ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
เผยแพร่ |
อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด
เร่งคลี่ปมปริศนา
‘ผู้มีพระคุณ’ จ่าเอ็ม
บงการสังหาร
อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา
ความจริงที่ว่าชนวนการสังหารนายลิม กิมยา อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา และนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ยังไม่ปรากฏชัดเจน แต่คดีนี้ถูกลากไปเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองไปแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ย้อนไปเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 7 มกราคม บริเวณวงเวียนสิบสามห้าง ถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ
พ.ต.ท.พัชรภณ สุขประดิษฐ์ สว.สอบสวน สน.ชนะสงคราม รับแจ้งเหตุชายถูกยิงได้รับบาดเจ็บ อาการสาหัส จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปสอบสวนที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.ท.เอกภณ พุทธิคุณ รอง ผกก.ป. สน.ชนะสงคราม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ใกล้วงเวียนสิบสามห้าง พบนายลิม กิมยา อายุ 74 ปี ชาวกัมพูชาสัญชาติฝรั่งเศส สวมเสื้อโปโลสีดำ กางเกงขาสั้นสีครีม ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 กระสุนเข้าที่ด้านหลังบริเวณชายโครงขวา และไหล่ขวา พ.ต.อ.สนองช่วยหน่วยกู้ชีพปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจ แต่ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสก่อนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนภรรยาชาวฝรั่งเศส และพี่ชายที่เป็นชาวกัมพูชา ทราบว่าผู้ตายเป็นอดีต ส.ส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา เป็นแกนนำในการตรวจสอบรัฐบาล ร่วมกับนายสม รังสี หัวหน้าพรรค ก่อนศาลสั่งยุบพรรค เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560
ทำให้นายลิม กิมยา รวมถึงสมาชิกพรรค CNRP และเจ้าหน้าที่พรรคกว่าร้อยคน ถูกสั่งห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี แต่เพราะนายลิม กิมยา ถือสองสัญชาติ กัมพูชา-ฝรั่งเศส จึงหลบหนีไปฝรั่งเศส แต่ยังคงเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชามาตลอด
เบื้องต้นทั้งผู้ตาย ภรรยา และพี่ชายเดินทางมาจากเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ก่อนขึ้นรถบัสมาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นมีคนร้ายเดินตรงมาจ่อยิงผู้ตาย หลังก่อเหตุก็วิ่งข้ามถนนไปขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 845 หลบหนี เส้นทางใช้ถนนพระสุเมรุ ผ่านหน้าวัดบวรฯ

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งระดมนักสืบจากกองสืบนครบาล สืบ บก.น.1 และ สน.ชนะสงคราม เร่งหาเบาะแสคนร้ายโดยด่วน เบาะแสแรกที่ได้คือภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ เมื่อไล่ย้อนกลับไปก็เห็นภาพคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาดักรอก่อเหตุ
โดยขณะลงมือก่อเหตุคนร้ายไม่ได้สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด ทำให้เห็นใบหน้าได้ชัดเจน
ตำรวจตรวจสอบเส้นทางหลบหนี พบหลังก่อเหตุคนร้ายวิ่งข้ามถนนมาขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนี จึงไล่เช็กกล้องตามเส้นทาง ก่อนจะพบภาพคนร้ายนำเสื้อกั๊กวินจักรยานยนต์แห่งหนึ่งมาสวมทับเพื่ออำพราง สุดท้ายจึงเป็นเบาะแสให้ตำรวจตามแกะรอยไปจนถึงวินดังกล่าว
ในที่สุดก็รู้ว่ามือปืนรายนี้คือนายเอกลักษณ์ แพน้อย อายุ 41 ปี หรือ “จ่าเอ็ม กองเรือ” อดีตทหารเรือยศพันจ่าเอก
นอกจากนี้ จากการแกะรอยกล้องวงจรปิด ยังพบว่าคนร้ายนำรถจักรยานยนต์พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ มาจอดซุกไว้ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เลียบด่วนมอเตอร์เวย์ เขตสวนหลวง ในเวลา 18.21 น. จากนั้นได้ขึ้นรถกระบะ โตโยต้า 4 ประตู สีเทา ที่มีคนขับมาจอดรอรับออกจากปั๊ม โดยมุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออก
“บิ๊กจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่ง “สารวัตรแจ๊ะ” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. นำทีมนักสืบมือดี ของตำรวจภูธรภาค 2 และกองปราบปราม ออกติดตามไล่ล่าตัวทันที ชนิดหายใจรดต้นคอ แต่สุดท้ายก็คลาดกันเพียงแค่นิดเดียว คนร้ายอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไปประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติใน จ.จันทบุรี ก่อนตำรวจจะเข้าถึงตัว
แต่ “จ่าเอ็ม” ที่คิดว่ารอดแล้วก็ต้องช็อก! หลัง “สารวัตรแจ๊ะ” ประสานตำรวจกัมพูชาช่วยล่าตัว กระทั่งในที่สุดสามารถตามไปจับกุมตัวได้ ขณะนั่งกินอาหารอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งใน จ.พระตะบอง ในวันรุ่งขึ้น 8 มกราคมนั่นเอง
วันที่ 11 มกราคม พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. บินไปรับตัว “จ่าเอ็ม” จาก พล.ต.อ.สม วันวีระ รอง ผบ.ตร.กัมพูชา บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อรัญประเทศ จ.สระแก้ว คุมมายังกองบินตำรวจ (ท่าแร้ง) ก่อนส่งตัวไป สน.ชนะสงคราม เพื่อทำการสอบสวน

