ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
หลังนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ควบ รมว.กลาโหม มาราว 4 เดือน นายภูมิธรรม เวชยชัย ดูจะจับแนวทางของกองทัพ และ ผบ.เหล่าทัพได้แล้ว เพราะมาในช่วงการจัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายนายพลพอดี จึงได้มีการพูดคุย หยั่งท่าที ผบ.เหล่าทัพมาบ้างแล้ว
โดยเฉพาะได้เจอวิทยายุทธ์สุดล้ำของฝ่ายบิ๊กทหาร ในการโอบปีกปกป้องโผทหาร และแผนการวางทายาทดูแลกองทัพ ด้วยการยึดบอร์ด 7 เสือกลาโหม เป็นเกราะกำบังหลัก ป้องกันการถูกเปลี่ยนโผ ด้วยการไม่ยอมโหวต
โดยที่นายภูมิธรรมเชิญคุยทีละคนๆ ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. พูดคุยนอกรอบ
แต่ก็เจอ ผบ.เหล่าทัพ แท็กทีมกันยืนกรานไม่โหวต แม้ ผบ.เหล่าทัพบางคนจะไม่เห็นด้วยกับการเสนอคนนอก 5 เสือ ทร. ขึ้น ผบ.ทร. ผิดหลักการ ผิดธรรมเนียมทหาร ในการตั้งบิ๊กแมว พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เป็น ผบ.ทร.
รวมถึงเรื่องร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฉบับของกลาโหม เพื่อสกัดกั้นการรัฐประหาร ที่ร่างในยุคนายสุทิน คลังแสง เป็น รมว.กลาโหม ที่ ผบ.เหล่าทัพก็ค้านในทุกประเด็น
จนนายภูมิธรรมต้องยอมถอยด้วยการตั้งคณะทำงานกลั่นกรองเพื่อปรับปรุงแก้ไข
เมื่อมารับหน้าที่ รมว.กลาโหม นายภูมิธรรมจึงเชิญผู้นำเหล่าทัพชุดใหม่ หลังการเปลี่ยนแปลง หลัง 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา มาพูดอีกครั้ง และเป็นการเปิดอกคุยตรงๆ ตามสไตล์ “สหายใหญ่” ทั้งกับบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ที่มีรายงานว่า นายภูมิธรรมพูดคุยกับ พล.อ.สนิธชนก ว่า มีคนเรียกร้องให้ย้ายปลัดกลาโหมคนแรกเลย แต่ไม่ได้พูดสาเหตุที่ชัดเจน
แต่คาดว่า อาจหมายถึงการที่ พล.อ.สนิธชนก เป็นสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ เป็นน้องรักของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถึงขั้นที่เป็นเสมือนคนในบ้านของ พล.อ.ประวิตร เพราะเป็นน้องรักที่ต้องเข้าบ้านป่ารอยต่อฯ เกือบทุกวัน
ในสถานการณ์ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มีความขัดแย้งกับบ้านป่ารอยต่อฯ อีกทั้งเป็นอำนาจของ รมว.กลาโหม ในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เป็นข้าราชการประจำ เบอร์ 1 ของกลาโหม
แต่มีรายงานว่า นายภูมิธรรมได้พูดกับปลัดกลาโหม ว่า จะไม่ทำ ไม่ย้ายหรอก เพราะจะไม่เอาเรื่องในอดีตมาเกี่ยวข้อง แต่จะต้องสนองนโยบายของ รมว.กลาโหม ที่ได้รับคำตอบจากปลัดกลาโหมยืนยันว่า “ผมเป็นทหารอาชีพ”
ในมุมนี้ อาจมองได้ว่า เป็นกลยุทธ์ของนายภูมิธรรม ในการแสดงทั้งพระคุณและพระเดช และเป็นการปรามไปในตัว
ซึ่งสไตล์แตกต่างจากนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมพลเรือนคนก่อน ที่มาสไตล์นิ่มๆ แต่นายภูมิธรรม คือ ตัวจริงเสียงจริง เป็นสายตรงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้ ผบ.เหล่าทัพ มีความเกรงใจ
