เราไปหาเขา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์

พิชัย แก้ววิชิต

ราวกลางกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว

ด้วยความคะนองนำพา เราจึงออกจากบ้านไปหาเขา ในวันที่อยู่ได้โดยไม่รู้สึกดี วิถีทางที่เรียกว่าที่อื่น จึงกลายเป็นสถานที่ที่เราอยากลองไปเยือน ความคิดชี้ชวนให้รู้สึกแปลก บอกให้แทรกความสนุกบ้างเพื่อชีวิต ยังมีเรื่องราวที่ต่างออกไปจากตรงนี้ รอคอยเราอยู่ ณ ที่แห่งอื่นอันห่างใกล และด้วยความใจง่าย เราจึงอยากไปให้ถึงที่ตรงนั้น

ด้วยสภาพร่างกายในแบบพร้อมบ้างไม่พร้อมบ้าง ร่วมด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจ 115 cc ที่จัดได้ว่าพร้อมเสมอกับการเดินทาง เว้นเสียแต่จะหมดลมยางเพราะแตกระหว่างทาง แต่นั้นถือเป็นอุปสรรคที่ยังมาไม่ถึง อย่าได้ซึมในอารมณ์ กับกงล้อของความไม่แน่นอน แต่ก็พอจะอุ่นใจอยู่บ้างกับการเดินมาทาง หากมีอุปกรณ์เปลี่ยนยางติดรถไปด้วย

“เขาที่ว่าไม่ใช่คน แต่เป็นภูเขาแท้ๆ จากธรรมชาติ” ผู้คนไม่น้อยรู้จัก “เขากระโจม” แห่งสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลายคนเคยไป แต่ผมยังไม่เคยถึง แต่เคยสัมผัสแล้วผ่านตาโดยช่องทางยูทูบ ความน่าสนุกมาจากการได้เห็นความตื่นเต้น ท้าทายของคนอื่น ด้วยเส้นทางขึ้นเขาที่ลำบากยากเข็น และเข็นยาก (ด้วยทางสูงชัน) ในแบบเส้นทางธรรมชาติ ต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง หากแต่ผู้คนก็ยังคงหลั่งไหลมากันด้วยเหตุผลของการหาความสนุก บนความทุกข์ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

ดูแต่ตาก็ยังสนุก ทำให้คิดคึกขึ้นในใจ สิงห์มอเตอร์ไซค์อย่างเรา “มันต้องวัดใจกันสักครั้ง” การเอาอีแก่ (หมายถึงจักรยานยนต์คนเก่า ไม่ใช่ใครแก่อย่างที่คิด) ไปเก็บและดองประสบการณ์ไว้ด้วยกัน นับว่าดีต่อใจในภายภาคหน้า

“ด้วยความคะนองนำพา จึงออกจากบ้านไปหาเขา” ในวันที่อยู่ได้โดยไม่รู้สึกดี วิถีทางที่เรียกว่าที่อื่น จึงเป็นกลายสถานที่ที่เราอยากลองไปเยือน / เทคนิค : F/8 1/500s ISO100 / สถานที่ : อำเภอจอมบึง ราชบุรี

เราออกจาก กทม.ด้วยความรู้สึกสดใหม่ โดยไม่ลืมระวัง เรื่อยๆ ค่อยๆ ไป จนถึงอำเภอสวนผึ้งตามใจอยาก เราแวะเติมข้าวราดแกงข้างทาง เติมน้ำมันอีกรอบ ก่อนบิดไปต่อจนเข้าเขตภูเขา บรรยากาศในตอนนั้น การได้เห็นภูเขาสวยบนหลังอีแก่ (จยย.) ทำให้เรารู้สึกดี สดชื่นจนลืมความเหนื่อยล้า มองไปทางไหนก็ดูจะเพลินสายตาไปทุกทิศทุกทาง

“แต่เดี๋ยว!” แล้วทางขึ้นเขากระโจมอยู่ทางไหน?

ในความทันสมัย ในยามที่ไม่มีใครให้ถามทาง ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ข้างซ้ายมีโทรศัพท์มือถือ เราขี่มุ่งหน้าไปต่อตามที่แอพพ์ในมือถือบอกทางเพื่อตามหาทางขึ้นเขา ความร่มรื่นระหว่างทางทำให้แรงลมปะทะหน้าเย็นสบายแม้ในยามบ่าย

เราขี่ๆ จอดๆ เป็นระยะ เพื่อดูเส้นทางกันสองสามพัก ด้วยไม่มีที่วางโทรศพท์ติดไว้ที่รถ แต่ไม่เป็นไร ไปกันต่อ และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราเองจึงตัดสินใจ ไม่อีกแล้วที่จะขี่ๆ จอดๆ ดูเส้นทางให้เสียเวลา

เราใช้มือซ้ายประคองถือโทรศัทพ์ขณะขับขี่ ส่วนอีกมือที่เหลือก็บิดเร่งไปตามทาง ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงจุดที่ไม่ทันตั้งตัว เรารู้สึกว่าล้อหน้าสะดุดกับบางอย่าง เพียงเสี้ยววินาที อีแก่ก็พลิกคว่ำแถไถล เรารู้สึกการล้มแบบไม่เป็นท่า และไม่มีท่าล้มให้ได้เลือก ตัวเราไถลไปไกลตามแรงล้ม และได้ยินเสียงครูดเต็มสองรูหูภายในหมวกกันน็อก โชคดียังรั้งท้าย เพราะยังไม่มีรถวิ่งตามหลังมาสมทบ

ด้วยความตระหนก เราจึงยังเจ็บไม่มาก ด้วยสติยังอยู่ดี ไม่หลุดหาย เราตรวจดูสภาพความเสียหายของตัวเอง มือทั้งสองข้างถลอกเป็นหย่อมๆ เกินหนังชั้นนอก แผลแบบนี้โดนน้ำคงแสบน่าดู แต่แผลแบบนี้หยุดเราไม่ได้ หากเราจะไปหาเขาต่อ แขน นิ้ว ขยับได้ปกติ ส่วนขาทั้งสองข้างนั้นยังคงสั่งการได้เป็นอย่างดี เกงเกงยีนส์ขาดวิ่นตรงหัวเข่าข้างซ้าย ไม่เป็นไรกับแค่กางเกงขาด แต่ที่มันจะเป็นก็บาดแผลตรงหัวเข่าที่มีรูโบ๋ ฉีกลึกลงไป จนเราเกรงใจลูกสะบ้าเข่า

เราจะไปต่อหรือพอแค่นี้ แล้วถ้ากลับบ้านจะกลับกันในสภาพไหน ด้วยเรื่องราวยังไม่หมด เราขอติดเรื่องอีกหน่อยไว้ก่อน ไว้เล่าต่อกันในตอนหน้า

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต