ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 มกราคม 2568 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ | สุภา ปัทมานันท์
เป้าหมายชีวิตของคนญี่ปุ่น
เข้าสู่ปีศักราชใหม่ หลายคนคงอยากแก้ไข เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ตั้งเป้าหมายที่จะพยายามทำให้สำเร็จให้ได้ในปีใหม่นี้
ขั้นแรกต้องเป็นเป้าหมายที่ดูมีแนวโน้มความเป็นได้ที่จะทำสำเร็จได้ ไม่ใช่เป้าหมายที่ยากเกินไป ทั้งนี้ คนที่รู้ดีที่สุดคือ ตัวเอง
คนญี่ปุ่นมีนิสัยมัธยัสถ์ อดออม จะใช้จ่ายสิ่งใดก็คำนวณความคุ้มค่ากันหลายรอบก่อนจะควักเงินออกจากกระเป๋า ยิ่งในยุคที่ข้าวของแพง เศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนยิ่งต้องประหยัดกันมากขึ้นให้ผ่านไปแต่ละเดือน ขณะเดียวกันก็ต้องออมเงินเพื่ออนาคตในยามที่แก่ชราลง
ผู้คนส่วนใหญ่จึงตั้งเป้าหมายการออมเงิน เป็นหนึ่งเป้าหมายสำคัญเมื่อเข้าสู่ปีใหม่อีกปีหนึ่ง
เป้าหมายการออมเงิน จำนวนแรกที่หลายคนอยากไปให้ถึงคือ มีเงินออม 10 ล้านเยน คิดตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน คือ ประมาณ 2.3 ล้านบาท หากทำได้แล้ว เป้าหมายต่อไปคือ 20 ล้านเยน หรืออีกหนึ่งเท่าตัว
แต่…แค่เป้าหมายแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากตั้งต้นจากเงินเดือนแรกของคนจบปริญญาตรีอยู่ที่ 2 แสนเยนต้นๆ ต้องก้มหน้าก้มตาเก็บหอมรอมริบไปอีกนาน
มีข้อมูลคนญี่ปุ่นที่มีครอบครัว มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กว่าจะบรรลุเป้าหมายมีเงินเก็บ 10 ล้านเยน ก็ล่วงเข้าสู่วัย 50 ปีไปแล้ว
แน่นอนว่าถ้าเป็นคนมีรายได้สูง อาจถึงเป้าหมายได้เร็วกว่านี้ หรือบางคนก็ทำไม่ได้ นี่คือค่าเฉลี่ยทั่วไป
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
นั่นก็เพราะว่า ในช่วงวัย 20-40 ปี เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนเริ่มสร้างครอบครัว มีลูก ค่าเลี้ยงดู ค่าการศึกษาของลูก ค่าผ่อนบ้าน ค่าอุปการะพ่อแม่ที่เริ่มชรา และอื่นๆ อีกสารพัดจิปาถะ กว่าภาระเหล่านี้จะเบาลงก็เมื่อลูกโต เรียนจบหรือทำงานได้เองแล้ว
ทั้งนี้ หนุ่มสาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องทำงานพาร์ตไทม์เพื่อส่งตัวเองเรียน หรือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ด้วย
ส่วนเป้าหมายที่สอง 20 ล้านเยนนั้น กว่าจะบรรลุได้ก็ล่วงเข้าปลายวัย 60-70 ปีแล้ว ซึ่งมีคนที่ทำได้ไม่มากนักขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ส่วนมากอาจไปไม่ถึงเป้าหมายเลย
เป้าหมายที่สองนี้มีความสำคัญ คือ เงินจำนวนนี้สะสมไว้ใช้ยามแก่ชรา ยามที่ร่างกายร่วงโรยลง ทำงานหนักเหมือนสมัยเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่ได้
และเมื่อโรคภัยอันไม่พึงปรารถนามาเยือน จึงเป็นเงินจำนวนที่พอจะอุ่นใจได้บ้างเท่านั้น ทุกคนคิดถึงอนาคตเมื่อตัวเองอายุมากขึ้น ยิ่งปัจจุบันนี้ คนญี่ปุ่นมีอายุยืนยาวขึ้นถึง 100 ปี (人生百年時代) มากขึ้น คาดการณ์กันว่า ในปี 2050 อีก 25 ปีข้างหน้า อายุขัยเฉลี่ย (平均寿命) ของผู้ชายญี่ปุ่นคือ 84.02 ปี ส่วนผู้หญิง 90.40 ปี อายุเฉียดใกล้ 100 ปีเข้าไปทุกที หรือคนที่เกิน 100 ปีก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี
พูดง่ายๆ คือ คนอายุ 70 ปีตอนนี้ จะยังไม่ตายง่ายๆ แต่ต้องขวนขวายเตรียมเงินไว้สำหรับการมีชีวิตอยู่อีกราว 30 ปี ภาระหนักไม่ใช่เล่นเลย
