ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
Cool Tech | จิตต์สุภา ฉิน
Instagram : @sueching
Facebook.com/JitsupaChin
Honey Scam
ไหน้ำผึ้งลวงเหยื่อ
ปลายเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา มีการเปิดโปงเหตุการณ์ใหญ่อยู่เหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอินฟลูเอนเซอร์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอินฟลูฯ ที่มีรายได้จากการแปะลิงก์เพื่อรับค่าคอมมิสชั่นสินค้า
ตามปกติแล้วหากจะมีเหตุการณ์ที่เข้าข่ายสิ่งที่เรียกว่า “สแกม” (scam) คนที่ตกเป็นเป้าของมิจฉาชีพก็มักจะเป็นผู้บริโภคที่อาจจะถูกหลอกให้ซื้อ ให้โอน หรือให้ลงทุน แต่การเปิดโปงครั้งนี้กลุ่มเหยื่อหรือผู้เสียหายกลุ่มหลักกลับกลายเป็นกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ หรือนักรีวิว ที่ทำอาชีพของตัวเองไปตามปกติแต่กลับถูกลักลอบโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ควรจะได้ออกจากกระเป๋าไปโดยไม่รู้ตัว
กลโกงนี้มีชื่อเรียกกันว่า Honey Scam เปิดโปงครั้งแรกโดยแชนนัลยูทูบ MegaLag ที่ใช้เวลาสืบสวน ติดตาม และเก็บหลักฐานเรื่องนี้อยู่นานหลายปี
กว่าจะทำออกมาเป็นคลิปแฉกลโกงที่กวาดยอดวิวไปได้ 16 ล้านครั้งภายใน 3 สัปดาห์
เรื่องมีอยู่ว่า Honey คือส่วนเสริมของโปรแกรมเว็บ เบราเซอร์ที่เราใช้ท่องเว็บกัน ไม่ว่าจะเป็น Chrome หรือ Safari หน้าที่ของมันคือเวลาที่เราจะกดซื้อของออนไลน์อะไรสักอย่าง ก่อนเราจะกดจ่ายเงิน Honey จะรับอาสาไปตระเวนตรวจตราทั่วอินเตอร์เน็ตเพื่อหาว่ามีคูปองลดราคาอะไรให้เราใช้กับการซื้อของครั้งนั้นๆ ได้บ้าง และทำให้ฟรีแบบไม่ต้องเสียค่าสมาชิกใดๆ
ฟังดูเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดีเลิศ คนซื้อของก็ไม่ต้องออกไปล่าคูปองเอง แค่กดติดตั้ง Honey เอาไว้ฟรีๆ จะซื้ออะไรก็มีโอกาสจะได้ส่วนลด ทำให้ Honey เป็นโปรแกรมยอดฮิตที่มียอดคนดาวน์โหลดไปใช้งานแล้วมากกว่า 17 ล้านคน
เรื่องช็อกโลกที่แชนนัล MegaLag ออกมาเปิดโปงหลักๆ มีอยู่ 2 ประเด็นใหญ่
อย่างแรกคือ Honey ขโมยเงินจากกระเป๋าของอินฟลูเอนเซอร์
และอย่างที่สองคือ Honey โกหกผู้ใช้งานเพราะไม่ได้หาคูปองที่ดีที่สุดมาให้ตามที่กล่าวอ้าง
เวลาเราดูคลิปที่อินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ หรือนักรีวิว พูดถึงสินค้าอะไรสักอย่าง แล้วเรากดลิงก์ที่คนคนนั้นแปะไว้เพื่อซื้อสินค้าชิ้นนั้น ผู้ขายสินค้าก็จะต้องแบ่งเงินค่าตอบแทนหรือคอมมิสชั่นให้กับคนที่แนะนำ
ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างรายได้ที่เป็นที่นิยมของอินฟลูฯ หรือนักรีวิว
สมมุติว่าฉันรีวิวแก็ดเจ็ตสำหรับคนเลี้ยงแมวสักชิ้น คุณผู้อ่านเป็นคนเลี้ยงแมวที่กำลังอยากได้แก็ดเจ็ตแมวแบบนี้พอดีก็เลยกดไปที่ลิงค์ที่ฉันแปะไว้เพื่อซื้อสินค้าชิ้นนี้บนแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง
โดยปกติแล้วฉันควรจะได้รับค่าส่วนแบ่งคอมมิสชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์เพราะการทำรีวิวสินค้าก็ต้องอาศัยน้ำพัก น้ำแรง และต้นทุนของตัวฉันเอง โดยการขายสินค้าชิ้นนั้นๆ อาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าหากลูกค้าไม่ได้เห็นรีวิวที่ฉันผลิตชิ้นนี้
แต่สิ่งที่ Honey (แอบ) ทำก็คือ Honey แอบไปเปลี่ยนลิงก์เพื่อให้เงินค่าคอมมิสชั่นนั้นลอยมาเข้ากระเป๋าตัวเองแทน!