ตลอด 4 เดือนที่นั่งเก้าอี้สนามไชย 1 นายภูมิธรรมไม่มีการแต่งตั้งทีมงานที่กลาโหมเพิ่มเติม จากที่มีบิ๊กหมี พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เพื่อน ตท.10 ของนายทักษิณ เป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม พร้อมเพื่อน ตท.10 อีก 2 คน คือ บิ๊กต่วย พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ และ พล.อ.วุทธิ์ วิมุกตะลพ ที่เคยเป็นทีมหน้าห้องยุคบิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เพื่อน ตท.10 เป็น รมว.กลาโหมเท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้มีภาพของอดีตนายกฯ ทักษิณมาครอบกลาโหม และมีบิ๊กแป๊ะ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม มาเป็น ผช.รมต.กลาโหม
เหตุเพราะนายภูมิธรรมเกรงจะมีปัญหา หากแต่งตั้งนายทหารทีมงานหน้าห้องที่กระทรวงกลาโหมมากเกินไป อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นนายทหารที่ถูกผู้ใหญ่ในกลาโหมส่งชื่อมา แต่ตัวอาจไม่ได้มาทำงาน แต่มาเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งเท่านั้น
ส่งผลให้นายภูมิธรรมไม่ใช้งานทีมงานกลาโหม ที่ตั้งในยุคนายสุทินเป็น รมว.กลาโหม เพราะส่วนใหญ่ทางปลัดกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ส่งชื่อมา ตั้ง ตท.24 รุ่นปลัดกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ และหลายคนเป็นนายทหารในสาย “3 ป.”
อาจจะสะท้อนถึงความหวาดระแวงที่มีต่อฝ่ายทหารอยู่บ้าง เพราะนายภูมิธรรมเองก็พยายามจะปรับตัวปรับแนวคิดใหม่จากเมื่อยุคที่เป็นสหายใหญ่ นักศึกษาคนเดือนตุลา ที่หนีเข้าป่า อาจมองภาพกองทัพในเชิงลบ จึงยังไม่อาจไว้วางใจใครได้ เพราะก็เกรงจะโดน “วางยา” จึงต้องเอาทหารมาคาน ถ่วงดุลกันเอง
แต่นายภูมิธรรมใช้ทีมงานพลเรือนจากกระทรวงพาณิชย์มานั่งทำงานที่กระทรวงกลาโหม แทนทหาร แต่ก็ต้องประสานการทำงานกับนายทหาร เพราะหลายเรื่องที่พลเรือนอาจไม่รู้ และไม่เข้าใจแบบธรรมเนียมหรือระเบียบของกองทัพ

มีรายงานว่า นายภูมิธรรมได้แจ้งปลัดกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพไว้ล่วงหน้าว่า ในโยกย้ายกลางปี คือโผเมษายน ที่จะจัดในเดือนมีนาคมนี้ นายภูมิธรรมจึงจะแต่งตั้งทีมงานหน้าห้อง รมว.กลาโหม ราว 14 นายเองใหม่หมด เพราะส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งหมุนเวียน และเป็นอำนาจ รมว.กลาโหม
โดยมีรายงานว่า นายภูมิธรรมได้มอบหมายให้นายทหารที่ไว้วางใจ ช่วยกันคัดเลือกเพื่อนร่วมรุ่น รุ่นพี่หรือรุ่นน้องที่เป็นคนเก่ง ตั้งใจทำงานและมีความถนัดในด้านต่างๆ มาให้พิจารณา ในการแต่งตั้งมาช่วยงาน โดยย้ำว่าจะต้องเป็นคนที่ทำงานจริง ไม่ใช่แค่เอาชื่อมาฝากไว้
เบื้องต้น นายภูมิธรรมได้ลงนามแต่งตั้ง 4 นายพล ที่ปรึกษาของ รมว.กลาโหมไปแล้ว ทั้ง พล.อ.นุชิต ศรีบุญส่ง ที่เป็น ตท.24 อดีตรองปลัดกลาโหม และ ผอ.สนผ.กลาโหม เพื่อน ตท.24 ของ พล.อ.สนิธชนก และ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.
