ยุติสงครามฮามาส-อิสราเอล ผลงานของใคร ไบเดนหรือทรัมป์

รายงานพิเศษ | มงคล วัชรางค์กุล

 

ยุติสงครามฮามาส-อิสราเอล

ผลงานของใคร

ไบเดนหรือทรัมป์

 

บ่ายวันที่ 15 มกราคม 2025 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมด้วยรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (Secretary of State) แอนโทนี่ บลิงเคน ร่วมกันแถลงข่าวการยุติสงครามฮามาส-อิสราเอล

ไบเดนเล่าว่า ขณะนี้ได้มีข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันระหว่างฮามาสและอิสราเอลแล้ว

ไบเดนชี้แจงว่าได้มีการเจรจาเรื่องหยุดยิงและปล่อยตัวประกันมาตลอด 8 เดือน นับจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งตัวไบเดนเป็นผู้เสนอเงื่อนไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2024

ไบเดนเล่าว่าตัวไบเดนได้เดินทางเข้าอิสราเอล 2 ครั้ง เพื่อเจรจาหาทางยุติสงคราม ท่ามกลางห่าจรวดที่ถล่มใส่อิสราเอล

ไบเดนคือประธานาธิบดีอเมริกันคนแรกที่เดินทางเข้าอิสราเอลในภาวะสงคราม

ในขณะที่ Secretary of State บลิงเคนเดินทางไปเจรจากับอิสราเอลและตะวันออกกลางนับจากเกิดสงครามเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2023 จนถึงเดือนตุลาคม ปี 2024 ที่ Sinwar ผู้นำฮามาสถูกสังหาร เขาบินประสานงานถึง 11 เที่ยว

 

ไบเดนแถลงว่า ข้อตกลงหยุดยิงแบ่งออกเป็น 3 Phases เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 20 มกราคม 2025 ดังนี้

Phase ที่ 1 ฮามาสตกลงปล่อยตัวประกันทั้งหมด ในขณะที่อิสราเอลจะทยอยถอนทหารออกจากกาซา และปล่อยนักโทษปาเลสติเนียน ทั้งนี้ ฮามาสจะปล่อยตัวประกันชุดแรก 33 คน คาดว่าจะมีตัวประกันอเมริกัน 2 คนได้รับการปล่อยตัวในชุดนี้

อิสราเอลจะอนุญาตให้ความช่วยเหลือเข้าสู่ปาเลสไตน์

อิสราเอลจะอนุญาตให้คนปาเลสติเนียนกลับบ้าน

Phase 1 จะใช้เวลา 6 สัปดาห์ แต่ถ้ายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ใน 6 สัปดาห์ จะอนุญาตให้ต่อเวลาออกไปได้ ในระหว่างนั้นจะให้มีการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายตลอดเวลา

Phase 2 ชื่อ Permanent end of war – การยุติสงครามถาวร

เฟสนี้ฮามาสต้องปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิตทั้งพลเรือนและทหารทั้งหมด แลกกับที่อิสราเอลจะปล่อยนักโทษปาเลสติเนียนออกมา

อิสราเอลจะถอนทหารออกจากกาซาทั้งหมด

Phase ที่ 3 ศพตัวประกันอิสราเอลลี่ที่เสียชีวิตต้องส่งกลับให้ครอบครัว

หมายเหตุผู้เขียน-ใน Phase นี้ ศพตัวประกันไทย 2 คนที่มีรายงานข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว ควรได้กลับบ้านด้วย

 

ไบเดนบอกว่า ไม่มีทางอื่นจะยุติสงครามได้ นอกจากการปล่อยตัวประกัน แล้วคนปาเลสติเนียนจะได้กลับบ้านโดยไม่มีกลุ่มฮามาสเหลืออยู่ในอำนาจ

ข้อเสนอข้างต้นร่างโดยคนกลาง (mediators) จากสหรัฐ, อียิปต์และกาตาร์ ภายใต้การนำเสนอของไบเดนเมื่อ 31 พฤษภาคม 2024

