‘อิ๊งค์’ นายกฯ หมื่นล้าน ‘ทักษิณ’ เสียแชมป์-เปรยให้ลูก ‘เลี้ยง’ เพื่อไทยป้อง ‘แพทองธาร’ ย้อนถามพวกทรัพย์สิน ‘น้อย’ แต่ใช้ชีวิต ‘หรู’

3 มกราคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 โดย น.ส.แพทองธารแจ้งสถานภาพอยู่กินกันฉันสามีภริยากับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,993,826,903 บาท

แบ่งเป็นของ น.ส.แพทองธาร 13,846,208,451 บาท เป็นของนายปิฎก 147,118,452 บาท เป็นของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 500,000 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 4,441,159,711 บาท แบ่งเป็นหนี้สินของ น.ส.แพทองธาร 4,439,980,600 บาท เป็นหนี้สินของคู่สมรส 1,179,110 บาท

ทำให้ น.ส.แพทองธาร ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุดของประเทศไทย โดยเมื่อเทียบกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 2 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2548 ระบุว่า มีทรัพย์สินรวม 12,571,720,820 บาท

แยกเป็นทรัพย์สินของนายทักษิณ 506,493,972 บาท ทรัพย์สินคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คู่สมรสในขณะนั้น 8,802,343,860 บาท และทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในขณะนั้น 3,262,882,988 บาท

ขณะที่การยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายทักษิณครั้งสุดท้ายต่อ ป.ป.ช. คือวันที่ 19 กันยายน 2550 กรณีการพ้นตำแหน่งนายกฯ ในรัฐบาลทักษิณ 2 ครบ 1 ปี พบว่านายทักษิณมีทรัพย์สินรวม 8,484,614,000,000 บาท

และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 ที่นายทักษิณยื่นบัญชีทรัพย์สินเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลทักษิณ 1 พบว่า มีทรัพย์สินรวม 9,848,497,869 บาท

 

น.ส.แพทองธารแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 265,567,322 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส 3,409,682 บาท เงินปันผล 259,267,639 บาท ดอกเบี้ย 2,000,000 บาท ค่าเช่า 890,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปี 57,720,000 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 45,000,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 1,200,000 บาท ค่าใช้จ่ายครัวเรือน 7,000,000 บาท ค่าเล่าเรียนบุตร 1,000,000 บาท ค่าท่องเที่ยว 2,000,000 บาท

ทรัพย์สินของ น.ส.แพทองธาร แบ่งเป็นเงินสด 7,272,743 บาท เงินฝาก 1,081,187,216 บาท เงินลงทุน 11,007,772,574 บาท เงินให้กู้ยืม 15,238,714 บาท ที่ดิน 724,922,982 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 168,615,386 บาท ยานพาหนะ 66,770,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 358,789,334 บาท ทรัพย์สินอื่น 415,639,500 บาท

โดยเงินสดของ น.ส.แพทองธาร มีสกุลเงินหลายประเทศ ทั้งเงินบาท เยน ดอลลาร์ ดอลลาร์สิงคโปร์ ยูโร และปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนเงินฝาก มี 29 บัญชี มูลค่า 1,081,187,216 บาท เงินลงทุนในกองทุนและหุ้นบริษัท 32 แห่ง

 

ส่วนพอร์ตลงทุนหมื่นล้านของ น.ส.แพทองธาร และคู่สมรส เช่น กองทุนเคเอสเอฟ จำกัด 9,075,119.29 บาท, กองทุนเปิด เค โกลด์ 17,342,673.86 บาท, กองทุนเปิด สตราทีจิค โกลบอล มัลติ-แอสเซ็ท 986,344.01 บาท

กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดสะสมมูลค่า) 8,396,511.65 บาท, กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น 633,725,678.40 บาท, กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส (ชนิดหน่วยลงทุน A) 213,212,466.23 บาท

