ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
The Upside down
การสำรวจพรมแดนทับซ้อนย้อนแย้งลักลั่น
ระหว่างวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์
วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว ในการอธิบายโลกและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวคนเรา
ในขณะที่วิทยาศาสตร์เป็นกระบวนการที่ใช้หลักการของเหตุผล และการทดลอง เพื่อทำความเข้าใจธรรมชาติ และใช้ข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มองเห็นและจับต้องได้
ไสยศาสตร์กลับเป็นกระบวนการที่อาศัยความเชื่อ ความรู้สึก สัญชาตญาณ และปฏิเสธความเป็นเหตุเป็นผล เพื่อเข้าถึงสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ หรือพลังอันลี้ลับเหนือธรรมชาติ อย่างภูตผี ปีศาจ และจิตวิญญาณที่ไม่สามารถเห็นหรือจับต้องได้
แต่ในบางครั้ง วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งเป็นคู่ตรงข้ามกันเสมอไป
บางครั้ง ผู้คนอาจจะใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ร่วมกันในชีวิตประจำวันด้วยกันอย่างกลมกลืน
ยกตัวอย่างจากการใช้แอพพลิเคชั่นดูดวงทำทายโชคชะตา เสริมดวงมงคล หรือทำบุญตักบาตรออนไลน์ หรือการใช้อัลกอริธึ่มและปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการวิเคราะห์คำนวณทางโหราศาสตร์ หรือใช้อุปกรณ์ล้ำสมัยพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ
เช่นเดียวกับสิ่งที่ปรากฏในผลงานในนิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุดของ ปฐมกร ตรีเทพ ศิลปินชาวกรุงเทพฯ ผู้อาศัยและทำงานอยู่ในจังหวัดน่าน อย่าง The Upside down ที่สำรวจความทับซ้อน ลักลั่นย้อนแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์ ไสยศาสตร์ และระบบบริโภคนิยม ที่หลอมรวมจนไม่อาจแยกออกจากกันได้
ทั้งความลี้ลับน่าพิศวงของไสยศาสตร์ ที่กระตุ้นให้ผู้คนไขปริศนาผ่านกลไกของวิทยาศาสตร์ จนกลายเป็นทฤษฎีสมคบคิด ที่ถูกกระตุ้นด้วยกลไกของระบบบริโภคนิยม
จนเกิดเป็นไวรัล หรือการการกระจายเผยแพร่ข้อมูลอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไม่ต่างอะไรกับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
ปฐมกรใช้ฐานคิดนี้ในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ที่นำเสนอเรื่องราวของนักสำรวจผู้อยู่ผิดที่ผิดเวลา ท่ามกลางภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมอันขัดแย้ง ลักลั่น ของเรื่องเล่า ข้อมูล ข่าวสาร จากหลากแหล่งที่มา อันท่วมท้นล้นหลั่งอยู่ในโลกออนไลน์ ราวกับเป็นท้องฟ้าห้วงอวกาศอันกว้างไกลไร้ขอบเขต และมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ลึกล้ำสุดหยั่ง
“ด้วยความที่พื้นฐานครอบครัวของของผมมีความเกี่ยวพันกับไสยศาสตร์ตั้งแต่ยุคของทวด มาจนถึงพ่อของผมที่เป็นร่างทรง ทำให้ในช่วงวัยเยาว์ผมมีความใกล้ชิดกับไสยศาสตร์ในชีวิตประจำวัน แต่ในช่วงเรียนปริญญาโท ผมรู้สึกว่าไม่เชื่อในไสยศาสตร์ ก็เลยหันไปพึ่งพิงหลักการวิทยาศาสตร์ ในการตั้งคำถาม ใช้หลักเหตุและผลในการบอกว่าไสยศาสตร์ไม่มีอยู่จริง เป็นสิ่งงมงาย”
“จนพอผมลงลึกไปในข้อมูลต่างๆ ทั้งวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ ก็ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังพยายามหาเหตุผลในสิ่งที่อยู่นอกเหนือเหตุผล และพิสูจน์ในสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ ผมจึงกลับไปทบทวนเกี่ยวกับไสยศาสตร์อีกครั้ง และมองด้วยแนวคิดของวิทยาศาสตร์ ว่าผีหรือวิญญาณนั้นเป็นพลังงานในรูปแบบหนึ่ง หรือมองเรื่องภพชาติในมิติที่แตกต่างออกไปจากเดิม”
“ผมหยิบเอามวลของความรู้สึกสงสัยในสิ่งที่เกินขอบเขตความรู้ของมนุษย์ ขอบเขตของสิ่งที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานที่จับต้องได้ มาสร้างเป็นสถานที่ในเชิงสัญลักษณ์ ที่ใช้พื้นที่ของอวกาศ ที่อยู่นอกเหนือความรับรู้ของคนทั่วไป หรือพื้นที่ของโลกใต้มหาสมุทร ที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังสำรวจไม่ถึง เพื่อเป็นฉากของสถานการณ์สมมุติ ที่ประกอบจากข้อมูล เรื่องราว ข่าวสาร ในโลกออนไลน์ ทั้งภาพถ่าย ภาพข่าว และโฆษณาในสื่อในยุคสมัยต่างๆ หรือภาพจากวัฒนธรรมป๊อปอย่างภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ต่างๆ ผลงานศิลปะในประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ภาพในทางพุทธศาสนา ที่ปนกับความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างแยกไม่ออก”
“อย่างเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ของพญานาค ที่ถูกใช้เป็นอุบายในการเผยแพร่พระธรรมคำสอนทางพุทธศาสนา”
