กรองกระแส/กระพี้ หรือ แก่น กรณีอดีตนายกรัฐมนตรี นางฟ้า หรือ มารร้าย

กรองกระแส

กระพี้ หรือ แก่น
กรณีอดีตนายกรัฐมนตรี
นางฟ้า หรือ มารร้าย

ไม่ว่าจะมองว่าข่าวเกี่ยวกับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ดำเนินไปในลักษณะเป็นแก่นหรือว่าเป็นกระพี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยอมรับร่วมกันก็คือ ข่าวนี้ได้รับความสนใจ
เป็นความน่าสนใจตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อปี 2549 มาแล้ว
เป็นความน่าสนใจตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อปี 2557 และที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ หลังการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2560 เป็นต้นมา
เมื่อภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรากฏที่อังกฤษคนจึงสนใจ
ยิ่งเมื่อภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปรากฏพร้อมกับนายทักษิณ ชินวัตร ระหว่างแวะซื้อเกาลัดบนถนนคนเดินกลางกรุงปักกิ่งยิ่งกลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครม
แค่เรื่องราวของนายทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว
พอกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ผสมผสานเข้ากับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งเร้าความสนใจเป็นอย่างสูง
มิใช่เพราะว่า 2 คนนี้เคยดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี”
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังอยู่ที่ว่า การหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังมากด้วยเงื่อนปมและความสงสัย

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
หายไปได้อย่างไร

คําถามที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หายตัวไปจากประเทศไทยอย่างลึกลับ อย่าว่าแต่คนไทยเลยที่ให้ความสนใจ แม้กระทั่งต่างประเทศก็สนใจและอยากรู้
เพราะว่าเดือนสิงหาคม 2560 อำนาจเป็นของ “คสช.”
เพราะว่านับแต่ถูกรัฐประหาร ไม่ว่าจะเดินหรือไปปรากฏตัว ณ ที่ใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนถูกติดตามอย่างชนิดครบเครื่องทุกหน่วยงาน
ทั้งจากทหาร ทั้งจากตำรวจ ทั้งจากฝ่ายพลเรือน
การหายตัวไปนับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2560 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระทั่งไปปรากฏตัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จึงกลายเป็นคำถาม
เป็นคำถามเพราะว่า “คสช.” ไม่สามารถให้ “คำตอบ”
เพราะข่าวบางกระแสระบุว่าเธอเล็ดลอดออกไปกระทั่งไปถึงเครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร แล้วบินไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนจะบินเข้ากรุงลอนดอนในเดือนมิถุนายน 2560
ประเด็นอันแหลมคมยิ่งก็คือ เธอบินผ่านประเทศใดบ้าง

กรณีของยิ่งลักษณ์
กับนานาประเทศ

ที่ต้องยอมรับก็คือ ไม่ว่านายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนถูกยึดคืนหนังสือเดินทางจากกระทรวงการต่างประเทศ
ประเด็นที่ว่าเธอได้หนังสือเดินทางประเทศใด ไม่เป็นปัญหาเท่าใดนัก
แต่ประเด็นที่แหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ เมื่อได้หนังสือเดินทางมาแล้วและถูกรัฐบาลไทยแจ้งข้อหาผ่านทั้งทางตำรวจสากลและผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลก แล้วเหตุใดทั้งนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถเดินทางได้ทั่วโลกยกเว้นประเทศไทยเท่านั้น
คำถามนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นว่า นานาอารยประเทศมองชะตากรรมที่นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบแตกต่างไปจากบทสรุปของรัฐบาล “คสช.” อย่างไร ประการเดียว
หากยังพอจะทำให้มองเห็นว่าเหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงสามารถ “ล่องหน” ได้
เพราะก่อนจะเดินทางไปถึงนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จำเป็นต้องผ่านดินแดนของ 2 ประเทศโดยพื้นฐาน ทำไม 2 ประเทศนั้นยินยอมให้ “นักโทษหนีคดี” ผ่าน
ยิ่งกว่านั้น การสามารถบินจากกรุงลอนดอนไปยังกรุงปักกิ่งและไปยังกรุงโตเกียวโดยที่เงื้อมมือทางกฎหมายจากรัฐบาลไทยไม่สามารถเอื้อมไปถึง ยิ่งทำให้มีคำถามตามมามากมาย
เป็นคำถามถึงรัฐบาลไทย เป็นคำถามถึง คสช.

กรณี ทักษิณ ชินวัตร
“หนาม” ตำใจ “คสช.”

ไม่ว่าจะต้องการ ไม่ว่าจะไม่ต้องการ ไม่ว่าจะมองว่ากระพี้มิใช่แก่นแท้ แต่ คสช. และรัฐบาลจักต้องเผชิญต่อปัญหาอันเนื่องแต่นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปอีกยาวนาน
เว้นแต่จะสามารถสร้างความกระจ่างกระทั่งไม่มีคำถาม
เป็นความกระจ่างทั้งต่อประชาชนคนไทย โดยเฉพาะที่ยังยึดมั่นและแสดงความชมชอบผ่านพรรคเพื่อไทย อันเป็นความต่อเนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน
และเป็นความกระจ่างต่อนานาอารยประเทศ
การเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยังส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางต่อสถานการณ์ภายในประเทศไทย ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งมากเท่าใดการเคลื่อนไหวยิ่งมีผลสะเทือน
ทั้ง 2 จึงดำรงอยู่ใน 2 สถานภาพที่มิอาจปฏิเสธได้
บทบาท 1 คือ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า ต่อฝ่ายที่นิยมชมชอบ ขณะเดียวกันบทบาท 1 คือ เป็นปีศาจ เป็นมารร้าย ต่อฝ่ายที่ไม่นิยมชมชอบ