สุวรรณภูมิ-ทวารวดี [12] เสียมกุก นครวัด เมืองราด ผาเมือง

เมืองราดของพ่อขุนผาเมืองเป็นสยาม (เมื่อ 700 ปีมาแล้ว ราวหลัง พ.ศ.1800) ซึ่งสืบทอดจาก “เสียมกุก” นครวัด (มากกว่า 800 ปีมาแล้ว พ.ศ.1650) ปัจจุบันคือเมืองเสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา

“เสียมกุก” (ภาษาเขมร) คือ “สยามกก” (ภาษาไทย) ชื่อขบวนแห่เกียรติยศของชาวสยามดั้งเดิม (ซึ่งเป็นเครือญาติใกล้ชิดของกษัตริย์กัมพูชา) อยู่นำหน้าขบวนแห่ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของเมืองพระนคร (มากกว่า 900 ปีมาแล้ว) เรือน พ.ศ.1650

[คำว่ากก แปลว่าต้นตระกูล, รากเหง้า, ดั้งเดิม, เริ่มแรก (เช่น ลูกผู้เกิดทีแรกเรียก “ลูกกก”)]

สยามกก คือชาวสยามดั้งเดิมเริ่มแรกที่รวมตัวเป็นรัฐ มีศูนย์กลางอำนาจอยู่เมืองเสมา (ศรีจนาศะ) อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา บริเวณลำตะคอง ลุ่มน้ำมูล และมีเครือญาติถึงลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำโขง

ชาวสยามลุ่มน้ำโขง-ชี-มูล มีเครือญาติและเครือข่ายแผ่ไปลุ่มน้ำป่าสัก-ลพบุรี ถึงลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง จากนั้นร่วมกันสถาปนาเมืองอโยธยา ลุ่มน้ำเจ้าพระยา แล้วเริ่มเรียกตนเองว่าไทย เป็นบรรพชนคนไทยปัจจุบัน

ชาวสยาม หมายถึงคนหลายชาติพันธุ์ซึ่งพูดหลายภาษาต่างๆ กัน โดยใช้ภาษาไท-ไต เป็นภาษากลางทางการค้าบนพื้นที่ต่างกัน 2 สมัย ดังนี้ สมัยแรกดินแดนภายใน-โขง-ชี-มูล-สาละวิน สมัยหลัง บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลงไปคาบสมุทรตอนบน (เพชรบุรี-นครศรีธรรมราช)

จารึกปราสาทเมืองเก่า ประจำ “สุคตาลัย” ศาสนสถานอโรคยศาลของพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 (ภาพจากรายงานการขุดแต่งปราสาทหินเมืองเก่าฯ หน่วยศิลปากรที่ 6 กรมศิลปากร พ.ศ.2533)

เมืองราดที่ไหนบ้าง?

ถูกสันนิษฐานจากนักค้นคว้าหลายปีมาแล้ว ดังนี้

(1.) เมืองราดอยู่ทุ่งยั้ง (จ.อุตรดิตถ์) แต่มีปัญหาคือระยะทางห่างไกลมากจากเมืองพระนครหลวง (นครธม) กัมพูชา จึงเป็นไปไม่ได้ และ

(2.) เมืองราดอยู่หล่มสัก (จ.เพชรบูรณ์) แต่ไม่พบหลักฐานร่วมสมัย และอยู่ห่างไกลมากจากเมืองพระนคร (นครธม) กัมพูชา จึงไม่น่าเชื่อ

ส่วนอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง (ที่หล่มสัก) สร้างด้วยอำนาจรวมศูนย์จากความเข้าใจคลาดเคลื่อน (เหมือนอนุสาวรีย์สุนทรภู่ อ.แกลง จ.ระยอง) ซึ่งใช้เป็นหลักฐานเรื่องเมืองราดไม่ได้

เมืองเสมา คือ เมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง มีเหตุผลพร้อมหลักฐานดังนี้

1. ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ต่อเนื่องดินแดนกัมพูชา และเป็นเครือญาติกับกษัตริย์กัมพูชา มีช่องเขาเป็นเส้นทางไปมาหากันสะดวก และพบ “อโรคยศาล” ที่เมืองเสมา ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญมากแสดงความสัมพันธ์กับพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 (นครธม)

2. การคมนาคมกับกรุงสุโขทัย ผ่านเมืองศรีเทพ ลุ่มน้ำป่าสัก (จ.เพชรบูรณ์) มีเส้นทางสะดวก 2 เส้นทาง

(1.) ผ่านทางเมืองพระบาง (จ.นครสวรรค์) และเมืองพิจิตร แล้วเข้าถึงสุโขทัย

(2.) ขึ้นตามแม่น้ำป่าสัก ผ่านเมืองเพชรบูรณ์, เมืองหล่มสัก, เมืองนครไทย (พิษณุโลก), เมืองตรอน (อุตรดิตถ์) ลงแม่น้ำน่าน เข้าถึงสุโขทัย