กองทุนเปิด บัวหลวงภารตะ 2,534,199.91 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงตราสารหนี้ 129,122,813.18 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นโกลบอล 11,794,920.65 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงธนทวี 15,600.85 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ 32,542,066.88 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นจีน 3,285,227.38 บาท

หุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) 102,500,000 บาท, หุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 3,483,669,865.20 บาท, หุ้นบริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด 1,110,000,000 บาท, หุ้นบริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด 48,000,000 บาท, หุ้นบริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด 1,224,990,750 บาท

หุ้นบริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด 414,000,000 บาท, หุ้นบริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 549,000,000 บาท, หุ้นบริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 3,313,470 บาท, หุ้นบริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด 183,000,000 บาท, หุ้นบริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด 810,000,000 บาท

หุ้นบริษัท ทุนนวัตกรรม จำกัด 218,125,000 บาท, หุ้นบริษัท โอเอไอ ลิสซิ่ง จำกัด 5,624,500 บาท, หุ้นบริษัท เทมส์ วัลลี่ย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด 199,999,990 บาท, หุ้นบริษัท พีดี เขาใหญ่ จำกัด 100 บาท, หุ้นบริษัท บี.บี.ดี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 1,020,000,000 บาท

ขณะที่คู่สมรส ลงทุนกองทุนเปิด บัวหลวงทศพลไทย เพื่อความยั่งยืน 106,942.82 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวง ไดนามิก บอนด์ เพื่อการออม 30,361.50 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวง โกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี เพื่อการออม 150,469.03 บาท, กองทุนเปิด บัวหลวงยั่งยืน เพื่อการออม 30,424.48 บาท

สินทรัพย์ดิจิทัล Bitcoin 0.66829420 หน่วย มูลค่า 1,228,659.42 บาท และสินทรัพย์ดิจิทัล Ethereum 12.55884830 หน่วย มูลค่า 951,822.56 บาท

 

ส่วนรายการที่ดิน แจ้งว่ามีทั้งหมด 12 แปลง ที่น่าสนใจคือ ที่ดินใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3 แปลง รวมทั้งหมด 9 งาน 180 ตารางวา รวมมูลค่า 9,900,600 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามีที่ดินในเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น (AZA-TOKIWA AKAIGAWAMURA YOICHI-GUN) ซื้อมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562 มูลค่า 30,000,000 บาท โดยแจ้งถือครองร่วมกับคู่สมรส แจ้งบัญชีคนละ 15,000,000 บาท

โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง แจ้งว่ามี 9 หลัง แบ่งเป็น 5 ห้องชุดใน กทม. พร้อมกับมีบ้าน 2 ชั้น จำนวน 2 หลังที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี และเขตคันนายาว กทม. นอกจากนี้ ยังมีตึกแถว 4 ชั้น ที่ ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ในส่วนยานพาหนะ แจ้งว่ามีรถยนต์ 23 คัน อาทิ ยี่ห้อ BENTLEY รุ่น FLYING SPUR HYBRID มูลค่า 10,600,000 บาท ยี่ห้อ ROLLS-ROYCE รุ่น PHANTOM มูลค่า 6,700,000 บาท และยี่ห้อ TESLA แบบ MODEL X LONG RANGE มูลค่า 3,190,000 บาท

ที่น่าสนใจคือรายการสิทธิและสัมปทาน พบว่ามีการเช่าบ้านที่ Flat 11 Knaresborongh house, 7 Knaresborongh Place, London มูลค่า 111,612,250 บาท โดยเป็นสัญญาเช่า ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ถึง 24 ธันวาคม 3537 รวมระยะเวลาเช่า 987 ปี และที่ Flat 6 14 Montpelier street, London มูลค่า 208,342,867 บาท เป็นสัญญาเช่าตั้งแต่ 26 กรกฎาคม 2560 ถึง 21 มกราคม 3552 รวมระยะเวลาเช่า 992 ปี

