ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เดือนมกราคมซึ่งเป็นเดือนแรกของปี 2568 “สงบนิ่ง” ไม่ไหวติง ไม่มีกิจกรรมการตลาดใดๆ เพราะต่างรอดูทิศทางเศรษฐกิจการเมืองระดับโลกโดยเฉพาะการกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกรอบของโดนัลด์ ทรัมป์ และเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศ การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล
ในโลกธรรมชาติ ลมสงบนิ่งใบไม้ไม่ไหวติง ทำให้เกิดภาวะฝุ่น PM 2.5 รุนแรงระดับสัญญาณเป็นสีส้ม แดง และม่วง ปกคลุมท้องฟ้ากรุงเทพมหานครตลอดทั้งวันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ติดต่อกันหลายวันช่วงกลางเดือนถึงปลายเดือนมกราคม 2568
ในตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโดฯ แทบไม่ต่างกัน การแถลงข่าวแผนงานและการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2568 มีน้อยกว่าทุกปี
บมจ.อสังหาฯ ระดับ “พี่เอื้อย” วงการที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแค็ปสูงที่สุดมาตลอด มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ต่ำกว่าที่คุ้นเคย ด้วยจำนวนนับนิ้วมือข้างเดียว
ผู้สื่อข่าวและผู้เสพข่าวอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็ตระหนักได้ว่า คาดกันล่วงหน้าอยู่แล้วปี 2568 นี้บริษัทอสังหาฯ ใหญ่น้อย น่าจะใช้กลยุทธการตั้งรับเป็นหลัก เปิดตัวโครงการใหม่จำนวนไม่มาก แต่หันมาเน้นการรณรงค์ขายบ้านห้องชุดที่สร้างเสร็จเหลือขายจำนวนมากจากโครงการต่างๆ ที่เปิดตัวมาในปีก่อนหน้านี้เป็นสำคัญ
เพื่อลดการลงทุนใหม่ และเพื่อเปลี่ยนสินค้าคงค้างให้กลับมาเป็นเงินสด รอดูทิศทางเศรษฐกิจการเมืองต่อไปอีกสักพัก และรอดูกำลังซื้อในตลาดให้ชัด เพราะกำลังซื้อภายในประเทศปัจจุบัน
กล่าวได้ว่าชะลอตัวลงแทบทุกเซ็กเมนต์แล้วตั้งแต่ระดับตลาดล่างยันตลาดบน
เหตุการณ์และกระแสข่าวที่ปกคลุมตลาดส่วนใหญ่เป็นข่าวร้าย ความผันผวนเปลี่ยนแปลงอย่างที่ทราบกันดี
แต่หากหาประเด็นข่าวดีที่เป็นกระแสทิศทางใหม่ทางเศรษฐกิจ สามารถเห็นได้ 3 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรก การท่องเที่ยว ปี 2568 นี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาเที่ยวไทยประมาณ 38 ล้านมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวอาเซียน ยุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง ส่วนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวขึ้นแต่ยังไม่เท่ากับปี 2562 ก่อนโควิด
ผลการท่องเที่ยวต่ออสังหาฯ ก็คือยอดขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
เรื่องที่สอง ยอดขายที่ดินเพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก ขายดีมาก จนราคาปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว และจำนวนที่ดินในนิคมไม่พอขาย แสดงถึงการการเคลื่อนย้ายการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ไหลมาสู่ประเทศในอาเซียน รวมทั้งประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องจริง เป็นรูปธรรมแล้ว
ผลต่อธุรกิจอสังหาฯ เมื่อเกิดโรงงานผลิตสินค้าและบริการแล้ว ย่อมเกิดการจ้างงาน พนักงานลูกจ้างเมื่อทำงานระยะหนึ่งจนเกิดความมั่นคงก็จะเกิดความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย วัฏจักรนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วรอบก่อนยุคที่ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาอีสเทิร์นซีบอร์ด
มีกระแสข่าวที่ยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการว่า เวลานี้คอนโดฯ ย่านพัทยาขายดี ถ้าจริงตามกระแสข่าวก็น่าจะเป็นผลมาจากความต้องการซื้อสำหรับนักธุรกิจผู้บริหารชาวต่างชาติที่เข้ามาตามการลงทุนในภาคตะวันออก
เรื่องที่สาม การส่งออกโตกว่าที่คาด การส่งออกเดือนธันวาคม 2567 ขยายตัว 8.7% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายนตัว 11.1% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9
ทิศทางตามตัวเลขนี้ ถ้าไม่ใช่การสั่งซื้อสินค้าเพราะกลัวสงครามการค้าอันเนื่องมาจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่เป็นความต้องการตามกำลังซื้อจริงๆ แล้ว ถือเป็นทิศทางที่ดี
เพราะการส่งออกมีสัดส่วนในจีดีพีเศรษฐกิจไทยสูงประมาณ 65% มีผลต่อกำลังซื้อโดยตรง
ปริมาณการซื้อบ้าน คอนโดฯ 20-30 ปีที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับจีดีพีและการส่งออกของประเทศ
ติดตามกันต่อไป •
ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022