และอีก 3 นายพลจาก ตท.25 ทั้ง พล.อ.อ.ธัชชัย อัจฉริยาการุณ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช พล.ท.ดร.เจษฏ์ จันทรสนาม ที่ปรึกษากองทัพบก และอดีตผู้บัญชาการ รร.เสนาธิการทหารบก และ เสธ.หวาน พล.ร.ท.ชัยยงค์ ขุนทา ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ

นายภูมิธรรมยืนยันว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกลาโหม ไม่ได้เป็นคนคัดเลือกเพื่อนร่วมรุ่น ตท.25 มาช่วยงานตนเอง แต่นายทหาร ตท.25 คนอื่นที่ตนเองรู้จัก ได้ช่วยคัดเลือกเพื่อนมาช่วยงาน เช่น พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการสำนักองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) ก็เป็นเตรียมทหาร 25
พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และเปลี่ยน รมว.กลาโหม นายภูมิธรรมจะโดนปลดระวาง และจะเอานายทหารยศน้อยมาเป็น รมว.กลาโหมแทน จนมีการตีความว่าหมายถึง ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ เพราะความที่ใกล้ชิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณอย่างมาก
อีกทั้งนายทหารที่ตนเองตั้งมาเป็นที่ปรึกษาทั้ง 4 คนนี้ล้วนเป็นคนเก่งของรุ่น ที่เป็นทั้งสายบู๊และสายบุ๋น ที่มาช่วยงาน ซึ่งได้พบเจอกันมาแล้ว
จากนี้ไป นายภูมิธรรมจะแต่งตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ 8-10 คณะ เพื่อมารับผิดชอบในสายงานต่างๆ เพื่อให้ปฏิบัติไปตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ เช่น พล.ร.ท.ชัยยงค์ ที่เคยเป็น ผบ.หน่วยผู้บังคับการเรือใหญ่ เช่น รล.ตากสิน ผู้บังคับการเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้ช่วยทูตทหารเรือไทย ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ
หากมองไปที่แผงอำนาจ ผบ.เหล่าทัพ ทั้ง พล.อ.สนิธชนก พล.อ.ทรงวิทย์ พล.ร.อ.จิรพล และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี จะเกษียณ 30 กันยายน 2568 ก็คงเหลือแต่บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ที่เกษียณ 2570
ในส่วนกองทัพเรือ มีกระแสข่าวมาแรงว่า ในโยกย้ายกันยายน 2568 ที่จะเลือก ผบ.ทร.คนใหม่ ที่คาดว่า อาจมีอาฟเตอร์ช็อกจากการโยกย้ายกันยายน 2567 ที่ผ่านมา ที่บิ๊กดุง พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.ในเวลานั้นยืนกรานที่จะดัน พล.ร.อ.จิรพล ที่จบจากโรงเรียนนายเรือเยอรมัน และอยู่นอกตำแหน่งผู้บังคับหน่วย ผบ.ทร.
