‘คิดนอกกรอบ ทำยังไง’

กวีวุฒิ เต็มภูวภัทรfacebook.com/eightandahalfsentences

ธุรกิจพอดีคำ | กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร

 

‘คิดนอกกรอบ ทำยังไง’

 

เคยสงสัยกันไหมครับ

ทำไมบางคนถึงคิดอะไรได้แปลกๆ แหวกแนว จนกลายเป็นไอเดียที่สร้างความสำเร็จระดับโลก

ในขณะที่บางคนก็ยังคงติดอยู่กับการคิดแบบเดิมๆ วนไปวนมา แล้วความคิดสร้างสรรค์มันฝึกกันได้จริงๆ เหรอ?

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2023

พบว่า 78% ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการคิดนอกกรอบอย่างจริงจัง

และที่น่าสนใจคือ บริษัทเหล่านี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันถึง 3.2 เท่า

แต่การคิดนอกกรอบไม่ใช่แค่การ “คิดแปลกๆ” นะครับ มันคือการมองเห็นโอกาสในจุดที่คนอื่นมองข้าม

ใครจะคิดว่ารถยนต์จะกลายเป็น “สมาร์ตโฟนบนล้อ” ได้?

อีลอน มัสก์ คิดได้ครับ Tesla ไม่ได้แค่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่พวกเขาสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีทั้งหมด ตั้งแต่แบตเตอรี่ไปจนถึงซอฟต์แวร์ จนทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงกว่าผู้ผลิตรถยนต์ดั้งเดิมหลายเท่า

Netflix เริ่มต้นจากบริการให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์ แต่ Reed Hastings มองเห็นอนาคตของการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ออนไลน์ก่อนใคร และกล้าที่จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจทั้งหมด จนกลายเป็นผู้นำด้านความบันเทิงระดับโลก

แล้วทำอย่างไร เราจึงจะ “คิดนอกกรอบได้”

เรื่องนี้ไม่ยากครับ แต่ใช้การฝึกฝน

 

เริ่มจาก เทคนิคตั้งคำถาม “ทำไม?” 5 ครั้ง

[ในห้องประชุมแผนกการตลาด]

“ยอดขายเดือนนี้ตกลงอีกแล้วครับ” มิ้นท์ ผู้จัดการฝ่ายขายรายงาน

“ทำไมถึงตกลงครับ?” เก่ง หัวหน้าทีมถาม

“ลูกค้าบอกว่าราคาแพงเกินไปค่ะ”

“ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าแพง?”

“เพราะเทียบกับคู่แข่งแล้วเราแพงกว่า 20%”

“ทำไมเราถึงต้องแพงกว่า?”

“เพราะต้นทุนการผลิตของเราสูงกว่า”

“ทำไมต้นทุนเราถึงสูง?”

“เพราะเราผลิตน้อย สั่งวัตถุดิบทีละไม่มาก”

“แล้วทำไมเราถึงผลิตน้อย?”

“เพราะกลัวของเหลือ… เอ… จริงๆ แล้วถ้าเรารวมออร์เดอร์ลูกค้าหลายๆ เจ้า แล้วสั่งผลิตครั้งละมากๆ ก็น่าจะช่วยลดต้นทุนได้นะคะ”

 

เสริมด้วยเทคนิคเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

[ในคาเฟ่หลังเลิกงาน]

“เครียดจัง ไอเดียใหม่ๆ สำหรับแคมเปญปีหน้าไม่ออกเลย” เบลล์ ครีเอทีฟบ่น

“ลองเล่นเกมกันไหม” โอม เพื่อนร่วมทีมเสนอ “เราสุ่มคำ 2 คำที่ไม่เกี่ยวกันเลย แล้วลองเชื่อมโยงมันดู”

“โอเค เอาเลย”

“กาแฟ กับ… ฟิตเนส!”

“ฮ่าๆ จะเอามาเกี่ยวกันได้ไง”

“ก็ลองคิดดู… เอ… คาเฟ่ที่มีพื้นที่ออกกำลังกายด้วย? จิบกาแฟก่อนเวิร์กเอาต์ เสร็จแล้วมานั่งชิลต่อ…”

“เดี๋ยวนะ… ไอเดียดีนี่! เราทำแคมเปญ ‘Fit & Caffeinated’ ไหม? ชวนคนมาออกกำลังกายที่ร้านเราตอนเช้า มีเทรนเนอร์คอยสอน แถมด้วยกาแฟดีๆ สักแก้ว…”

 

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย MIT ในปี 2023 พบว่า 89% ของนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลก เริ่มต้นจากไอเดียที่ถูกปฏิเสธและถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้” หรือ “บ้าเกินไป” โดยคนส่วนใหญ่ ซึ่งมีวิธีรับมือไม่ยาก

[บทสนทนาระหว่างที่ปรึกษาธุรกิจกับผู้ประกอบการรายใหม่]

“คุณรู้ไหม Steve Jobs เคยพูดอะไรตอนเสนอไอเดีย iPhone?” ที่ปรึกษาถาม

“อะไรครับ?”

“เขาบอกว่า ‘คนที่บ้าพอที่จะคิดว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ คือคนที่ลงมือทำมันจริงๆ'”

“แล้วผมควรทำยังไงดีครับ? ทุกคนบอกว่าไอเดียผมมันเพ้อเจ้อ”

1. รวบรวมข้อมูลให้แน่น – ยิ่งไอเดียดูบ้า ยิ่งต้องมีข้อมูลสนับสนุนที่แข็งแกร่ง

2. เริ่มจากเล็กๆ – ทดลองทำ Prototype หรือทดสอบตลาดเล็กๆ ก่อน

3. หาพันธมิตรที่เชื่อในวิสัยทัศน์เดียวกัน – คุณไม่จำเป็นต้องทำคนเดียว

4. เรียนรู้จากเสียงวิจารณ์ – ฟังเพื่อปรับปรุง ไม่ใช่เพื่อท้อถอย

 

ความคิดนอกกรอบของวันนี้ คือ ความปกติของพรุ่งนี้

ลองนึกถึงเมื่อ 20 ปีก่อน :

ใครจะคิดว่าเราจะสั่งอาหารผ่านแอพพ์? ใครจะคิดว่ารถยนต์จะขับเองได้? ใครจะคิดว่าเราจะทำงานจากที่ไหนก็ได้ในโลก?

แต่วันนี้ สิ่งที่เคยถูกมองว่า “บ้า” กลับกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

[บทสนทนาในออฟฟิศสตาร์ตอัพที่เพิ่งประสบความสำเร็จ]

“จำได้ไหม ตอนที่ทุกคนบอกว่าเราบ้า?” CEO สาวถามทีมงาน

“จำได้ครับ แต่พอมองย้อนกลับไป มันกลับเป็นความบ้าที่สมเหตุสมผลที่สุด”

“ใช่… บางทีการกล้าที่จะ ‘บ้า’ ก็เป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุดแล้วล่ะ”

การถูกมองว่า “บ้า” อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังเดินมาถูกทางแล้วครับ