ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
เผยแพร่ |
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตกเป็นข่าวพาดหัวได้บ่อยครั้ง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำไป
ตัวอย่างล่าสุดที่เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งโลก ก็คือ ท่าทีของทรัมป์ ว่าด้วยกรีนแลนด์ และคลองปานามา
รวมทั้งการพูดติดตลกว่าจะผนวกแคนาดา มาเป็นรัฐที่ 51 ของประเทศ
เล่นเอานักวิเคราะห์ทั่วโลก พากันอุทานออกมาเหมือนๆ กันว่า เอาจริงหรือเปล่าเนี่ย
กรีนแลนด์นั้นเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของเดนมาร์ก ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงแนวคิดเอาไว้ว่า ต้องการจะซื้อเกาะที่เป็นน้ำแข็งเสียส่วนใหญ่นี้มาแล้ว
แต่คราวนี้ ท่าทีของทรัมป์จริงจังและขึงขังกว่าเดิม ด้วยการย้ำในวันที่แต่งตั้งทูตอเมริกันคนใหม่ไปประจำเดนมาร์กว่า การเป็น “เจ้าของ” และสามารถ “ควบคุม” กรีนแลนด์ นั้นคือ “ความจำเป็นโดยสมบูรณ์แบบ” ของสหรัฐอเมริกา
ทรัมป์ต้องการอะไร?
คําตอบแรกสุด พุ่งเป้าไปที่ทรัพยากรธรรมชาติของกรีนแลนด์
ว่ากันว่า เกาะแห่งนี้มีสินแร่สำคัญอย่างทองแดง อยู่มากมายเต็มไปหมด
นี่ยังไม่นับสินแร่ที่ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานและอุตสาหกรรม “สีเขียว”
ถึงขนาดทำให้สหภาพยุโรป (อียู) เคยลงนามร่วมกันในบันทึกความตกลง (เอ็มโอยู) เพื่อร่วมกันพัฒนาสินแร่เหล่านี้ในปี 2023 ทรัมป์ย่อมเล็งเห็นเรื่องนี้ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของทรัมป์ในกรณีนี้ในทัศนะของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย กลับเป็นเรื่องของแนวคิดและวิสัยทัศน์แบบ “จักรวรรดินิยม” ของว่าที่ผู้นำอเมริกัน
ที่เชื่อว่า สิ่งที่ทรัมป์คิด และเตรียมดำเนินการเกี่ยวกับกรีนแลนด์นั้น แทบไม่แตกต่างใดๆ กับแนวคิดและวิธีการของมหาอำนาจตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม ที่มหาอำนาจจากยุโรปบุกเข้าไปพิชิตและยึดครองพื้นที่หลายส่วนของโลก แล้วก็กล่าวอ้างว่าเป็นดินแดนของตนในเวลาต่อมา
สถานการณ์ในปัจจุบันอาจแตกต่างออกไปเล็กน้อย ทรัมป์อาจจำเป็นต้องคำนึงถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ตนต้องการมากกว่าเมื่อครั้งในอดีต โดยสามารถครอบครองดินแดนได้อย่างราบรื่นหากประชากรส่วนใหญ่ของกรีนแลนด์เห็นด้วยกับแนวคิดของผู้นำอเมริกันรายนี้
นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมทรัมป์ถึงลงทุนส่งลูกชายไป “ขายไอเดีย” เรื่องการปรับเปลี่ยนมาอยู่ใต้ปกครองของสหรัฐอเมริกาถึงกรีนแลนด์
แม้ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาจะไม่ตรงตามความประสงค์นักก็ตามที
นักวิเคราะห์บางคนเปรียบเทียบแนวคิดของทรัมป์ว่า เหมือนกับของผู้นำจีนอย่าง สี จิ้นผิง ไม่มีผิดเพี้ยน
โดยในขณะที่สีตั้งเป้าสร้างสรรค์จีนใหม่ให้กลายเป็น “แกนหลัก” ของทั้งโลกอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งอดีต
ทรัมป์ก็พยายามทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ที่อาจรวมทั้งการขยายดินแดนในครอบครองออกไปให้ใหญ่โตโอฬารด้วยเช่นกัน
ประเด็นปานามา แตกต่างออกไป คลองแห่งนี้สหรัฐอเมริกาขุดขึ้นเมื่อปี 1914 เพื่อเชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติกเข้ากับมหาสมุทรแปซิฟิก
สหรัฐอเมริกากับปานามา ทำสนธิสัญญาระหว่างกันขึ้นในปี 1977 กำหนดคืนอำนาจการควบคุมคลองปานามาให้กับทางการปานามาในปี 1999
ว่ากันว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ในเวลานั้น ไม่เห็นด้วยกับสนธิสัญญานี้ ที่ถูกคัดค้านอย่างหนักจากพรรคการเมืองอนุรักษนิยมอย่างรีพับลิกัน เช่นเดียวกัน
ทรัมป์ออกมาอ้างหน้าตาเฉยว่า ปานามาจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านคลองในเวลานี้อย่าง “ไม่เป็นธรรม” ต่อสหรัฐอเมริกา และประกาศว่า สหรัฐอเมริกามีสิทธิเต็มที่ที่จะดึงเอาการควบคุมคลองแห่งนี้มาเป็นของตนเอง
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การแสดงออกเช่นนี้ เป็นความพยายามของทรัมป์ที่จะส่ง “สัญญาณ” ให้กับจีน ซึ่งถือว่าเป็นปฏิปักษ์ที่สำคัญที่สุดของสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ ทำนองเดียวกันกับการพยายามครอบครองกรีนแลนด์ เพื่อคานกับการที่จีนมีอิทธิพลเหนือทะเลอาร์กติกมากขึ้นตามลำดับ ทั้งยังผูกพันธมิตรกับรัสเซียอย่างแนบแน่นอีกด้วย
คำอธิบายเรื่องการส่งสัญญาณไปยังคู่แข่งอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้อย่างจีนดังกล่าว ดูเหมือนจะอ่อนเหตุผลไป เมื่อคำนึงถึงว่า ทรัมป์ไม่ได้ยืนกรานจะดำเนินการเข้าครอบครองพื้นที่ทั้งสองด้วยกระบวนการทางการทูต หรือโดยขนบประเพณีระหว่างประเทศ ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเท่านั้น
แต่ยังประกาศแข็งขันว่า พร้อมที่จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและทางทหาร เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวเหล่านี้อีกด้วย
ในกรณีของแคนาดาที่โด่งดังขึ้นมา เพียงเพราะทรัมป์ “คิดดังๆ” ว่า อเมริกาจะยิ่งใหญ่ขึ้นแค่ไหน ถ้าหากแคนาดาตกลงเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขึ้นมา
เขาให้เหตุผลว่า แคนาดาจะสามารถประหยัดภาษีได้มากมาย ในขณะที่ได้รับความคุ้มครองทางทหารจนเกินคุ้ม
กรณีนี้อาจมองได้ว่าเป็นเพียงแค่ “ฝันเฟื่อง” ของชายคนหนึ่งซึ่งยึดติดกับความคิดแบบจักวรรดินิยมอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทำนองเดียวกันกับความต้องการของทรัมป์ที่แปลกประหลาดอีกประการ อย่าง การเปลี่ยนชื่อ อ่าวเม็กซิโก เสียใหม่ ให้เป็น อ่าวอเมริกา
ทรัมป์คงลืมไปแน่ๆ ว่า ชื่อ อ่าวเม็กซิโก นั้นเรียกขานกันมาตั้งนมนาน ก่อนหน้าจะมีการก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำไป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022