ผลสำรวจคนญี่ปุ่นวัย 60 ปีขึ้นไปทั้งชายและหญิง 59% อยากทำงานที่มีรายได้ต่อไปอีกนานๆ แม้หลังเกษียณอายุ 65 ปีไปแล้วก็ตาม
คนญี่ปุ่นต่างตระหนักถึงภาระของตัวเองที่ต้องเตรียมตัวเองตั้งแต่ยังอยู่ในวัยที่มีเรี่ยวแรงเต็มที่
เป้าหมายการออมเงินนี้ ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ ต้องมีวินัยทางการเงินและควบคุมการใช้จ่ายต่างๆ คนญี่ปุ่นมีวินัยในการทำบัญชีรับ-จ่าย (家計簿) ทุกเดือน ตามร้านขายหนังสือ ห้างสรรพสินค้ามีสมุดบัญชีออกแบบสวยงามวางขายมากมาย ไม่เฉพาะคนมีครอบครัวที่ลงรายการค่าใช้จ่ายแยกประเภท ค่าเช่าหรือค่าผ่อนบ้าน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า ค่าน้ำ-ไฟ ค่าท่องเที่ยว ฯลฯ ของแต่ละเดือน แต่คนโสดก็ทำเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะยุ่งกับการงานแค่ไหนก็ต้องเจียดเวลามาลงบัญชีค่าใช้จ่าย ถึงสิ้นเดือนถ้ามีเงินเหลือก็โล่งใจ! ถ้าติดลบ ก็ต้องถอนเงินเก็บมาใช้ แล้วรีบปรับปรุงตัวเองใหม่ในเดือนหน้า ชีวิตเป็นอย่างนี้เอง…
นายมิตสึอาคิ โยโคยามา (横山光昭) ที่ปรึกษาด้านการวางแผนการจัดการการเงินและการใช้จ่ายส่วนบุคคล ผู้มีงานเขียนหนังสือขายดีหลายเล่ม มีคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับอัตราส่วนของค่าใช้จ่ายแต่ละชนิดในแต่ละเดือน ควรมีสัดส่วนเท่าใดของเงินเดือนสุทธิ
ค่าใช้จ่ายที่มีสัดส่วนสูงที่สุดคือ ค่าที่อยู่อาศัย หมายถึง ค่าเช่า หรือ ค่าผ่อนบ้าน เป็นจำนวน 25% ของรายได้ ค่าอาหาร 14% ค่าการศึกษาบุตร 3% ค่าเสื้อผ้า 2% และอื่นๆ 56%
ซึ่งหมายถึง เงินออม เงินเผื่อฉุกเฉินหรือเจ็บป่วย และเงินเที่ยวเตร่ เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ แต่ละคนอาจปรับเพิ่มลดตามจำนวนเงินเดือน
มีข้อสังเกตคือ ครอบครัวที่มีรายได้สูง เมื่อคำนวณตามสัดส่วนนี้ออกมาเป็นจำนวนเงินจริง บางรายการอาจมีจำนวนสูงมาก ตัวอย่างเช่น หากค่าอาหาร 14% ของเงินเดือนที่สูง คิดเป็นเงินเกิน 1 แสนเยน อย่างนี้มากเกินไป ควรปรับลดการกินอาหารนอกบ้านหรือกินหรูลงบ้าง
และถ้าบางครอบครัว ค่าอาหารเกิน 20% ของเงินเดือนแล้วละก็ แนะนำว่าน่าจะต้องเร่งปรับลดลงแล้ว โดยทำอาหารเอง ไม่กินทิ้งกินขว้าง ไม่งั้นบัญชีตัวแดงแน่
นี่คือตัวอย่างวิธีคิดแบบญี่ปุ่น
การตั้งเป้าหมายการออมเงิน ไม่ได้หมายความว่า ตั้งหน้าตั้งตาประหยัด กระเบียดกระเสียรไปเสียทุกเรื่อง แต่รู้จัก “การยืดหยุ่น” สิ่งที่สำคัญมากสำหรับตัวเอง หรือสิ่งที่สนใจแม้จะต้องใช้เงิน ก็สมควรใช้จ่าย แต่ไม่ใช่อะไรก็สนใจ อยากได้ไปเสียทั้งหมด ต้องรู้จัก “รวมศูนย์” ความสนใจ ความชอบที่สุดเพียง “หนึ่งเดียว” แล้วย้อนกลับไปดูสัดส่วนค่าใช้จ่ายแต่ละประเภท ปรับให้เหมาะกับตัวเองให้ได้ บางอย่างประหยัดแล้ว บางอย่างก็ตามใจตัวเองบ้าง พอเป็นกำลังฮึดต่อไป
แต่…ถ้าตามใจตัวเองมากเกินไป ติดหรู ติดสบาย ติดแบรนด์ สิ้นเดือนย่อมไม่รอด และหากแก้ไม่ได้ทันท่วงที ยิ่งนานวันก็ยิ่งเป็นดินพอกหางหมู
อนาคต…ยาจกวัยชรารออยู่แน่นอน!
การอดออมอย่างมีวินัย และเพียรพยายามอย่างมีเป้าหมายของคนญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงในวัยชรา ในบั้นปลายชีวิตที่ยืดยาวออกไปพร้อมๆ กับความก้าวหน้าทางการแพทย์และโภชนาการที่ดี
เป้าหมาย…ที่ไม่ง่ายเลย! ว่าไหม?
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022