ย้อนเวลาสู่ความทรงจำอันรื่นรมย์ ผ่านอัลบั้ม Diamond Jubilee ของ Cindy Lee

บทความพิเศษ | ศรัณยู ตรีสุคนธ์

 

ย้อนเวลาสู่ความทรงจำอันรื่นรมย์

ผ่านอัลบั้ม Diamond Jubilee ของ Cindy Lee

 

ปี ค.ศ.2024 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเป็นอีกหนึ่งปีทองของศิลปินหญิงที่ถ่ายทอดพลังของอิสตรีมาถ่ายทอดผ่านเนื้อหาของบทเพลงและสไตล์ดนตรีที่ผ่านกระบวนความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างน่าสนใจ

ส่งผลให้อัลบั้มแห่งปี 2024 ในลำดับต้นๆ เต็มไปด้วยผลงานเพลงของศิลปินหญิง

ไม่ว่าจะเป็น Brat อัลบั้มชุดล่าสุดของ Charlie XCX ที่ทำให้ดนตรีแนว Hyper Pop ที่นำดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และคลับ แดนซ์ จากสหราชอาณาจักรมาเพิ่มดีกรีความป็อปให้ทะลุเพดานมากขึ้นกว่าปรกติอีกด้วยท่วงทำนองและเมโลดี้ที่ฟังครั้งเดียวติดหูแบบฝังลึกเข้าไปในโสตประสาท

Brat รั้งอันดับ 1 อัลบั้มแห่งปีจากสื่อดนตรีระดับโลกหลายสำนัก รวมถึง The Guardian ด้วย

โดยในการจัดอัลบั้มแห่งปีของสื่อดังจากเกาะอังกฤษหัวนี้ 6 อันดับแรกเป็นของศิลปินหญิง (เกือบ) ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม My Method Actor ของ Nil?fer Yanya (อันดับ 6) Cowboy Carter ของ Beyonc? (อันดับ 5) Charm ของ Chairo (อันดับ 4) Hit Me Hard and Soft ของ Billie Eilish (อันดับ 3) และ Diamond Jubilee ของ Cindy Lee ที่รั้งอันดับ 2 เอาไว้ได้

ในปี 2024 มีงานเพลงของศิลปินหญิงอีกหลายคนที่อยู่ในขั้นดีเลิศ แต่ถ้าหากให้ยกมาเพียงหนึ่งอัลบั้มที่ชอบที่สุดแล้วละก็ ในมุมมองส่วนตัวก็คงต้องยกให้ Diamond Jubilee ของ Cindy Lee

หน้าปกอัลบั้ม Diamond Jubilee

ต้องขอบอกก่อนว่า Cindy Lee ไม่ใช่หญิงแท้ เพราะนี่คืออีกชื่อเรียกหนึ่งของ Patrick Flegel นักร้องและนักแต่งเพลงชายชาวแคนาดาอดีตมือกีตาร์/ร้องนำของวง อินดี้/โพสต์ ร็อก ที่มีชื่อว่า Women

สิ่งที่น่าสนใจก็คือเวลาทำงานเพลงหรือว่าขึ้นเวทีคอนเสิร์ต Patrick จะแต่งตัวจัดเต็มในแบบ Drag Queen เพื่อแสดงอีกด้านหนึ่งที่เป็นผู้หญิงเต็มตัวออกมา

ซึ่งการแต่งหญิงแบบสาวประเภทสองนับว่าเป็นเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปีที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากความเบ่งบานเต็มที่ในการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมให้กับกลุ่มความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQ+

ที่แม้แต้ศิลปินที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ อย่าง Chappell Roan ก็ยังแต่งหน้าทำผมและแต่งตัวในสไตล์ Drag Queen

ซึ่งถ้าพิจารณาในมุมนี้ ส่วนตัวแล้วมองว่า Cindy Lee ก็คือศิลปินหญิงคนหนึ่ง

Cindy Lee

Diamond Jubilee เป็น Double Album วางจำหน่ายในรูปแบบซีดี 2 แผ่นและมีบทเพลงในอัลบั้มชุดนี้ถึง 32 เพลง