“จ่าเอ็ม” สารภาพความผิดทั้งหมดรับว่าเป็นคนก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา ตามคำสั่งของ “ผู้มีพระคุณ” คนหนึ่ง เป็นการทำเพื่อทดแทนบุญคุณ เนื่องจากผู้มีพระคุณคนดังกล่าวเคยช่วยเหลือเรื่องเงินทองหลายครั้ง
โดยก่อนเกิดเหตุไม่ถึง 24 ชั่วโมง ผู้มีพระคุณโทร.มาสั่งการ ตอนแรกก็จะไม่รับแต่ก็โทร.มาอีกจึงยอมรับงาน จากนั้นได้โอนเงินมาให้ 3 หมื่นบาท จึงเอาเงินไปไถ่ปืนอาวุธสังหารออกมา หลังลงมือแล้วก็ได้รับโอนเงินมาให้อีก 3 หมื่น เพื่อใช้สำหรับหลบหนี
อย่างไรก็ตาม “จ่าเอ็ม” ไม่ยอมเปิดปากว่าผู้มีพระคุณคนดังกล่าวเป็นใคร
ระหว่างนั้นจากการสอบสวนของตำรวจยังพบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย ทำหน้าที่เป็น “คนชี้เป้า” เมื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าไทย ทราบว่าชื่อ นายพิช กิมศริน เดินทางมาจากเสียมราฐ พร้อมกับคณะของนายลิม กิมยา ผู้ตาย โดยมีหลักฐานภาพวงจรปิด ขณะอยู่บนรถบัสคันเดียวกับผู้ตาย และในที่เกิดเหตุกับ “จ่าเอ็ม” มือสังหาร
ตำรวจพบว่าหลังเกิดเหตุนายพิช กิมศริน เดินทางออกจากไทยทางเครื่องบิน กลับไปกัมพูชาทันที จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ก่อนประสานตำรวจสากลออกหมายแดง ส่งให้ทางกัมพูชาช่วยจับตัวกลับมาสอบสวนดำเนินคดี
ขณะที่ชนวนเหตุการสังหาร ทั้งสื่อไทยและสื่อต่างชาติต่างรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า น่าจะมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่สื่อกัมพูชาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ต่างฟันธงว่านายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีส่วนเกี่ยวโยงด้วยแน่นอน
สื่อกัมพูชายังแสดงหลักฐานความเชื่อมโยงความเป็นพี่น้องระหว่างนายพิช กิมศริน กับนายพิช สรอส ประธานพรรคเยาวชนกัมพูชา หรือ CYP ที่เป็นฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชา และนายพิช สรอส ยังเป็นคนยื่นคำร้องยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชาของนายลิม กิมยา อีกด้วย

แม้ “จ่าเอ็ม” จะไม่ยอมให้ข้อมูลเรื่องผู้มีพระคุณ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ ตำรวจก็พบความเชื่อมโยงกับชาวกัมพูชารายหนึ่ง ที่จ่าเอ็มบันทึกชื่อว่า “พี่หวัง ปอยเปต” ซึ่งต่อมาสื่อกัมพูชาแฉว่าคือ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย “สมหวัง บำรุงกิจ”
ข้อมูลจากฝั่งกัมพูชาระบุว่า นายลี หรือสมหวัง เป็นผู้กว้างขวางในปอยเปต ทำธุรกิจส่งแรงงานไปต่างประเทศ เดินทางเข้าออกไทยเป็นประจำ และมักถ่ายรูปกับกลุ่มข้าราชการไทยบ่อยครั้ง
ที่สำคัญยังเป็นคนสนิทนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งของกัมพูชา ที่รู้จักสนิทสนมกับนักการเมืองไทยที่อยู่ฟากรัฐบาลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ นายลียังได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประธานพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นตำแหน่งปัจจุบันของนายฮุน เซน อีกด้วย
ต่อมาวันที่ 13 มกราคม พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.
ร่วมกันจับกุมตัวนายชาคริต บัวปลี หรือ “ชำนาญ” อายุ 47 ปี ที่หน้าบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 10 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นผู้ขับรถพา “จ่าเอ็ม” หลบหนี โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธ โดยรับว่าเป็นคนขับรถไปส่ง “จ่าเอ็ม”จริง ส่วนรถกระบะคันที่ขับไป ยืมมาจากพรรคพวกในละแวกบ้าน ส่วนที่ “จ่าเอ็ม” ไปก่อคดีมานั้น ไม่ทราบ
กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 14 มกราคม ชุดสืบสวนสอบสวนนำพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ เสนอต่อศาลอาญาขออนุมัติออกหมายจับนายลี รัตนรัศมี หรือนายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ข้อหาจ้างวานฆ่านายลิม กิมยา
โดยอาศัยหลักฐานข้อมูลการแชตคุยกับจ่าเอ็ม หลักฐานการโอนเงิน และข้อมูลการโทร.ติดต่อทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ รวมทั้งมีหลักฐานว่านายสมหวังอยู่ประเทศไทยในช่วงเวลาเกิดเหตุด้วย ศาลจึงอนุมัติหมายจับให้ตามที่ขอ
ต่อจากนี้ตำรวจจะประสานตำรวจสากลออกหมายแดง ล่าตัวมาสอบสวนเช่นเดียวกับกรณีของนายพิช กิมศริน ที่เป็นคนชี้เป้า
แม้หลักฐานจะบ่งชี้ไปในเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองภายในของกัมพูชา แต่ก็มีกระแสข่าวออกมาอีกทางหนึ่งว่า นายลิม กิมยา นั้นได้หันมาสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลแล้ว หากจะให้ได้ความชัดเจน ก็ต้องให้ได้ตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนเสียก่อน
จึงจะสามารถฟันธงได้ว่าชนวนสั่งตายครั้งนี้เกิดจากอะไรกันแน่!




สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022