ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Technical Time-Out |
เผยแพร่ |
ย้อนไปเมื่อปี 2016 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกิดปรากฏการณ์ระดับ “ประวัติศาสตร์” เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ ก้าวไปคว้าแชมป์ลีกสูงสุดชนิดพลิกความคาดหมาย ด้วยอัตราต่อรองก่อนเริ่มฤดูกาลซึ่งบ่อนพนันถูกกฎหมายวางไว้ถึง 5,000 ต่อ 1
มาปีนี้หลายคนกำลังจับตาว่า “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ จะสร้างปาฏิหาริย์ตามรอย “จิ้งจอกสยาม” ได้หรือไม่
หลังผ่าน 20 นัดแรกของฤดูกาล ฟอเรสต์ชนะ 12 เสมอ 4 แพ้เพียง 4 นัด ทำสถิติคลีนชีตมากที่สุดในลีก โดยจำนวนนัดที่ชนะนั้นก็เป็นรองเพียงจ่าฝูง ลิเวอร์พูล เพียงทีมเดียว
ที่สำคัญพวกเขายังเป็นทีมเดียวในลีกที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับหงส์แดงในฤดูกาลนี้ได้อีกด้วย
ทั้งหลายทั้งปวงนี้เกิดขึ้นหลังจากฤดูกาลที่แล้วทีมต้องหนีตายจนถึงวันสุดท้ายของซีซั่นโดยจบอันดับ 17 เนื่องจากทีมโดนตัด 4 คะแนน จากการทำผิดกฎผลกำไรและความยั่งยืน
สำนักข่าว บีบีซี ชี้สถิติที่น่าสนใจว่า ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา ทีมที่มีคะแนนอย่างน้อย 40 คะแนน จาก 20 นัดแรก มีทั้งหมด 70 ครั้ง ในจำนวนนี้มีเพียง 4 ครั้งเท่านั้นที่ทีมภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวไม่สามารถจบท็อปโฟร์เมื่อจบฤดูกาลได้
หากยึดข้อมูลตรงนี้ก็หมายความว่า ฟอเรสต์มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะปิดฤดูกาลในอันดับท็อปโฟร์ คว้าตั๋วไปเล่นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า
ส่วนประเด็นที่ว่าจะเดินตามรอยเลสเตอร์ ซิตี้ ไปถึงตำแหน่งแชมป์หรือไม่นั้น มีสถิติบอกว่า ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา คะแนนเฉลี่ยทีมที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกคือ 89.2 คะแนน, รองแชมป์ 81.6 คะแนน, อันดับสาม 74.5 คะแนน และอันดับสี่ 65.6 คะแนน
อ็อปต้า บริษัทเก็บสถิติโลกกีฬา ใช้โมเดลคำนวณความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ลีกของฟอเรสต์ในฤดูกาลนี้ ปรากฏว่ามีโอกาสเป็น 0 ขณะที่โอกาสจบอันดับสองมีเพียง 0.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
กระนั้น ความเป็นไปได้ดังกล่าวก็ไม่ต่างอะไรกับอัตราต่อรองคว้าแชมป์ 5,000 ต่อ 1 ของเลสเตอร์ ซึ่งฤดูกาลก่อนหน้านั้นเพิ่งหนีตายมาหมาดๆ เช่นกัน
ฤดูกาล 2015-2016 เลสเตอร์ผ่าน 20 เกมแรกของฤดูกาล มี 40 คะแนนเท่ากับฟอเรสต์ ก่อนที่จะปิดฤดูกาลด้วยผลงานรวม 81 คะแนน มีสถิติชนะ 23 เสมอ 12 แพ้เพียง 3 นัด โดยทิ้งห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสาม 10 คะแนน
ความสำเร็จของจิ้งจอกสยามตอนนั้นมาจากความเร็วในเกมรุกของเจมี่ วาร์ดี้ โดยการสนับสนุนของปีก ริยาด มาห์เรซ และมาร์ก อัลไบรตัน ประกอบกับความขยันและเฉียบขาดของเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในแดนกลาง
ส่วนฟอเรสต์เวลานี้ นักวิจารณ์หลายคนยกให้เป็นทีมที่เล่นเกมสวนกลับได้ดีที่สุดในลีก แม้ในแง่สถิติจะไม่ได้สนับสนุนคำชมนั้นนักก็ตาม
จากสถิติ ฟอเรสต์เล่นเกมสวนกลับเร็ว 33 ครั้ง สร้างโอกาสยิงประตู 29 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นประตูได้จริงๆ เพียง 4 ลูก ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เป็นทีมที่มีสถิติทำประตูจากจังหวะเคาน์เตอร์แอตแท็กมากที่สุด 10 ประตู
สถิติอื่นๆ ก็ไม่ได้โดดเด่นหนัก โดยฟอเรสต์มีโอกาสลุ้นประตู 47 ครั้ง ยิงได้ 15 ครั้ง คิดเป็น 31.9 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสถิติครองบอลก็ต่ำที่สุดในลีก คิดเป็น 39.4 เปอร์เซ็นต์ โดยทำสถิติผ่านบอลในพื้นที่สุดท้าย 929 ครั้ง น้อยที่สุดอันดับ 3 ของลีก ขณะที่อาร์เซนอลทำสถิติสูงสุด 3,192 ครั้ง
ที่น่าทึ่งคือ ด้วยตัวเลขที่แตกต่างข้างต้น ลูกทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ก็มี 40 คะแนน จาก 20 นัดแรกของลีก เท่ากับปืนใหญ่ แต่เป็นรองที่ผลต่างประตูเท่านั้น
ว่ากันว่าหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฟอเรสต์มีความมุ่งมั่นตั้งใจและขวัญกำลังใจดีก็เพราะกุนซือ นูโน่ ไม่ชอบให้ทีมมีขนาดใหญ่ ตัวเลือกนักเตะเยอะจนเกินไป การที่ทีมมีจำนวนผู้เล่นจำนวนไม่มากเท่าบรรดาทีมแถวหน้า ทำให้นักเตะในทีมมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ละคนก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสในการลุ้นเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจัยหลายอย่างจะเป็นใจให้ฟอเรสต์ลุ้นสร้างปาฏิหาริย์ตามรอยเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ ก็ยังมีปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม
กรณีของเลสเตอร์ในฤดูกาล 2015-2016 บรรดาทีมใหญ่ต่างพร้อมใจกันสะดุด ขณะที่เลสเตอร์รักษามาตรฐานการเล่นและผลการแข่งขันได้ดีกว่า
แต่อุปสรรคใหญ่ของฟอเรสต์ในฤดูกาลนี้คือ ลิเวอร์พูล จ่าฝูง ซึ่งนอกจากผลงานโดยรวมจะโดดเด่น นักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว ยังได้เปรียบทีมอื่นตรงมีเกมในมือ 1 นัด เนื่องจากเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์เมื่อปลายปีก่อน ต้องเลื่อนการแข่งขันเพราะพายุ
ถือเป็นโจทย์ใหญ่และบทพิสูจน์สำคัญสำหรับฟอเรสต์และนูโน่ว่าจะฝ่าฟันจนไปถึงถ้วยแชมป์ได้หรือไม่
หรือหากไปไม่ถึง การคว้าตั๋วบอลถ้วยยุโรปฤดูกาลหน้าได้ ก็น่าจะเป็นรางวัลชั้นเลิศสำหรับทีมที่เพิ่งหนีตายเมื่อซีซั่นที่แล้วได้เป็นอย่างดี •
Technical Time-Out | SearchSri
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022