้วได้อะไร

มีคนฟังแล้วช่วยได้ไหม

กระนั้นเราก็ยังอยากระบาย

มองหาคนที่จะไม่ตัดสินเรา

ทำให้เรารู้ว่าพรุ่งนี้ยังมี

แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ตาม

“เอาน่า ไม่เห็นเป็นไร” ฮิบิโนะตอบด้วยน้ำเสียงรื่นเริง พลางตบมือฉาดใหญ่ “การต้องรู้อะไรไปเสียทุกอย่างกับการใช้ชีวิตให้สนุก มันคนละเรื่องกันเลยไม่ใช่เรอะ” เขาพูดต่อด้วยว่า “ถึงไม่รู้ทริกมายากล แต่เราก็ยังสนุกกับมายากลได้”

เป็นอย่างนั้นแน่หรือ…*

“คำอธิษฐานของโอดูบอน” (Audubon’s Prayer) เขียนโดย Kotaro Isaka แปลโดย กนกวรรณ เกตุชัยมาศ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์กำมะหยี่ มิถุนายน, 2559

 


*ข้อความจากในหนังสือ