33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (107)

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

 

33 ปี ชีวิตสีกากี

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (107)

 

ถูกเสนอชื่อ ขรก.ดีเด่น

วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2533

พ.ต.ท.เขจร ศิริวรรณ สวญ.สภ.อ.หาดใหญ่ ได้เสนอชื่อผม เพื่อคัดเลือกให้เป็นข้าราชการดีเด่นประจำปี 2532 กลุ่มข้าราชการระดับ 4-6 โดยสารวัตรใหญ่ให้เหตุผลดังนี้

“นับได้ว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีความเหมาะสม และมีความอุตสาหะ และขยันหมั่นเพียรต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ในการปฏิบัติหน้าที่ได้รับคำกล่าวขวัญจากประชาชนเสมอๆ ว่า เป็นนายตำรวจที่ดีให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณีตลอดถึงบุคคลทั่วไปที่มาติดต่อราชการก็ได้รับการแนะนำชี้แนะ เป็นนายตำรวจที่สร้างความสัมพันธ์กับประชาชนอย่างดียิ่ง มีความประพฤติเรียบร้อย เยือกเย็น มีความเสียสละ ทั้งมีระเบียบวินัย และเคารพต่อกฎหมาย เป็นผู้มีเหตุและมีผล เป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดถึงข้าราชการทุกหน่วย เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ตลอดทั้งความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้นให้กับนักเรียน นักศึกษา และประชาชน

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงได้พิจารณาให้เป็นข้าราชการตำรวจดีเด่นประจำปี 2532

(ลงชื่อ) พ.ต.ท.เขจร ศิริวรรณ

ตำแหน่งสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่

วันที่ 24 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2533”

 

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2533

พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ สารวัตรจราจร ปฏิบัติราชการแทนสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ ได้ลงนามในหนังสือ ถึงนายอำเภอหาดใหญ่ เพื่อเสนอชื่อผม เข้าร่วมพิจารณาคัดเลือกข้าราชการที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี 2533 ตามโครงการคัดเลือกข้าราชการสังกัด 4 กระทรวงหลัก ของศูนย์อำนวยการการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งมีความเห็นตามแบบประเมินผลดังนี้

“ร.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ตำแหน่งรองสารวัตรจราจร สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เขต 2 เมื่อได้รับคำสั่งแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว นับได้ว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง มีความประพฤติเรียบร้อย ขยันหมั่นเพียรและมีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย มีคุณธรรมและปฏิบัติตามคุณธรรมของศาสนา

ตลอดทั้งเป็นผู้มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีความสามารถในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น และสร้างความเข้าใจอันดีกับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา

ปฏิบัติแก่ผู้มาติดต่อด้วยอัธยาศัยอันดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความพากเพียรในการทำงาน และงานที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี จนเป็นที่กล่าวขวัญจากประชาชนทั่วไปว่า เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเด่น เอาใจใส่ต่อผู้ได้รับความเดือดร้อน หรือบุคคลทั่วไปที่มาติดต่อทั้งในราชการและนอกราชการ ปัจจุบันได้มอบหมายให้รับผิดชอบเป็นนายตำรวจ

– ควบคุมการฝึกทบทวนข้าราชการตำรวจประจำสัปดาห์

– ควบคุมการจัดกำลังจราจร รปภ.บุคคลสำคัญในพื้นที่

หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดังกล่าวข้างต้น ร.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ สามารถดำเนินการปฏิบัติสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

จากการปฏิบัติหน้าที่ของ ร.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ จึงได้รับการชมเชยความประพฤติปฏิบัติตัวจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และได้รับการพิจารณาส่งเข้าคัดเลือกข้าราชการดีเด่น อันนี้แสดงให้เห็นถึงผลงานและความสามารถที่ได้กระทำจนเป็นที่ประจักษ์ในกลุ่มชนทั่วไปและในส่วนราชการ

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงได้พิจารณาให้เป็นข้าราชการดีเด่นในรอบปีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ สภ.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ขอรับรองว่าเป็นจริงตามที่รายงานและมีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้

(ลงชื่อ) พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ

ผู้รายงาน”

