เครื่องเคียงข้างจอ/ขอถามใจเธอ

วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

ขอถามใจเธอ

ชื่อตอนเครื่องเคียงข้างจอฉบับนี้ ไม่ใช่ชื่อเพลงดัง ไม่ใช่ชื่อละครเรื่องใหม่ในทีวีไม่ใช่ก๊อปปี้ในหนังโฆษณา แต่เป็นคำรำพึงรำพันเท่านั้นเอง
ถามว่ารำพึงรำพันถึงใครเหรอ
ตอบว่า อยากรำพึงไปถามคน 4 คน
คนไหนบ้างหรือ?

คนแรก คือ “ท่านผู้อำนวยการ” ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีข่าวฉาวในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีความสัมพันธ์กับลูกศิษย์ชั้น ม.2
เป็นข่าวที่สะเทือนใจคนเป็นพ่อเป็นแม่และสังคมอย่างมาก ที่โรงเรียนอันเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือว่าจะดูแลลูกเต้าเราดี เป็นแหล่งที่ให้สติปัญญา ให้ความรู้ ให้คิดดีทำดี แต่ผู้นำสูงสุดของโรงเรียนคือ ท่านผู้อำนวยการ กลับทำเรื่องที่เกินบัดสีนักแล้ว
แม้เรื่องนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน แต่ก็ได้ส่งผลกับจำเลยแล้ว โดยมีคำสั่งย้ายจากโรงเรียนเรียบร้อย และมีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
แม้ผลการตัดสินจะยังไม่ออกมาเบ็ดเสร็จ แต่กับสังคมแล้วท่าน ผอ. ก็ได้ถูกสังคมพิพากษาไปแล้ว
ถ้าหากว่าผลของคดี คือ ผอ. ผิดจริง ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์วัย 14 จริง ก็อยากจะ “ขอถามใจเธอ” หน่อยว่า…เธอคิดยังไงจ้ะท่าน ผอ.
เธอคิดว่า เรื่องอย่างนี้เป็นดังนิยายโรแมนติก ประเภทสาวน้อยกับหนุ่มใหญ่อย่างนั้นหรือ
เธอคิดว่า เป็นเรื่องที่สมควรจะกระทำอย่างนั้นหรือ
หรือเธอคิดว่า เอาน่า แค่หวือหวาแล้วเดี๋ยวก็เลิกรา
ที่น่าสงสัยคือ ถ้าหากไม่ใช่เรื่องจริงแล้วมีข่าวนี้ขึ้นมา เป็นใครก็คงจะลุกออกมาโวยวายชี้แจงแต่เนิ่นๆ แต่เธอกลับเล่นบทขอมดำดิน หายหน้าหายตาไปเสียฉิบ…คล้ายจะไปตั้งหลัก
แล้วเธอก็กลับมาพร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา (ตามฟอร์ม) โดยเธอยืนยันว่าถูกกลั่นแกล้งต่างๆ นานา และจะไปให้ปากคำที่ชั้นศาล
ขอถามใจเธออีกครั้งว่า เธอคิดสำนึกบ้างหรือไม่…ก็เท่านั้น

