เหรียญแสตมป์ พ.ศ.2484 หลวงพ่อชุ่ม วัดราชคาม พระเกจิชื่อดัง จ.ราชบุรี

“หลวงพ่อชุ่ม พุทธสโร” วัดราชคาม อ.เมือง จ.ราชบุรี พระเกจิอาจารย์ที่ชาวราชบุรี ให้ความนับถือ เพราะมีเมตตากรุณา ช่วยเหลือชาวบ้านที่มีทุกข์ร้อนป่วยไข้

ทรงภูมิความรู้และวิทยาคมหลายอย่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ เป็นพระอาจารย์ เป็นคณาจารย์การปกครอง เป็นพระอาจารย์สอนปริยัติธรรมและกัมมัฏฐาน

สร้างวัตถุมงคลไว้ได้แก่ เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด แหวน ฯลฯ อันเป็นที่นิยมและหวงแหนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เหรียญแสตมป์”

สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2484 เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ช่วยเหลือกิจการของวัด และตอบแทนผู้บริจาคทรัพย์สร้างพระอุโบสถวัดใหม่ต้นกระทุ่ม

ลักษณะเป็นแผ่นภาพอะลูมิเนียมสกรีนรูปเหมือน 2 แผ่น ขนาดเล็กประกบกันมีหูในตัว โดยสั่งทำจากประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านมักเรียกว่า เหรียญแสตมป์ หรือ เหรียญจับเงา จำนวนการสร้างไม่ได้ระบุแน่ชัด บ้างก็ว่าสร้างจำนวนไม่เกิน 2,000 เหรียญ

ด้านหน้า เป็นลักษณะตะแกรงลงถมเป็นรูปหน้าตรงครึ่งองค์ มีอักษรขอม 4 ตัวที่มุมเหรียญอ่านว่า นะ มะ พะ ทะ (หัวใจธาตุ) ด้านล่างองค์ท่าน เขียนคำว่า “ชุ่ม”

ด้านหลัง ผูกเป็นยันต์ตารางมงคลเก้าตามแบบที่เป็นเอกลักษณ์ (ยันต์ครู) มุมทั้ง 4 ด้านของแผ่นภาพเขียนอ่านได้ ว่า อุด อัด ปัด ปิด

ด้านล่างของตารางยันต์มีภาษาขอม อ่านได้ว่า กิริมิทิ กึรึมึทึ กุรุมุทุ เกเรเมเท

จัดเป็นวัตถุมงคลหายากและเป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องและชาวราชบุรี

รูปหล่อใหญ่หลวงพ่อชุ่ม วัดราชคาม

อัตโนประวัติ ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ จุลศักราช 1241 อันตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน 2422 ที่ ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง จ.ราชบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายทุ้ม และนางลำใย กลิ่นเทพเกษร เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 9 คน

อายุ 9 ปี บิดานำมาฝากเรียนหนังสือขอมและไทยกับหลวงปู่โต๊ะ วัดราชคาม กระทั่งอายุ 16 ปี จึงบรรพชา

อายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดท่าสุวรรณ อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2441 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ จุลศักราช 1260 มีพระอธิการพู่ วัดราชคาม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร

อยู่ศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานจากพระอธิการพู่ และพระอธิการอินทร์

ปี พ.ศ.2448 เมื่อพระอธิการพู่มรณภาพลง ก็ได้รับการนิมนต์ให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสืบแทน

 

สําหรับวัดราชคาม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.คุ้งน้ำวน อ.เมือง จ.ราชบุรี บางตำราว่าสร้างปี พ.ศ.2409

ภายในวัดมีพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง ชื่อหลวงพ่ออู่ทอง ถือเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่วัด เป็นพระพุทธรูปเนื้อสำริดปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยอู่ทอง (ราวประมาณ พ.ศ.1300-1897) ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่ออู่ทอง” วัดนิมนต์มาจากวัดตากแดด ซึ่งสมัยนั้นเป็นวัดร้าง จัดเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ หาชมได้ยากยิ่งในพื้นที่แม่กลอง

หลังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ได้ดำเนินการทำนุบำรุงวัดสุดความสามารถ บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งในด้านถาวรวัตถุ ตลอดจนการศึกษาพระปริยัติธรรม

นอกจากนั้น ยังได้จัดสร้างโรงเรียน เพื่อเป็นสถานศึกษาของลูกหลานชาวบ้านในละแวกวัด มีชื่อว่า โรงเรียนประชาบาลชุ่มประชานุกูล

หลวงพ่อชุ่ม พุทธสโร

ลําดับงานปกครองและสมณศักดิ์ พ.ศ.2458 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดราชคาม

พ.ศ.2467 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2473 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลคุ้งน้ำวน (เจ้าคณะหมวด)

พ.ศ.2479 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน

มีความสามารถทั้งด้านการพัฒนาถาวรวัตถุและจิตใจของทุกคน นำความเจริญมาสู่วัดราชคาม มากด้วยความเก่งกล้า มีคาถาอาคม ช่วยเหลือชาวบ้านในทุกทาง ชำนาญด้านการแพทย์แผนโบราณ วิชาทำน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ปลุกเสกลงเลขยันต์และอื่นๆ

ตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อป้อม เจ้าอาวาสรูปถัดมา เล่าถึงประวัติการเดินธุดงค์ซึ่งได้รับฟังจากปากหลวงพ่อชุ่มเองว่า เมื่อบวชได้ 3 พรรษา เริ่มสนใจในวิทยาคม พยายามศึกษาเล่าเรียนและเริ่มออกเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ คราวละ 3 ปี บางครั้งก็ธุดงค์ไปพม่าบ้าง

 

ครั้งหนึ่งเดินธุดงค์จนถึงวัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ขณะนั้นราวปี พ.ศ.2446 หลวงปู่ศุข ปกครองวัดมะขามเฒ่า ศึกษาวิชาจากหลวงปู่ศุข หลายแขนงเกี่ยวกับวิชาด้านคาถาอาคม จนครั้งหนึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสด็จมายังวัดราชคาม เนื่องด้วยเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน และเมื่อหลวงพ่อชุ่มกลับมาอยู่วัดราชคาม จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ขณะนั้นชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือมาก

จากการที่ธุดงค์จนเป็นกิจวัตร ทำให้ได้รู้จักกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เมื่อคราวออกธุดงค์ไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ทำให้ท่านทั้ง 2 เป็นสหธรรมิกกันเรื่อยมา

เริ่มอาพาธ ประกอบกับย่างเข้าวัยชราไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ จึงทรุดหนักลงในเร็ววัน คณะศิษย์และผู้เคารพนับถือ ร่วมกันรักษาพยาบาลอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถทำให้อาการทุเลาลงได้

กระทั่งวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2498 เวลาตีสี่ครึ่ง จึงมรณภาพด้วยอาการสงบ

สิริอายุ 77 ปี พรรษา 57 และมีพิธีประชุมเพลิง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2500 •

 

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ

[email protected]