และถึงแม้ว่าจะเนื้อหาของแต่ละเพลงจะไม่ได้มีความเชื่อมโยงกัน แต่แก่นหรือว่าธีมของอัลบั้มชุดนี้เชื่อมโยงไปยังเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง (หรือหลายคน) ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเศร้าหมอง เพราะความรักที่เธอเคยมีได้แหลกสลายลงจนไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกแล้ว

โดยทาง Pitchfork สื่อวิจารณ์ดนตรีนอกกระแสชื่อดังได้กล่าวถึงงานเพลงชุดนี้ว่าเป็นเหมือนการได้นั่งเฝ้ามองผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่ง Greyhound (รถบัสที่ให้บริการในแถบอเมริกาเหนือ) ไปยังชายแดนประเทศแคนาดาที่แสนเหน็บหนาวโดยไม่มีสิ่งใดติดตัวเลย นอกจากความทรงจำที่แสนขมขื่นและเศร้าหมองของเธอเองเท่านั้น

เสียงกีตาร์ในอัลบั้มชุดนี้เป็นดั่งเสียงร่ำไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังขายวิญญาณให้กับซาตานเพื่อให้เยียวยาหัวใจที่แหลกสลายไปแล้วให้กลับกลับมาเต้นเพื่อสูบฉีดเลือดที่แห้งเหือดไปเนิ่นนานแล้วให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สรุปอย่างรวบรัดก็คือ Diamond Jubilee คืองานเพลงที่เป็นตัวแทนของหญิงสาวในร่างของผีดิบที่คร่ำครวญออกมาเป็นเสียงเพลงอันแสนรันทดเพื่อให้ใครสักคนหรือปีศาจสักตนได้ยิน เข้ามาปลอบประโลมเธอและมอบวิญญาณที่เคยสูญสลายหายไปเพื่อให้เธอได้กลับมามีชีวิตชีวา ได้สูดอากาศเข้าปอดและมอบออกซิเจนให้กับหัวใจที่ตายไปเนิ่นนานแล้วอีกครั้ง

 

Diamond Jubilee เป็นงานเพลงในแนว Psychedelic Pop คล้ายๆ กับในช่วงที่วง The Beatles ทำอัลบั้ม Revolver

กลิ่นอายในอัลบั้มชุดนี้ใกล้เคียงกับอัลบั้ม Odessey and Oracle ของวง The Zombies และงานเพลงโดยรวมของวง Velvet Underground

นอกจากนี้ อัลบั้มชุดนี้ก็ยังตลบอบอวลไปด้วยดนตรีแนว Hypnagogic Pop ซึ่งเป็นอีกแขนงหนึ่งของดนตรีไซคีเดลิก ที่ถวิลหาอดีตอันรื่นรมย์ของวัฒนธรรมป๊อปในยุค 80 ไม่ว่าจะเป็นรายการวิทยุเพลงคลาสสิคร็อกของอเมริกาในอดีต, ดนตรีนิว เวฟ, ซินธ์ป๊อป, เพลงจากวิดีโอเกม, ดนตรีซอฟต์ร็อกไปจนถึงอาร์แอนด์บี

หากฟังเพลงจากอัลบั้มชุดนี้รวดเดียวจะใช้ระยะเวลาราวๆ 122 นาทีเลยทีเดียว แต่ถึงจะอย่างนั้นก็นับว่าเป็นการใช้เวลาอันคุ้มค่าในการเข้าไปสู่โลกแห่งจินตนาการและความเป็นจริงในแบบ Cindy Lee

คุณจะได้ฟังเพลงที่มีกลิ่นอายของดนตรีแบล็กมิวสิกแบบ Motown Sound เพลงป๊อปโซลสมัยคุณปู่คุณย่ายังหนุ่มยังสาวในแบบวง The Righteous Brothers ดนตรี Lo Fi หรือ Bedroom Studio ทั้งจากยุคเก่าและยุคใหม่ที่มาผสมผสานกันได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ

คล้ายๆ กับการฟังเพลงในยุคแรกของวง The Beach Boys, Todd Rundgren, Guided By Voices, Beat Happening, Kurt Vile, Beck, Ariel Pink รวมถึงดนตรีที่มีกลิ่นอายของดนตรี World Music ด้วย

 

Cindy Lee หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ Patrick Flegel ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย และแทบจะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ

