‘ซิงซิง’ เอฟเฟ็กต์ ค้ามนุษย์ เมืองสแกมเมอร์ นักท่องเที่ยวจีนผวา โรงแรม-ท่องเที่ยว กระทบหนัก

ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสายตานักท่องเที่ยวจีน หลังเกิดเหตุการณ์ที่นายหวัง ซิง หรือ ซิงซิง นักแสดงชาวจีนวัย 31 ปี ถูกหลอกให้ไปทำงานเป็นสแกมเมอร์ในรัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา

ซิงซิงตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ระหว่างคนจีนกับคนจีน หรือกลุ่มจีนเทา โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เจ้าตัวถูกหลอกให้มาทำงานเป็นนักแสดงในไทย และเดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จากนั้นถูกคนพาตัวไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา โดยถูกฝึกให้ใช้พิมพ์ดีดให้คล่อง และถูกโกนผมตามกฎ

นักแสดงชาวจีนวัย 31 ปี ยอมรับว่าถูกหลอกให้ข้ามฝั่งไปเมียนมา จากนั้นมีคนใส่ชุดทหาร มีอาวุธ ผลักให้เข้าไปในรถ ซึ่งตอนนั้นรู้แล้วว่าไม่ใช่ประเทศไทย ก่อนถูกพาตัวเข้าไปในตึก โดยที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ ต้องนั่งทำงานในอาคารอย่างเดียว และภายในตึกมีคนหลายชาติอยู่ในนั้นด้วย

แม้ว่าซิงซิงจะได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยแล้ว เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้อันตราย แต่ที่อันตรายคือเมียนมา

ขณะที่ GMMTV บริษัทบันเทิงชื่อดังที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์แอบอ้างก็ได้ออกมายืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงดารานักแสดงชาวจีนให้มาทำงานในไทย

พร้อมย้ำว่าไม่มีการติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว ขอให้ตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น

 

ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับซิงซิงได้สร้างผลกระทบเชิงลบด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะมีการตีข่าวนี้ออกไปเป็นวงกว้าง

เช่นเดียวกับคนจีนต่างก็โพสต์เตือนภัยในโซเชียลมีเดียว่าเมืองไทยไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดกระแสหวาดกลัวการท่องเที่ยวในไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่ายังมีคนจีนอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวเหมือนกับกรณีของซิงซิง

ล่าสุดกระแสเมืองไทยไม่ปลอดภัยพ่นพิษแล้ว กลุ่มผู้จัดคอนเสิร์ตของนักร้องดังฮ่องกงประกาศในบัญชีโซเชียลมีเดีย Weibo ของบริษัท แจ้งยกเลิกคอนเสิร์ต Eason Chan’s FEAR and DREAMS World Tour ของศิลปินชาวฮ่องกง อีสัน ชาน หรือ เฉิน อี้ซวิ่น ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

ผู้จัดงานระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากความกังวลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะแฟนคลับชาวจีนที่จะเดินทางมาไทย และได้ปรึกษากับศิลปินแล้ว

นอกจากนี้ จ้าว เปิ่นซาน นักแสดงตลกละครสั้น และซิตคอมชาวจีน ก็ได้ประกาศเลื่อนการแสดงที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้เช่นเดียวกัน

 

นับเป็นโจทย์ยากของรัฐบาลในการกอบกู้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทย เพราะตอนนี้คนจีนเริ่มขาดความเชื่อมั่นไม่กล้ามาเที่ยวไทย กังวลเรื่องความปลอดภัย และเกรงว่าจะตกเป็นเหยื่อเหมือนกับซิงซิง

สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ระบุว่า เทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นวันหยุดครั้งใหญ่ที่สุดของจีนกินเวลา 8 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มกราคมเป็นต้นไป แต่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนหนึ่งตัดสินใจยกเลิกมาประเทศไทย เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย

สื่อดังเจ้านี้ยังรายงานด้วยว่า คนจีนยกเลิกเที่ยวบินมาไทยสูงถึง 155% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีชนวนเหตุมาจากกรณีของซิงซิงที่ถูกแก๊งค้ามนุษย์ล่อลวงให้ไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

 

ขณะที่นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร สั่งคุมเข้มแก๊งจีนเทา โดยได้ประสานไปยังทูตจีนให้จับตาขบวนการชาวจีนที่มาใช้พื้นที่ประเทศไทยในการก่อเหตุ ซึ่งนอกจากจะกระทบภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวแล้ว ยังกระทบความปลอดภัยทางเทคโนโลยีและการใช้สื่อโซเชียลมีเดียด้วย

ขณะเดียวกันนายกฯ ได้ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ติดตามการเผยแพร่เฟกนิวส์ในโซเชียลมีเดีย รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์และประสานกับทางการจีน เพื่อทำความเข้าใจและฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน

เรียกได้ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์พวกนี้นับวันจะยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะขนาดนายกฯ อิ๊งค์ก็ยังไม่รอด เจอมิจฉาชีพหลอกเป็นผู้นำต่างประเทศ โทร.มาขอให้ช่วยบริจาคเงิน โดยใช้ AI ปลอมเสียงได้เนียนมาก จนนายกฯ เกือบหลงเชื่อโอนเงินบริจาคให้

ด้านนายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกโรงจี้รัฐบาลแพทองธารให้เร่งแก้ปัญหาขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยด่วน เพราะทุกวันนี้ชาวโลกมองว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของความชั่วร้าย

โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีหลักฐานว่าคนของเขาที่มาเที่ยวถูกลักพาตัวไปมากกว่าร้อยคน จนกระทั่งวันนี้สื่อชั้นนำของประเทศจีนก็ได้นำเสนอข่าวออกไปแล้ว ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาประเด็นนี้เสมือนว่าเป็นเรื่องระดับชาติ

 

ยิ่งกว่านั้นซิงซิงเอฟเฟ็กต์ยังลุกลามกระทบไปถึงภาคธุรกิจโรงแรม ดร.อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เผยว่า นักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการจองห้องพักทุกโรงแรมในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ข้อมูลจากทริปดอทคอมระบุว่า การจองโรงแรมที่พักในกรุงเทพฯ มีการยกเลิกเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ เพราะคอนเสิร์ตของอีสัน ชาน ที่วางแผนจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ถูกยกเลิกไป ทั้งที่ขายบัตรหมดไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ซิงซิงที่เริ่มขยายวงกว้างขึ้น

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนยกเลิกการเดินทางมาไทยประมาณ 20% ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดจีนเที่ยวไทยที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 8.8-9 ล้านคนในปีนี้สะดุดตั้งแต่ต้นปี

หากรัฐบาลไม่เร่งฟื้นความเชื่อมั่นกลับคืนมา ผลกระทบอาจจะลากยาวไปถึง 2-3 เดือน และไปลุ้นกันอีกครั้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันแรงงาน ปิดเทอม วันหยุดชาติจีน หรือโกลเด้นวีกในเดือนตุลาคม

 

ปิดท้ายกันที่มุมมองของ ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง

อ.ลลิตาระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือขบวนการค้ามนุษย์ในเมียนมา ตอนนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก รัฐบาลไทยต้องรวบรวมสรรพกำลังทุกอย่างที่มีอยู่ และต้องเอาจริงเอาจังในการปราบกลุ่มจีนเทา

“การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องอาศัยคนหลายฝ่าย เพราะไม่ได้เกี่ยวกับทหารอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับตำรวจอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)”

“เปรียบให้เห็นภาพคือ เรากำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดอรุณฯ สแกมเซ็นเตอร์อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ แต่เราทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ใช่แผ่นดินไทย มันเป็นคนละประเทศ พอเป็นคนละประเทศ กฎหมายก็แตกต่างกัน เราจะเอาเจ้าหน้าที่ไทยไปจับกุมคนฝั่งนู้นได้อย่างไร”

“ความซับซ้อนของเรื่องนี้คือเป็นประเทศเมียนมา แต่พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่พม่าไม่สามารถครอบครองได้ เพราะเป็นพื้นที่ของกะเหรี่ยง BGF กะเหรี่ยง DKBA และกองกำลังอีกหลายกลุ่มตามแนวชายแดน”

“เราต้องยอมรับว่ามันมีทั้งคนที่เป็นเหยื่อจริงๆ และคนที่สมัครใจไปเอง มีคนที่รับเงินจีนเทา ได้รับค่าจ้างแล้วไปทำงานอยู่ฝั่งนั้น และเรื่องนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก เพราะมีคนหลากหลายประเทศกว่า 40 สัญชาติ มีประมาณ 6,000 คนที่ตกเป็นเหยื่อ”

 

นอกจากนี้ อ.ลลิตายังเชื่อว่าสาเหตุที่ซิงซิงได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่นักแสดงตัวท็อปของจีน อาจเป็นเพราะทางการจีนติดต่อไปยังฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่เมียนมาให้ช่วยติดตามช่วยเหลือเคสนี้เป็นกรณีพิเศษ

บวกกับกระแสโซเชียลมีเดียที่เริ่มแรงขึ้น จึงมีกระแสกดดันมาที่ประเทศไทย กระทั่งมีการประสานงานกัน และนำมาสู่การปล่อยตัวในที่สุด

“ทางการจีนกดดันได้ แต่ต้องให้คนที่มีเพาเวอร์พอ เพื่อที่จะสื่อสารกับคนที่ชายแดนเมียนมา ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ คุณมีรายชื่อแล้วจะให้ฝั่งเราไปติดต่อกับฝั่งนู้นเพื่อปล่อยตัวไม่ได้นะ จากประสบการณ์ที่ถามหน่วยงานความมั่นคงมา สแกมซิตี้มันใหญ่มาก มีหลายตึก มีหลายชั้น”

“คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนคนนั้นอยู่ที่ไหน คุณต้องรู้อัตลักษณ์ว่าเขามาจากประเทศอะไร พาสปอร์ตเลขอะไร และคนที่ช่วยออกมาตามหลักเหตุผลก็ต้องเป็นกะเหรี่ยง BGF”

“แต่คนที่คุมตัวซ้อมทรมานคือจีนเทา คำถามคือกะเหรี่ยง BGF จะช่วยทุกคนออกมาได้อย่างไร แล้วจีนเทาจะเอาอะไรกิน”

“มันก็ต้องมีการเจรจาระดับรัฐบาล แต่ท้ายที่สุดแล้วจีนก็ต้องกดดันคนของเขา และต้องทำเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นสถานการณ์จะแย่ลงเรื่อยๆ” อ.ลลิตากล่าวทิ้งท้าย