ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | เมนูข้อมูล |
เผยแพร่ |
เมนูข้อมูล | นายดาต้า
‘อยู่ยาวไป’ ในสิ้นหวัง
ในความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในประเทศที่ความแตกแยกยังอยู่ในระดับมุ่งทำลายกันและกัน ย่อมไม่แปลกคำถาม “รัฐบาลจะไปรอดไหม” จะยังคงมีอยู่
แม้จะมีความพยายามชี้ให้เห็นว่าไม่มีปัจจัยอะไรที่มีพลังพอจะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ การต่อต้านและท่าทีเอาเป็นเอาตายที่จะล้มล้างนั้น เป็นได้แค่สีสันที่เกิดจากแรงความเกลียดชังในใจของคนบางคน ในบางกลุ่มที่หมกมุ่นกับความสำเร็จของการทำลายล้างในอดีต จนกลายเป็นยากล่อมประสาทตัวเองเชื่อว่าอิทธิฤทธิ์ที่เคยแสดงได้นั้นยังมีอยู่
ทั้งที่หากตั้งสติวิเคราะห์องค์ประกอบอย่างถี่ถ้วน โดยหลุดจากปมที่ถูกความชิงชังบ่มเพาะ ปลูกฝังไว้ ย่อมรู้ว่า ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างที่อยากให้เห็นแล้ว
เป็นความละเมอเพ้อพกที่รังแต่จะนำให้ต้องเผชิญความจริงที่เจ็บปวดด้วยยอมรับไม่ได้เสียมากกว่า
เพียงแต่เมื่อยังมีคนถาม ย่อมมีคนพร้อมที่จะตอบ ตอบเพื่อสนองความอยากให้เป็น เพื่อเป็นเหตุผลในทางที่เอื้อประโยชน์บางอย่าง
อันศูนย์รวมของแรงขับอยู่ที่ “ของตัวเอง”
“นายกรัฐมนตรีแพทองธารจะไปรอดไหม?”
คำตอบที่มุ่งไปทางเดียวแบบรู้อยู่แล้วว่า คนตอบคิดด้วยอะไร ย่อมไม่มีคุณค่าต่อความน่าเชื่อถือ เสียเวลาที่จะเงี่ยหูฟัง
เว้นเสียแต่ว่าต้องการเห็นกระบวนใช้เหตุผลของแต่ละฝ่ายเพื่อนำมาชี้นำความคิด โดยไม่สนใจว่าการวิเคราะห์นั้นห่างจากความเป็นจริงที่จะนำให้เป็นไปแค่ไหน
การวิเคราะห์ด้วยการแยกแยะให้เห็นข้อมูล และแง่มุมความคิดต่างๆ แบบรอบด้าน ก่อนที่จะนำแง่มุมเหล่านั้นมาประกอบกันให้สัมผัสได้ถึงภาพรวมอันเกิดจากมิติอันหลากหลายต่างหากที่สมควรติดตาม เฝ้าดู และตั้งใจรับฟัง
ในการเรียนรู้ที่หวังในความเชื่อถือได้เช่นนี้ การสำรวจที่ตั้งคำถามให้ไม่รู้สึกถึงเจตนากำหนดคำตอบล่วงหน้า เป็นข้อมูลที่พอจะยอมเสียเวลาเพื่อรับฟัง
ด้วย “นิด้าโพล” ทำหน้าที่นี้อย่างตั้งใจเสมอมา เมื่อล่าสุดเป็นหัวข้อ “การเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต ในปี 2568”
ผลสำรวจที่แยกแยะแล้วด้วยคำถามเหล่านี้ จึงเป็นข้อมูลควรนำมาวิเคราะห์
“ความเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร” ร้อยละ 51.22 จะอยู่ยาวตลอดทั้งปี, ร้อยละ 21.60 จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี, ร้อยละ 15.34 จะมีการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่, ร้อยละ 15.04 จะเกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล และทำให้รัฐบาลล่ม, ร้อยละ 5.88 นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร จะลาออก, ร้อยละ 5.73 จะโดนชุมนุมขับไล่ ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 3.05 จะโดนรัฐประหาร, ร้อยละ 2.82 จะโดนคดีความทางการเมืองจนต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, ร้อยละ 1.76 จะเปิดทางให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีแทน และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า “นายกฯ แพทองธาร” อยู่ยาว
แต่ในความเชื่อมั่นนั้น “เมื่อถามถึงความเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยโดยทั่วไป ในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567” คำตอบ ร้อยละ 50.61 ระบุว่า จะวุ่นวายเหมือนเดิม, ร้อยละ 39.92 จะวุ่นวายมากขึ้น, ร้อยละ 7.33 จะวุ่นวายน้อยลง และร้อยละ 2.14 จะไม่วุ่นวายเลย
และเมื่อถามความเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 คำตอบ ร้อยละ 34.35 จะแย่เหมือนเดิม, รองลงมา ร้อยละ 32.82 จะแย่ลง, ร้อยละ 21.99 จะดีขึ้น และร้อยละ 10.84 จะดีเหมือนเดิม
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงคุณภาพชีวิตโดยทั่วไปในสังคมไทย ในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 คำตอบ ร้อยละ 34.43 จะแย่เหมือนเดิม, ร้อยละ 33.20 จะแย่ลง, ร้อยละ 20.46 จะดีขึ้น และร้อยละ 11.91 จะดีเหมือนเดิม
จากคำตอบที่ชัดเจนว่าผู้ที่มีความหวังว่าความเป็นไปในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ คุณภาพสังคมและชีวิต มีเป็นจำนวนน้อยมาก คนส่วนใหญ่ในความรู้สึกนึกคิด ไม่มีหวัง หรือสิ้นหวัง
คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะทำให้อะไรต่ออะไรในประเทศนี้ดีขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงน่าสนใจยิ่งว่า ทั้งที่สิ้นหวังไปเสียทุกด้านอย่างนั้น ทำไมยังเชื่อว่า “แพทองธาร ขินวัตร” จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ยาว ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของความเป็นไปทางการเมืองที่ประวัติศาสตร์พิสูจน์ให้เห็นเสมอมาว่าทุกครั้งที่ประชาชนสิ้นหวัง ยากที่รัฐบาลจะอยู่ได้ เพราะรัฐบาลต้องอยู่ด้วยการเป็นความหวังของประชาชน
แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ เพราะทั้งที่สิ้นหวัง แต่คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า “นายกรัฐมนตรีคนนี้จะอยู่ยาว” สวนทางกับปรากฏการณ์ที่ควรจะเป็นตามประวัติศาสตร์
หากจะวิเคราะห์ว่าที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากประชาชนในยุคสมัยเช่นนี้ รับรู้อยู่เต็มหัวอกหัวใจว่า “อำนาจประชาชนไม่ได้มีผลต่อการอยู่ได้หรือไม่ของรัฐบาล”
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022