ซึ่ง น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า ได้แจ้งสิทธิการเช่าต่อ ป.ป.ช.ไปหมดแล้วทุกเรื่อง ขอเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่าที่อังกฤษไม่ได้ปล่อยขายแบบขายขาด (Freehold) แต่เป็นการขายแบบการเช่าระยะยาว ไม่ได้กรรมสิทธิ์ (Leasehold) เพราะกฎหมายอังกฤษไม่เหมือนกฎหมายไทย

 

ขณะที่ทรัพย์สินอื่น ประกอบด้วย ทองคำแท่ง จำนวน 75 บาท มูลค่า 3,000,000 บาท นาฬิกา 75 เรือน มูลค่ารวม 162,000,000 บาท ของสะสม (ตุ๊กตาแบร์บริค) 9 ตัว มูลค่า 1,900,000 บาท กระเป๋า 217 ใบ มูลค่า 76,650,000 บาท แหวน 108 วง มูลค่า 31,773,900 บาท เครื่องประดับกำไลข้อมือ 69 เส้น มูลค่า 28,559,700 บาท เครื่องประดับสร้อยคอ 67 เส้น มูลค่า 35,675,400 บาท ต่างหู 205 คู่ มูลค่า 49,330,500 บาท เครื่องแต่งกาย 167 ชุด มูลค่า 26,750,000 บาท

สำหรับรายการหนี้สินอื่น พบว่า น.ส.แพทองธารได้ทำสัญญากู้เงินจาก น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งเป็นพี่สาว เมื่อ 8 กันยายน 2559 ทั้งหมด 4 รายการ รวม 2,388,724,094 บาท

นอกจากนี้ ยังกู้เงินจากนายพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งเป็นพี่ชาย เมื่อ 8 กันยายน 2559 จำนวน 335,420,541 บาท อีกทั้งยังกู้เงินคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นมารดา เมื่อ 8 กันยายน 2559 จำนวน 136,517,701 บาท

และกู้เงินนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นลุง จำนวน 2 รายการ เมื่อปี 2566 รวมจำนวน 1,315,460,000 บาท

 

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวติดตลกถึงกรณีนี้ระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ว่า เสียแชมป์ไปแล้วก็ไม่เป็นอะไร อย่างมากอีกหน่อยก็ให้ลูกเลี้ยง มีคนเขาบอกว่ารัฐบาลพ่อเลี้ยง แต่เราดีหน่อยบอกว่าลูกเลี้ยงเรา

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายคนมองว่า น.ส.แพทองธารรวยมาก มีทรัพย์สินเยอะ นายทักษิณกล่าวว่า ตอนที่ตนอยู่ต่างประเทศ ไม่รู้ทำอะไร เวลาเจอของสวยๆ งามๆ ก็ซื้อให้ลูก

ด้านนายพายุ เนื่องจํานงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ผ่านแอพพลิเคชั่น X ระบุว่า เมื่อได้เห็นบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ อิ๊งค์กันแล้ว ก็ควรเลิกปรามาสการใช้ชีวิตและวางตัวของท่าน เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่มีทรัพย์สินไม่ถึง 0.5% ของท่านนายกฯ แต่กลับนิยมใช้ของแบรนด์เนม/ใช้ชีวิต “ติดแกลม” กันใหญ่…

สังคมควรย้อนกลับไปตั้งคำถามกับบุคคลเหล่านั้นมากกว่าว่าพวกเขา “live within your means” (ดำรงชีวิตตามฐานะ) หรือไม่?

ไม่ใช่มัวมาเพ่งเล็งที่นายกฯ ที่มีทรัพย์สินหลักหมื่นล้านแต่ก็ยังสั่งซื้อกางเกงฝีมือคนไทยตัวละ 200 บาทใน TikTok มาใส่ทำงาน

การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเป็นการแสดงความโปร่งใสของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเพื่อให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบว่ามิได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หากแต่ความร่ำรวยที่มาจากความสุจริตย่อมมิใช่ความผิด