กวาดเงินที่ควรจะเป็นรายได้ของนักรีวิวไปเป็นของตัวเองแบบเนียนๆ
คนรีวิวอย่างฉันก็นึกว่าฉันได้คอมมิสชั่นตามปกติ ส่วนคุณผู้อ่านที่เป็นลูกค้าก็อาจจะคิดว่าได้กดลิงก์ซื้อของและสนับสนุนครีเอเตอร์ให้มีรายได้มาสร้างสรรค์งานชิ้นต่อๆ ไปได้
โดยไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่ได้รับส่วนแบ่งไปคือบุคคลที่สามอย่าง Honey
คนที่ตกเป็นเหยื่อถูกยักยอกรายได้ไปก็มีจำนวนเยอะมากเพราะที่ผ่านมา Honey กระหน่ำทุ่มเงินจ้างครีเอเตอร์ให้โฆษณาให้ชนิดที่เรียกว่าหว่านเงินกันเลยทีเดียว (ย้อนกลับไปคิดก็อาจจะเข้าตำราอัฐยายซื้อขนมยายก็ได้)
ครีเอเตอร์ดังๆ ที่เป็นผู้เสียหายก็มีตั้งแต่ Marques Brownlee (MKBHD), MrBeast, Mrwhosetheboss และอีกมากมายหลายคน
เรื่องนี้แม้ว่าลูกค้าที่กดซื้อของจะไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง อาจจะเสียดายหน่อยที่ไม่ได้คูปองส่วนลดแต่ราคาสินค้าก็ไม่ได้เพิ่มไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ก็ยังไม่อาจพูดได้ว่าไม่ถูก Honey หลอกเพราะสิ่งที่ Honey ทำเป็นอย่างที่สองคือการโกหกว่าจะหาคูปองที่ดีที่สุดมาให้ แต่เบื้องหลังกลับไปแอบคุยกับร้านค้าเพื่อตกลงกันว่าจะเอาคูปองแบบไหนมาแสดงผลบ้าง
ง่ายๆ ก็คือถ้าร้านค้าไม่อยากให้ Honey แสดงผลคูปองที่ลดเยอะๆ ก็จ่ายเงินให้ Honey เพื่อให้แสดงผลเฉพาะคูปองที่ลดได้แบบพอสังเขป ซึ่งแน่นอนว่าตรงข้ามกันคนละขั้วกับคำโฆษณาที่ Honey สัญญาไว้ว่าจะควานหาคูปองที่ดีที่สุดมาให้
แชนนัล MegaLag ถึงได้เรียกว่านี่เป็นการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงคอนเทนต์ ครีเอเตอร์และผู้บริโภคเลยทีเดียว
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ Honey ไม่ได้ไร้หัวนอนปลายเท้า ไม่ได้เป็นโปรแกรมเถื่อนมาจากไหน เพราะนี่เป็นบริษัทลูกของ PayPal ผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินออนไลน์ชื่อดัง
ครีเอเตอร์อย่าง Marques Brownlee ก็ออกมาทำคลิปให้ข้อมูลเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่าสุดท้ายเราก็คงทำอะไรกับ Honey ไม่ได้
แต่ก็ขอความร่วมมือจากผู้ติดตามว่าใครดาวน์โหลดมาใช้งานแล้วก็ให้ไปถอนการติดตั้ง และให้ช่วยกันบอกต่อแบบปากต่อปากว่า Honey ขโมยเงินจากครีเอเตอร์และโกหกผู้ใช้งาน