ปฐมกรยังใช้แนวคิดแบบเดียวกันนี้ สำรวจและตั้งคำถามกับความเป็นวิทยาศาสตร์ลวงโลก (Pseudoscience) อย่างเช่นเรื่องของ ทฤษฎีโลกแบน ที่ใช้ข้อมูลในเชิงวิทยาศาสตร์โน้มน้าวให้ผู้คนหลงงมงายไปกับข้อมูลเท็จที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ เพื่อผลประโยชน์บางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลประโยชน์ทางการตลาดในโลกทุนนิยม ที่ผลักดันให้ผู้คนเสพทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่ใส่ใจต่อความหายนะทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในทางกลับกัน แนวคิดทางไสยศาสตร์บางอย่าง กลับดำรงอยู่อย่างหลอมรวม กลมกลืนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยิ่งกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ หมอผี คนทรง (Shaman) หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ในป่าเขาลำเนาไพรต่างๆ
แนวทางเช่นนี้ใกล้เคียงกับแนวทางของกระแสเคลื่อนไหวทางศิลปะในประวัติศาสตร์ศิลป์อย่าง ขบวนการศิลปะ เซอร์เรียลลิสม์ (Surrealism) ที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่มีแนวคิดปฏิเสธความเป็นเหตุผลและจิตสำนึก ค่านิยม ตรรกะ รวมถึงต่อต้านลัทธิทุนนิยม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงคราม ซึ่งทำให้ผู้คนล้มตายไปนับล้าน และนำพาความทุกข์ยากมาสู่ผู้คน
ผลงานของพวกเขาจึงละทิ้งเหตุผลทั้งมวล แต่ใช้สัญชาตญาณ ความบังเอิญ ความเหลวไหลไร้สาระ และความแปลกประหลาด ลี้ลับ น่าพิศวง เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนคิดถึงมุมมองและหนทางใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการก็คือ องค์ประกอบในภาพวาดของปฐมกรอย่าง ชุดประดาน้ำโบราณ อันเป็นสัญลักษณ์ของความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์ นั้นก็บังเอิญไปพ้องกับเหตุการณ์ที่ศิลปินตัวพ่อของขบวนการเซอร์เรียลลิสม์อย่าง ซัลบาดอร์ ดาลี (Salvador Dalí) สวมชุดประดาน้ำโบราณขึ้นเวทีใน นิทรรศการเซอร์เรียลลิสต์นานาชาติที่ลอนดอนในปี 1936 อย่างอื้อฉาวอีกด้วย
หรือภาพตัวละครในวัฒนธรรมป๊อปยืนเหยียบรุ้งท่ามกลางน้ำที่ท่วมถึงท้องฟ้าในภาพวาดภาพหนึ่งของปฐมกรเอง ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากความเหนือจริงในภาพวาดของ เรอเน มากริตต์ (René Magritte) ศิลปินชาวเบลเยียมผู้อยู่ร่วมในขบวนการศิลปะเซอร์เรียลลิสม์เช่นกัน
ในขณะที่เส้นสีเรืองแสงคล้ายแสงนีออนที่ปรากฏอยู่ในผลงานของเขาแทบทุกชิ้นก็แฝงเน้นนัยยะซ่อนเร้นบางประการอยู่ด้วย
“เส้นแสงนีออนที่อยู่ในงานทุกชิ้น ผมใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นวิทยาศาสตร์ ความเป็นไซไฟ แต่ในทางกลับกัน แสงไฟนีออนแบบนี้ก็ถูกใช้กับศาลพระภูมิเยอะ ผมก็เลยหยิบเอามาใช้แทนความหมายของแสงสีที่ไปย้อมวัตถุอื่นๆ ให้กลายเป็นสีนั้น ไม่ต่างอะไรกับความเชื่อ ที่พอไปสัมผัสโดนอะไร ก็จะย้อมให้กลายเป็นความเชื่อแบบนั้นไปได้เช่นเดียวกัน”
ปฐมกรหยิบฉวยเอาแรงบันดาลใจจากขบวนการศิลปะเซอร์เรียลลิสต์ และเรื่องราวทางไสยศาสตร์รอบๆ ตัว มาผสมผสานกับการปะติดปะต่อภาพ ข้อมูล ข่าวสาร ที่มีอยู่จริงและจับต้องได้ มาร้อยเรียงกันอย่างลักลั่น ย้อนแย้ง และเหนือจริงจนน่าพิศวง เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ความย้อนแย้ง ลักลั่นของความหมกมุ่นในวิทยาศาสตร์อย่างหน้ามืดตามัว จนละเลยจิตวิญญาณดั้งเดิมของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยนั่นเอง
“ผมมองว่าวิทยาศาสตร์ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เพราะเมื่อเวลาผ่านไปทฤษฎีที่ถูกพิสูจน์ว่าเป็นจริงในวันนี้ก็อาจจะถูกทฤษฎีใหม่ๆ ในอนาคตล้มล้างก็ได้ จริงอยู่ ที่วิทยาศาสตร์มีความจำเป็นกับการดำรงชีวิตของมนุษย์เราเป็นส่วนใหญ่ แต่วิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง”
ที่บังเอิญพ้องกันอย่างน่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ นิทรรศการที่สำรวจพรมแดนระหว่างวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์เช่นนี้ นั้นถูกจัดแสดงในพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความลี้ลับ น่าพิศวงอย่าง หอศิลป์ BNC Creatives RCA นั่นเอง
นิทรรศการ The Upside down โดย ปฐมกร ตรีเทพ จัดแสดง ณ หอศิลป์ BNC Creatives RCA
ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายเข้าชมงาน โทร 09-2609-2666
อีเมล [email protected], Line OA : BNCCREATIVES
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก BNC Creatives RCA •
อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022