นอกจากนี้ พ.ต.ท.เสกสันติ พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ สารวัตรปกครองป้องกันฯ ปฏิบัติราชการแทนสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ ยังได้ลงนามในหนังสือที่ส่งถึง พ.ต.อ.ธรรมนูญ ทับเคลียว รองผู้บังคับการ (ทำหน้าที่หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัด) ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เรื่องส่งรายชื่อข้าราชการตำรวจเข้าร่วมพิจารณาคัดเลือกข้าราชการที่มีผลงานดีเด่น อีกทางหนึ่งด้วย

ในการปฏิบัติหน้าที่ของผม จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับมาโดยตลอด

 

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2533

ไปรายงานตัวที่สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ เพราะได้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรสารวัตรสืบสวนสอบสวน รุ่นที่ 6 ระหว่างวันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2533

 

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม 2533 ระหว่างอบรม ทราบข่าว พล.ต.ต.มงคล สุรทินต์ รอง ผบช.ภ.4 เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย

ออกเดินทางไปนมัสการที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แล้วไปโรงไฟฟ้า อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดูกิจการของการไฟฟ้า

ไปต่อที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีฟังบรรยายสรุปที่โรงแรมสยามธานี โดย พ.ต.อ.ปิติพงษ์ แก่นสาร รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี

เข้าพักที่โรงแรมสยามธารา

ผมได้พบกับ ร.ต.อ.เดชา บุตรน้ำเพชร กับ ร.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าจินดา

คืนนั้น ร.ต.อ.เดชา บุตรน้ำเพชร ลากพวกผม ทั้ง ร.ต.อ.ณรงค์ มณีโชติ กับ ร.ต.อ.ณัฐ อรรถกวิน จนตี 3

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2533

เดินทางไปนมัสการท่านพุทธทาส ที่สวนโมกข์ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

สวนโมกข์ไชยา หรือสวนโมกขพลาราม หรือวัดธารน้ำไหล เป็นเหมือนสวนป่า มีความต้องการให้มนุษย์เป็นผู้หลุดพ้น จึงเรียบง่าย ร่มรื่น สงบ สันโดษ สมถะ และโรงมหรสพทางวิญญาณ มีภาพวาดที่สอนธรรมะ ภาพปริศนาธรรม รอให้ผู้คนเข้าไปค้นหา

ท่านพุทธทาสมีจิตเมตตา ผมจึงมีโอกาสได้กราบไหว้อย่างใกล้ชิด

ท่านเป็นพระอริยะและเป็นบุคคลสำคัญของโลกโดยองค์การยูเนสโก

“พุทธทาสจักอยู่ไปไม่มีตาย

แม้ร่างกายจะดับไปไม่ฟังเสียง

ร่างกายเป็นร่างกายไปไม่ลำเอียง

นั่นเป็นเพียงสิ่งเปลี่ยนไปในเวลา

พุทธทาสคงอยู่ไปไม่มีตาย

ถึงดีร้ายก็จะอยู่คู่ศาสนา

สมกับมอบกายใจรับใช้มา

ตามบัญชาองค์พระพุทธไม่หยุดเลย

พุทธทาสยังอยู่ไปไม่มีตาย

อยู่รับใช้เพื่อนมนุษย์ไม่หยุดเฉย

ด้วยธรรมโฆษณ์ตามที่วางไว้อย่างเคย

โอ้เพื่อนเอ๋ยมองเห็นไหมอะไรตายฯ

แม้ฉันตายกายลับไปหมดแล้ว

แต่เสียงสั่งยังแจ้วแว่วหูสหาย

ว่าเคยพลอดกันอย่างไรไม่เสื่อมคลาย

ก็เหมือนฉันไม่ตายกายธรรมยัง

ทำกับฉันอย่างกะฉันนั้นไม่ตาย

ยังอยู่กับท่านทั้งหลายอย่างหนหลัง

มีอะไรมาเขี่ยไค้ให้กันฟัง

เหมือนฉันนั่งร่วมด้วยช่วยชี้แจง

ทำกับฉันอย่างกะฉันไม่ตายเถิด

ย่อมจะเกิดผลสนองหลายแขนง

ทุกวันนัดสนทนาอย่าเลิกแล้ง

ทำให้แจ้งที่สุดได้เลิกตายกันฯ

พุทธทาส”

ผมชอบคำสอนของท่าน ยามขับรถจะเปิดเทปบันทึกเสียงเมื่อท่านเทศนาธรรมฟังเสมอๆ หรือพอมีเวลาจะเปิดอ่านหนังสือคู่มือมนุษย์