จนทำให้ประเพณีกองทัพเรือถูกรื้อใหม่หมดว่านักเรียนนอกก็เป็น ผบ.ทร.ได้ ไม่ต้องเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือในต่างประเทศ และอยู่นอก 5 ฉลามทัพเรือ อยู่ในตำแหน่งประจำ หรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือได้ ส่งผลให้เกิดธรรมเนียมใหม่คือ เป็นพลเรือเอกก็สามารถเป็นแคนดิเดตชิงเก้า ผบ.ทร.ได้
ทำให้เกิดกระแสข่าวสะพัดว่าในการโยกย้ายครั้งนี้ แม้จะยังไม่สามารถแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมได้ทัน แต่นายภูมิธรรมก็จะมาดเข้มในการเจรจาต่อรองกับ ผบ.เหล่าทัพ
โดยเฉพาะ ทร.ที่มีชื่อแคนดิเดตหลายคน ล้วนเป็น ตท.25 รวมทั้งบิ๊กเดี่ยว พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผบ.กองเรือยุทธการ ที่เป็นเต็งหนึ่ง ถูกวางตัวไว้ และ พล.ร.อ.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผช.ผบ.ทร. บิ๊กเบิร์ด พล.ร.อ.พาสุกรี วิลัยรักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. ก็เป็น ตท.25
แต่มีกระแสข่าวสะพัดว่า ผลพวงจากการตั้งบิ๊กแมว ผบ.ทร. อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้นายทหารเรือยศพลเรือเอก ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใดทั้งในกองทัพเรือและนอกกองทัพเรือ ก็สามารถเป็น ผบ.ทร.ได้ แม้แต่ พล.ร.อ.เสนอ เงินสลุง รอง เสธ.ทหาร บก.ทัพไทย
แต่ที่เกิดกระแสข่าวสะพัดพุ่งตรงไปยัง พล.ร.อ.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. จะสามารถชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.ได้ และเป็นแคนดิเดตคนเดียวที่มีอายุราชการเหลือ 2 ปี กว่าจะเกษียณ เพราะเป็นนโยบายที่พยายามจะทำหลายยุคแล้วที่จะให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีอายุราชการมากกว่า 1 ปี
ที่สำคัญ เป็นเตรียมทหาร 25 และเคยเป็นผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และปัจจุบัน ได้รับมอบหมายให้ดูแล EEC โครงการเศรษฐกิจภาคตะวันออก เหมือน พล.ร.อ.จิรพล ก่อนหน้านี้
อีกทั้งในเวลานี้ พล.ร.อ.จิรพล เองก็ดูจะทำงานไม่ค่อยราบรื่น เพราะไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในบางมูลนิธิที่ ทร.สนับสนุนอยู่ อีกทั้งโครงการเปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน ก็ถูกนายภูมิธรรมชะลอออกไปอีก 6 เดือน ส่วนโครงการจัดซื้อเรือฟริเกตอีก 2 ลำในงบประมาณปี 2569 ก็ยังไม่ได้รับสัญญาณจากนายภูมิธรรมว่าจะสนับสนุนหรือไม่
ส่วน ทอ. แคนดิเดต ผบ.ทอ.จาก ตท.25 คือ พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก ผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) ที่ถือเป็นดาวรุ่งเป็นนักบินคนเก่ง ตท.25
แต่ทว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี มี ผบ.ทอ.คนใหม่ในใจแล้ว ระหว่าง เสธ.คิม พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผช.ผบ.ทอ. จาก ตท.26 และเสธ.แอน พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ จาก ตท. 27
อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างนายภูมิธรรม กับผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ดีขึ้น หลังจากไปร่วมวงรับประทานผัดกะเพราเนื้อวากิวที่บ้าน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี มาเมื่อช่วงปีใหม่ ที่เป็นโอกาสได้รู้จักกันและกันมากขึ้น โดยเฉพาะกับ ผบ.อ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ที่พูดคุยเป็นส่วนใหญ่
แต่ยังมี พล.อ.พนา ผบ.ทบ. ที่ยังคงเกร็งๆ ยังคุยน้อยพูดน้อย ตามสไตล์ ผบ.ทบ.มาดนิ่ง รวมทั้ง พล.ร.อ.จิรพล ผบ.ทร. ที่อาจจะพูดน้อย
แต่มีรายงานว่า สิ่งหนึ่งที่นายภูมิธรรมเสมือนเป็น “ดีล” กับ ผบ.เหล่าทัพ โดยย้ำเสมอคือ ให้เกียรติผู้บัญชาการเหล่าทัพ และขอว่ามีอะไรขอให้พูด ให้บอกกันตรงๆ เพราะเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว สไตล์สหายใหญ่
จึงรอวัดใจนายภูมิธรรมด้วยว่า จะแข็งพอที่จะเจรจากับ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ ที่กำลังจะเกษียณกันยายน 2568 หรือไม่
เพราะจะต้องมีการแต่งตั้งใหม่ ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. การแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีนี้
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022