เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
ไม่ปรับครม.”ตอนนี้”
ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าการที่ นายทักษิณ ชินวัตร บอกได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว และเป็นการพูด แบบ”คุยกันรู้เรื่อง ไม่มีอะไรเลย พีระพันธุ์เขาเป็นคนตั้งใจ รู้จักกันมานาน เคยมีความคุ้นเคยกัน รู้เรื่องทุกเรื่อง”
ไม่ว่าการกระที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่าได้เข้าไปอวยพรปีใหม่ นายทักษิณ พร้อมนายเนวิน ชิดชอบ
ไม่ว่า คำยืนยันจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี “ดิฉัน ไม่มีแผนปรับ ครม. อย่างไรจะบอกอีกครั้ง ตอนนี้ยังไม่คิดปรับ ครม.เลย”
ระดับแกนนำทั้ง”เป็นทางการ” “ไม่เป็นทางการ” ยืนยันขนาดนี้แล้ว กระแสข่าวการปรับครม.อย่างน้อยในตอนนี้-วันนี้ น่าจะยุติ หรือลดกระแสลง
ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
และถือว่าเป็นการขับเคลื่อนทางการเมือง “ระดับเซียน” ของอดีตนายกฯทักษิณ
นั่นคือหลังจากโชว์บทดุๆ เข้าใส่ พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้เลือดสุพรรณ แบบมาด้วยกัน “เข้มข้น”ขึ้น
ซึ่งก็ได้ผล เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง ขึ้นไปทั่ว
ทำให้พรรคร่วมแม้จะกุม”อำนาจต่อรอง”เอาไว้ในมือไม่น้อย
แต่ก็ต้องยอมกลับเข้าแถวและยอมรับทิศทางการเมืองที่ อดีตนายกฯทักษิณคุ้นเคยและชื่นชอบ นั่นคือ การนำที่เบ็ดเสร็จ
เพื่อลดแรงปะทะลง และโชว์ความเป็นทีมเดียวกัน มากขึ้น
ซึ่งนั่นก็คงทำให้ นายทักษิณ พึงใจไม่น้อยทีเดียว
และเริ่มมองข้ามช็อต อย่างที่ประกาศกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์รับเทศกาลปีใหม่ของพรรค เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568
“ยืนยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม โดยจะมีการเลือกตั้งปี 2570 และยืนยันว่าเราจะชนะเลือกตั้งให้ถล่มทลายขอให้ทุกคนทำงานให้หนัก ช่วงที่ผมอยู่ต่างประเทศทำให้ฐานเสียงล่างหายไปมาก ดังนั้นการเลือกตั้งอบจ.ที่พรรคเพื่อไทยส่ง เราจะยึดกลับมาให้หมด โดยเฉพาะจ.เชียงใหม่ โดยหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนยุคไทยรักไทย”
ถือเป็นความมั่นใจทางการเมือง หลังจากจัดแถวพรรคร่วม
อย่างไรก็ตาม จากคำพูดของนายทักษิณ ยังมีเงื่อนไขพ่วงอยู่ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งอบจ.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ซึ่งหาก พรรคเพื่อไทย บรรลุเป้าหมายตามที่คาดหวัง ย่อมจะสร้างความมั่นใจให้กับนายทักษิณเพิ่มขึ้น
แต่หากไม่บรรลุเป้าหมาย ผลไปออกที่ฝ่ายหรือบุคคลที่พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุน ทํ้งโดยเปิดเผยและไม่เปิดเผย
เชื่อว่า หลังจากนั้น คงมีแรงกดดันกระแทกเข้าไปยังพรรคร่วมอีก เพราะหากปล่อยให้ พรรคร่วม มีสัมพันธ์อันดีทั้งการเมืองระดับชาติคือวุฒิสภา และยังมีเครือข่ายในระดับท้องถิ่นอีก ย่อมไม่เป็นผลดี
เราจึงอาจได้เห็น การเล่นบทดุๆของใครบางคนอีก
เรื่องการปรับครม. ที่ว่าจะไม่มี ก็อาจจะฟื้นกลับ
ฟื้นกลับเพื่อจัดแถวการเมือง รวมถึงอาจดึงกระทรวงสำคัญๆเอามาไว้มือ
ซึ่งตอนนี้ก็มีการคาดหมายกันว่า “ศึกซักฟอก” ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม และจะครบวาระรัฐบาลทำงานมา 6 เดือน
อาจเป็นจังหวะ ที่ทำให้การปรับครม.ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง
ตอกย้ำว่า การเมืองไม่ได้ดำรงอย่างเสถียร
หากแต่จะมีการพลิกผันตลอด
วันนี้อาจไม่มีการปรับครม. แต่วันหน้าไม่แน่
———–