ปราสาทเมืองเก่า คือ “สุคตาลัย” ของพุทธสถานมหายานประจำ “อโรคยศาล” สถานบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 อาณาจักรกัมพูชา สถาปนาราวเรือน พ.ศ.1750 (ปัจจุบันอยู่ติดวัดปรางค์เมืองเก่า บ้านเมืองเก่า ต.โคราช อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา) สุคตาลัย หมายถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้า คือพระไภษัชยคุรุ (พระพุทธเจ้าแพทย์ ตามคติพุทธศาสนามหายาน) อโรคยศาล หมายถึงศาลาไร้โรค เป็นสถานที่บำบัดรักษาผู้เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยสมุนไพร มีศาลาบำบัดทำด้วยไม้อยู่นอกกำแพงสุคตาลัย แต่ผุพังหมดไม่เหลือซาก [ภาพปราสาทเมืองเก่า วัดปรางค์เมืองเก่า บ้านเมืองเก่า ต.โคราช อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา (โดย นายเสน่ห์ แมลงทับ สิงหาคม พ.ศ.2566)]
3. ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องสุโขทัย อยู่ในจารึกวัดศรีชุม เล่าประวัติมหาเถรศรีศรัทธา (หลานพ่อขุนผาเมือง)

ก่อนออกบรรพชา เป็นขุนศึกรบกับท้าวอีจาน อยู่บริเวณเชิงเขาพนมดงรัก [ปัจจุบันเรียก ดงอีจาน จ.บุรีรัมย์]

หลังออกบรรพชา เสด็จธุดงค์ถึงสถานที่แห่งหนึ่งเรียกรัตนภูมิ อยู่ลุ่มน้ำมูล [ปัจจุบันเรียก ปราสาทพนมวัน จ.นครราชสีมา]

4. เกี่ยวข้องละโว้ (ลพบุรี) ตั้งแต่พ่อขุนศรีนาวนำถุมสถาปนากรุงสุโขทัยโดยได้รับการอุดหนุนจากละโว้

5. เกี่ยวข้องอยุธยา ผ่านเจ้านายรัฐละโว้และเมืองอโยธยาที่สถาปนาอยุธยา

พระแสงขรรค์ชัยศรี มีที่อยุธยา

คำแหงพระราม (บิดาของมหาเถรฯ) ชื่อนี้สืบเนื่องเป็นเจ้าเมืองนครราชสีมา สมัยบรมไตรโลกนาถ (อยู่เมืองเสมา สูงเนิน) ว่า “คำแหงสงคราม”

[“คำแหงพระอินทร์” เจ้าเมืองพระงามสมัยเจ้าสามพระยา ก่อนพระบรมไตรโลกนาถ]

6. ภาษาไท-ไต สืบเนื่องจากชาวสยาม (เสียมกุก) ต้นตอสำเนียง “เหน่อ” โคราช

แผนที่เส้นทางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเมืองเสมา (เมืองโคราชเก่า) ต้นลำน้ำมูล (ที่ราบสูงอีสาน) กับนครวัดและนครธม (ที่ราบลุ่มกัมพูชา)

พระเจ้าชัยวรรมันที่ 7

พระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 นับถือศาสนาพุทธ มหายาน แผ่บารมีเป็นเครือข่ายการค้าและเครือญาติลุ่มน้ำมูลถึงย่านลำตะคอง จากนั้นสร้างสถานบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ เรียก “อโรคยศาล” (ทุกวันนี้เรียกปราสาทเมืองเก่า) เมื่อ 800 ปีที่แล้ว ราวหลัง พ.ศ.1700

จารึกอโรคยศาล มีจารึกและถ้อยคำเหมือนกันเกือบทุกหลัก ต่างกันแค่จำนวนวัตถุสิ่งของ และเจ้าหน้าที่ในอโรคยศาล โดยมีลำดับดังนี้

1. บทนมัสการพระพุทธเจ้าตรีกาย ได้แก่ พระธรรมกาย พระนิรมาณกาย และพระสัมโภคกาย

2. คุณสมบัติพระโพธิสัตว์ พระไภสัชยคุรุ พระโพธิสัตว์สูรยไวโรจนะ และพระโพธิสัตว์จันทรไวโรจนะ ว่าผู้ป่วยเพียงเอ่ยนามของพระองค์ก็หายจากโรคภัยได้

3. สรรเสริญพระเกียรติ พระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 ปราบปรามโรคระบาดด้วยการระดมหมอผู้เชี่ยวชาญในการใช้ยา เช่นเดียวกับกองทัพที่ต้องใช้ทหารปราบข้าศึก พระองค์จึงสร้างอโรคยศาลและสุคตาลัย ไว้ใช้ประดิษฐานพระไภสัชยคุรุและพระโพธิสัตว์ทั้ง 2 องค์ เพื่อบรรเทาทุกข์ภัยของประชาชน จากการศึกสงคราม และโรคระบาด โดยเปรียบเทียบว่าเป็นกลียุค ที่พระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 ได้เป็นผู้มาปราบยุคเข็ญ

4. จำนวนเจ้าหน้าที่ ในอโรคยศาล เช่น หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ต้มยา เจ้าหน้าที่ ประกอบพิธีบูชายัญ โหราจารย์ ฯลฯ ซึ่งจะมีจำนวนแตกต่างกันไปในแต่ละแห่ง โดยน่าจะขึ้นอยู่กับขนาดของอโรคยศาล ที่สัมพันธ์อยู่กับความสำคัญของพื้นที่อีกทอดหนึ่ง

5. เครื่องบำบัด รายชื่อสมุนไพร เครื่องยา เครื่องใช้ และสิ่งของต่างๆ ที่พระเจ้าชัยวรรมันที่ 7 พระราชทานให้ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปในจารึกแต่ละหลัก ตามแต่ความสำคัญของแต่ละอโรคยศาลเช่นกัน

หลักฐานเหล่านี้ยืนยันความสัมพันธ์ของเมืองราดกับเมืองพระนครหลวง (นครธม) •

 

| สุจิตต์ วงษ์เทศ