ส่วนทางด้าน MegaLag ก็ทิ้งท้ายไว้ในคลิปวิดีโอเปิดโปงว่าเรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะตอนต่อไปจะมีการเปิดโปงสิ่งที่ช็อกโลกไม่แพ้กัน โดยได้ปล่อยทีเซอร์เอาไว้ว่าในคลิปต่อไป บรรดาร้านค้าที่ Honey ล่าคูปองมาให้ลูกค้าใช้ลดต่างก็ออกมาให้สัมภาษณ์กันว่า Honey ได้คูปองไปแบบไม่ตรงไปตรงมา ทำให้ร้านค้าสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้จนต้องใช้วิธีขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชย ก็ต้องรอติดตามดูคลิปต่อไปว่าจะมีหลักฐานอะไรออกมาเปิดกันอีกบ้าง
สำนักกฎหมายแห่งหนึ่งออกมาประกาศว่าจะฟ้อง Honey โดยจะเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่มโดยได้อ้างว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ามากกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นเราก็อาจจะได้เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือได้รับคำตอบว่าเพราะอะไร Honey ถึงดำเนินธุรกิจแบบนี้
ในขณะที่ฝั่ง Honey เองนั้น โฆษกของ PayPal ก็ได้แถลงยืนยันว่าบริษัทไม่ได้ทำอะไรผิด ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบและวิถีปฏิบัติ และได้อ้างถึงสิ่งที่เรียกว่า last-click attribution ซึ่งอธิบายเร็วๆ ก็คือลูกค้ากดซื้อจากใครเป็นที่สุดท้ายเงินคอมมิชชั่นก็ควรจะเข้าที่คนนั้น ในกรณีนี้คือลูกค้ากดจาก Honey เป็นครั้งสุดท้าย ไม่เกี่ยวว่าต้นทางจะถูกส่งมาจากรีวิวของครีเอเตอร์คนไหนก็ตาม
แม้ว่าคลิปวิดีโอของ MegaLag จะค้นคว้าหาข้อมูลมาเป็นอย่างดี แต่จะอย่างไรในตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น ต้องรอดูความคืบหน้ากันต่อไป ตัวครีเอเตอร์ นักรีวิว ที่ถูกขโมยรายได้ไปก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการขอให้ผู้ติดตามไม่ใช้ Honey
ดังนั้น ใครที่รู้สึกอ่านแล้วตะขิดตะขวงใจ ถ้ายังไม่ดาวน์โหลดก็อาจจะรอไปก่อน หรือหากดาวน์โหลดมาใช้งานแล้วก็อาจจะพักไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้งานจำนวนหลายล้านคนก็ถอนการติดตั้ง Honey ไปแล้วเรียบร้อย
อดไม่ได้ที่จะคิดว่าการตั้งชื่อ Honey มันช่างเข้ากันกับสถานการณ์นี้ได้อย่างลงตัว เปรียบเหมือน honeypot หรือไหน้ำผึ้งที่ล่อลวงให้เหยื่อมาติดกับ
คล้ายๆ กับหนังลึกลับที่ตอนจบผู้ชมถึงเพิ่งจะมารู้ว่า อ๋อ ผู้กำกับฯ เขาบอกใบ้ไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว เราแค่มองไม่เห็นเอง!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022