การฟังงานเพลงอย่างพินิจพิเคราะห์เป็นหนทางเดียวที่จะทำความรู้จักตัวตนของเขา

ซึ่งต้องบอกว่าถ้าหาก Jubilee Diamond เป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของ Cindy Lee แล้วละก็ เห็นได้ชัดว่า Patrick Flegel เป็นคนหลายบุคลิกและไม่ได้ยึดติดอยู่กับยุคสมัยใดสมัยหนึ่ง

เขาอาจจะเป็นคีตกวีจากยุคหลังฟื้นฟูศิลปะวิทยาการในยุโรปมากพอๆ กับ Syd Barrett สมาชิกรุ่นบุกเบิกของวง Pink Floyd, Brian Wilson แห่งวง The Beach Boys หรือว่า Jim Morrison แห่งวง The Doors ได้ในเวลาเดียวกัน

การใช้อะนาล็อกซินธิไซเซอร์หลายๆ รุ่นพาผู้ฟังกลับไปยังยุคสมัยที่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนเพิ่งจะก้าวเข้ามาสู่วงการดนตรีในช่วงต้นทศวรรษที่ 70

เพลง Gayblevision ทำให้คิดถึงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และร็อกทดลองสไตล์ Krautrock ในแบบวง Neu!, Can, Bauhaus หรือแม้กระทั่งเจ้าพ่อเพลง Minimal Techno อย่าง Kraftwerk

แต่ Glitz เพลงต่อมากลายเป็นเพลงคลาสสิคร็อกติดกลิ่น Lo Fi ที่ใช้ทั้งซินธิไซเซอร์และเอฟเฟ็กต์กีตาร์ที่ให้เสียง Fuzz แตกกระจาย เหมือนผสมดนตรีแบบวง Lynyrd Skynyrd, The Grateful Dead และ Velvet Underground เข้าไว้ด้วยกัน

ก่อนที่จะจบเพลงด้วยดนตรีโฟล์กในแบบวง Simon & Garfunkel ส่วนเพลงอื่นๆในอัลบั้มชุดนี้ก็มีกลิ่นอายของดนตรี Chamber Pop, Funk/Soul, Disco, Blues ไปจนถึงดนตรีคลาสสิคจากยุค Baroque

 

ศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Cindy Lee มีอาทิศิลปินหญิงผู้ล่วงลับ Karen Carpenter แห่งวง The Carpenter ที่ปัญหาสุขภาพจิตของเธอเป็นแรงผลักดันให้ Patrick แต่งเพลงในอัลบั้มชุดนี้

ดนตรีร็อกแอนด์โรลและคันทรีส่วนใหญ่ในอัลบั้มได้แรงบันดาลใจมาจากงานเพลงของ Roy Orbison รวมถึงดนตรี Doo-Wop และร็อกทดลองจากศิลปินทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่าอย่าง John Maus, Leyland Kirby และ the Flamingos ทั้ง 3 รายมีอิทธิพลอย่างสูงในการสร้างทิศทางดนตรีใน What’s Tonight to Eternity อัลบั้มชุดที่ 5 ที่วางจำหน่ายในปี 2020

ส่วนสไตล์การแต่งตัวและการแสดงบนเวที Patrick ได้แรงบันดาลใจมาจากแคแร็กเตอร์ของนักร้องและนักแสดงหญิงระดับตำนาน 2 คนอย่าง Patsy Cline และ Faye Dunaway

Diamond Jubilee คือความทรงจำที่เคยรางเลือนไปแล้ว แต่อยู่ๆ ก็กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง ดนตรีทุกโน้ตที่บรรเลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นดั่งเสียงสะท้อนที่พาเรากลับคืนสู่อดีตอันหอมหวนที่ส่องประกายแวววาวดั่งเพชรเม็ดงาม

แต่อนิจจา อดีตย่อมเป็นอดีต สิ่งที่เราพอทำได้ก็คือคิดถึงมันอย่างใคร่ครวญ โอบกอดความสุขเศร้าที่ผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อเพลงบรรเลงไปจนถึงแทร็กสุดท้ายของอัลบั้ม มันก็เหลือไว้แต่เพียงเงาแห่งความทรงจำเสี้ยวหนึ่งที่ (เคย) งดงามเท่านั้น