ที่”ขอถามใจเธอ” ต่อมา เป็นการถาม 2 คน แต่ต้องมีคนหนึ่งที่ควรจะต้องตอบ
นั่นคือขอถาม “ครูปรีชา” และ “ลุงจรูญ” ที่กำลังพันตูกันในคดีหวย 30 ล้าน
เรื่องนี้ในบทสุดท้ายต้องมีคนหนึ่งเป็นฝ่ายถูก อีกคนเป็นฝ่ายผิด
และน่าสังเวชที่คู่กรณีทั้งสอง คนหนึ่งเป็นครูที่ได้รับการยกย่องให้เกียรติว่าต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์และสังคม อีกคนเป็นอดีตนายตำรวจ ที่ได้ชื่อว่าต้องเป็นคนรักษากฎหมายและมีหน้าที่ผดุงความยุติธรรม
คนที่ติดตามเรื่องนี้เหนียวแน่นกว่าติดซีรี่ส์เกาหลี คงจะเห็นว่าเหตุการณ์พลิกไปพลิกมาราวกับหนังสืบสวนชั้นดี บางทีโมเมนตั้มก็ไปอยู่ฟากครูปรีชา เดี๋ยวก็มาฟากลุงจรูญ เดี๋ยวก็ชี้เป้าว่าครูปรีชาจะยอมรับผิด รุ่งขึ้นครูก็ออกมาแก้ข่าวว่า เปล่า…ตนยังยืนยันความเป็นเจ้าของ 100%
เพจดังต่างๆ ติดตามสืบเสาะ จับพิรุธกันอย่างสนุก หลักฐาน พยานหลากหลายก็ทยอยผุดกันขึ้นมา ทำเอาคนตามเชียร์หัวหมุนไม่ได้ว่าจะเชื่อใครดี
แต่ที่อยากจะ “ขอถามใจเธอ” คือ อยากถามคนที่รู้ตัวโต้งๆ ว่าตัวเองกำลังขี้โกง อยากถามว่าเธอคิดอะไร คิดว่าอยากได้อยากมี อยากเป็นเจ้าของเงินที่ไม่ใช่ของตัว และคิดว่าจะรอดไปได้อย่างนั้นเหรอ
อยากถามลึกๆ ว่า ความโลภมีอำนาจจนทำให้เธอหูหนวกตาบอดอย่างนั้นล่ะหรือ
ในฐานะผู้เสียภาษีคนหนึ่งของประเทศนี้ อยากทวงความชอบธรรมจากเธอว่า เพราะความโลภของเธอนี่เองทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมาโกลาหล แทนที่ตำรวจพื้นที่จะใช้เวลา แรงกาย แรงสมอง ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคมและส่วนรวม ก็ดันต้องมายุ่งขิงกับคดีที่เธอก่อ ซ้ำตอนนี้เลเพเลพาดขยายผลไปถึงกองปราบปรามนั่นแล้ว เปลืองทรัพยากรของชาติไปกับเรื่องขี้ฉ้อของเธอเสียเปล่าๆ ปลี้ๆ
ถามว่าตอนนี้เธอสำนึกไหม?
ถามว่าตอนนี้เธอนอนหลับสบายดีไหม?
ถามว่าสุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏ เธอจะมองหน้าครอบครัวได้อยู่ไหม?

ส่วนคนสุดท้ายที่จะขอถาม คือ “คุณเปรมชัย กรรณสูต” ที่เป็นข่าวยิงเสือดำ ที่เป็นสัตว์สงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อันเป็นเขตหวงห้าม อย่างที่ตกเป็นข่าวและอยู่ในความสนใจของสังคมยามนี้
ซ้ำเมื่อถูกจับได้ ก็ตีหน้าซื่อปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยไม่มีสำนึกอะไรบ้างเลยหรือ
ที่อยาก “ขอถามใจเธอ” หน่อยก็ตรงที่ว่า เริ่มต้นของเรื่องนี้เธอคิดอะไรเหรอ
คิดว่า อยากยิงสัตว์ป่าจังเลย ยิ่งเป็นสัตว์หายากยิ่งท้าทายหัวใจนักล่าเสียนักแล้ว อย่างนั้นเหรอ
คิดไหมว่า มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
คิดไหมว่า มันเป็นเรื่องสมควรหรือไม่สมควร
คิดไหมว่า มันเป็นเรื่องผิดศีลธรรม
แม้เมื่อตอนถูกเจ้าหน้าที่จับได้ ก็อยากถามใจเธอต่อว่า เธอคิดยังไง?
คิดว่ากูต้องเอาตัวรอด กูต้องไม่ยอมรับความผิด กูต้องอยู่เหนือกฎหมายเช่นนั้นหรือ

เรื่อง 3 เรื่องนี้ที่เอ่ยมา เป็นเรื่องที่ไม่ยากต่อความเข้าใจเลยว่า มันถูกต้องไหม มันสมควรไหม ทั้งเรื่องผู้ใหญ่ระดับ ผอ. มีความสัมพันธ์กับลูกศิษย์วัย 14 ปี ทั้งเรื่องอยากเอาเงินคนอื่นมาเป็นของเรา ทั้งเรื่องบุกรุกป่าเพื่อไปล่าสัตว์สงวน
แต่ทำไม้…ทำไม พวกเธอคิดไม่ได้ว่าสมควรหรือไม่
หรือความสมควร ความถูกต้อง มันใช้ไม่ได้แล้วกับชีวิตของเธอ
ยังมีเรื่องในสังคมที่วิปริตวิปลาสมากขึ้นทุกทีที่อยากถาม
แต่เพียงเท่านี้ก็เพลียหัวใจเสียนักแล้ว
เจอกันใหม่ฉบับหน้าละกัน ที่ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นจะมีคำตอบใดๆ ออกมาจากเหล่าเธอๆ บ้างหรือไม่…น่าวังเวงสิ้นดี