นักวิเคราะห์ของ CNN บอกว่า การบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายมาจากการประสานงานของคูเวต

CNN บอกว่า เมื่อมีการประกาศยุติสงครามแล้ว 16 มกราคม รถบรรทุก 600 คันจะขนเสบียงอาหารจากด่านอียิปต์เข้าสู่กาซา และจะมีการส่งเสบียงให้ปาเลสไตน์วันละ 600 คันทุกวัน

น.ส.พ. The Jerusalem Post ฉบับ 16 มกราคม 2025 รายงานว่า นายกรัฐมนตรีกาตาร์ยืนยันว่าตัวประกัน 33 คนจะได้รับการปล่อยตัว เริ่มจากปล่อยผู้หญิงและเด็กก่อน, ตามด้วยปล่อยทหารหญิง แล้วถึงผู้ชายอายุเกิน 50 ปี แล้วจึงถึงชายหนุ่มที่จะได้รับการปล่อยตัวตามเงื่อนไข “เพื่อมนุษยธรรม”

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2025 คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลมีมติรับหลักการข้อเสนอหยุดยิง แล้วส่งต่อให้ ครม.ชุดใหญ่พิจารณา

ครม.ชุดใหญ่อิสราเอลมีมติยอมรับข้อตกลงหยุดยิง

แต่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลแถลงว่า สงครามยังไม่ยุติ นี่คือข้อตกลงชั่วคราวเพื่อปล่อยตัวประกันเท่านั้น

เนทันยาฮูคือนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด

 

เช้าวันอาทิตย์ 19 มกราคม 2025 รายการ One World ทางช่อง Fox News ให้รายละเอียดการปล่อยตัวประกัน 33 คนแลกกับอิสราเอลปล่อยตัวผู้ก่อการร้าย (ใช้คำว่า terrorism) ปาเลสติเนียน 2,000 คน ในจำนวนนี้ 250 คนต้องคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตเพราะเป็นฆาตกร (killers) รวมทั้งผู้ก่อการร้ายอีก 1,000 คนที่โดนจับหลัง 7 ตุลาคม

รวมผู้ก่อการร้ายปาเลสติเนียน 3,000 คนจะได้รับการปล่อยตัว

ตัวประกันเจ็บป่วย 9 คนจะแลกกับผู้ก่อการร้าย 110 คนที่โดนตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเพราะทำฆาตกรรม

อิสราเอลจะปล่อยนักโทษ 1,000 คนจากกาซาที่โดนจับหลังวันที่ 8 ตุลาคม ทุกคนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม

อัตราแลกเปลี่ยนคือตัวประกันอายุเกิน 50 ปีหนึ่งคน แลกกับนักโทษตลอดชีวิต 27 คน และนักโทษคดีอื่น 31 คน

สรุปคือตัวประกันหนึ่งคนแลกกับนักโทษ 58 คน

นักโทษปาเลสติเนียนที่ไม่ได้มาจากกาซาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่กาซา จะต้องกลับเข้าไป West Bank

 

MSNBC ให้ข่าวตอนเช้า 10.45 น.อาทิตย์ 19 มกราคม บอกว่ากองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ฮามาสปล่อยตัวประกันหญิง 3 คนแล้ว ขณะนี้กำลังเดินทางออกจากกาซา มีรถพยาบาลกาชาดเข้าไปรับที่กาซามาส่งที่ฐาน IDF (the Israel Defense Forces) เพื่อขึ้น ฮ.ไปโรงพยาบาล ทีวีมีภาพคนอิสราเอลจำนวนมากชุมนุมที่จัตุรัส Hostage Square รอฟังข่าวและชูรูปถ่ายตัวประกัน

CNN นำภาพการส่งมอบตัวประกันหญิง 3 คนในกาซาที่ถูกนำมาโดยรถแวนของฮามาส มาจอดเทียบใกล้กับรถแวนของกาชาด มีทหารฮามาสมากมายชูปืนอยู่รายรอบรถ ทหารบางคนปีนขึ้นไปชูปืนบนหลังคารถบรรทุกทั้ง 2 คัน ตัวประกันส่งออกจากรถฮามาสเข้าสู่รถกาชาดอย่างรวดเร็วแล้วรถรีบวิ่งออกไป

MSNBC มีภาพขบวนรถหลายคันเปิดไฟกะพริบวิ่งสู่ฐาน IDF แล้วถ่ายตัวประกันขึ้น ฮ.บินขึ้นไปยามค่ำคืน

3 ทุ่มคืนวันเดียวกัน CNN มีภาพตัวประกันลงจาก ฮ. เดินเข้าตรวจสุขภาพในโรงพยาบาล IDF บอกว่าตัวประกันทุกคนสุขภาพดี แล้วมีภาพตัวประกันพบกับครอบครัวที่โรงพยาบาล กอดกันกลม

CNN รายงานว่าตัวประกันคนหนึ่งนิ้วขาดไป 2 นิ้ว ตัวประกันอีกคนเป็นทหารหญิง เป็นหนึ่งในทหารหญิงที่โดนจับไป 7 คนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เธอเล่าว่าถูกนำไปกักขังอยู่กับครอบครัวชาวปาเลสติเนียนในกาซา

CNN เสนอภาพและชื่อตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 3 คน

ผู้วิจารณ์ของ Fox News มีความเห็นว่า การแลกเปลี่ยนตัวประกัน 33 คนกับนักโทษก่อการร้าย 3,000 คนนั้นเป็นเรื่องไม่คุ้ม เพราะฮามาสปฏิบัติการโหดร้ายที่มนุษยชาติไม่ทำกัน เช่น การกรีดท้องดึงเด็กทารกออกมา การข่มขืนผู้หญิงแล้วฆ่า (กมลา แฮร์ริส บอกว่า ข่มขืนแล้วฆ่า 200 คน) ฟ็อกซ์ นิวส์ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัดคอเชลยไทย ทั้งนี้ ไม่มีหลักประกันอะไรที่จะรับรองว่าเมื่อปล่อยออกไปแล้ว คนเหล่านั้นจะไม่กลับมาก่อการร้ายอีก

ผู้วิจารณ์ของ CNN มีคำถามว่าใครจะเข้ามาปกครองปาเลสไตน์ต่อไป เพราะถึงอย่างไรฮามาสคงไม่ยอมสูญเสียอำนาจ และนั่นจะเป็นปัญหาให้ฝ่ายบริหารของทรัมป์ต้องเข้ามาแก้ไขต่อไป

 

เมื่อตอนที่ไบเดนจบแถลงข่าวยุติสงครามตะวันออกกลาง มีผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นผลงานของทรัมป์หรือของไบเดน

ไบเดนตอบว่า ถามเรื่องตลกหรือ

ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ยังไม่มีคำแถลงใดๆ จากรัฐบาลไทย ที่มีตัวประกันคนไทยอยู่ในมือฮามาส 8 คน มีข่าวว่า 2 คนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีการบอกข่าว แจ้งชื่อ ลงรูปเหมือนตัวประกันอิสราเอล และตัวประกันอเมริกันที่มีชื่อและรูปถ่ายให้คนส่งความเห็นใจ

ฤๅจะเป็นเพราะตัวประกันไทยเหล่านั้นเป็นแค่คนขายแรงงานไปทำงานแลกเงินในอิสราเอล เป็นแค่คนไทยตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความหมายใดๆ

ปล. ผมเขียนบทความนี้ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจอย่างที่สุด เพราะเมื่อ 40 ปีที่แล้วผมเคยเดินทางข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่เขต West Bank เข้าไปจนถึงกรุงเยรูซาเลม ได้สัมผัสถึงความตึงเครียดที่คุกรุ่นในดินแดนนี้อยู่ตลอดเวลา ณ ขณะนั้น

ดังนั้น เมื่อเกิดสงคราม 7 ตุลาคม ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี

ทำได้เพียงภาวนาให้เกิดสันติสุขในตะวันออกกลางในเร็ววัน