ธุรกิจหวังอานิสงส์ ‘เลือกตั้งท้องถิ่น’ เครื่องยนต์บูสต์เศรษฐกิจปากท้อง

บทความเศรษฐกิจ

 

ธุรกิจหวังอานิสงส์ ‘เลือกตั้งท้องถิ่น’

เครื่องยนต์บูสต์เศรษฐกิจปากท้อง

 

ประเทศไทยมีรายได้หลักจากภาคการท่องเที่ยวและภาคการส่งออก ทำให้เมื่อมีวิกฤตใหญ่ที่ส่งผลกระทบทำให้ 2 เครื่องยนต์หลักไม่สามารถสร้างรายได้เข้ามาหมุนเวียนในประเทศได้ เศรษฐกิจไทยจึงเกิดการชะงักงันเหมือนภาพที่ได้เห็นในช่วงการระบาดโควิด-19 เมื่อปี 2563 เป็นต้นมา

ทำให้หากเราอยากเดินไปสู่การสร้างรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืนมากขึ้น อาจต้องหันมาใช้เครื่องมืออย่างกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นมากขึ้น

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงการเติบโตเฉลี่ยของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาขยายตัวปีละ 10.4% สะท้อนชัดว่า ภาคการท่องเที่ยวเติบโตหนุนเศรษฐกิจมายาวนาน กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก คือ กลุ่มระยะใกล้ อาทิ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และอาเซียน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวไทยคิดเป็น 7.1% รวมถึงกลุ่มระยะไกลยังเติบโตต่อเนื่อง แต่หากประเมินถึงอนาคตการท่องเที่ยวไทย มีหลายปัจจัยที่จะส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ที่หนุนเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยสนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น

1. เศรษฐกิจของประเทศต้นทาง (income effect) นั่นหมายถึงรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวขาออก

2. ระยะทางระหว่างประเทศ (distance) สอดคล้องกับสัดส่วนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 75% เป็นนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ขณะที่มีปัจจัยหน่วงรั้งการท่องเที่ยวไทย ได้แก่ ความปลอดภัยและราคาพลังงาน ซึ่งสะท้อนต้นทุนการเดินทางและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา

ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตได้ 3.2% ต่อปี ตามที่ IMF ประเมินไว้ การประเมินจากแบบจำลองนี้ชี้ว่าจะสนับสนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวได้ที่ 4-6 % ต่อปี

แต่มีปัจจัยด้านการแข่งขันที่สูงขึ้น หลายประเทศหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีมากนัก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้จ่ายไม่มากเท่าเดิม

เศรษฐกิจไทยจึงเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยๆ ฟื้น จึงยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง

 

หากพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากท้องถิ่น หรือจากจังหวัด ต้องอาศัยผู้นำในท่องถิ่นเอง เพราะรู้จักพื้นที่และผู้คนของตัวเอง หน่วยงานท้องถิ่นทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จึงมีความสำคัญมากในการขับเคลื่อนงานส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเป็นกำลังเสริมที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมได้

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคกลาง เปิดเผยว่า จะต้องทำให้เมืองต่างจังหวัดเป็นฮับให้ได้ โดยที่รัฐบาลจะต้องดูว่าแต่ละพื้นที่มีความเหมาะสมในการเป็นฮับเรื่องอะไรบ้าง

เพราะเรื่องสำคัญคือ การสร้างเมืองให้มีความเติบโตขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างเศรษฐกิจและสร้างงานได้ดีมากขึ้น เมื่อมีการช่วยในแง่การจ้างงานก็จะทำให้คนไม่ต้องกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลักอย่างกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น

หอการค้า มีการเสนอเรื่องของการยกระดับเศรษฐกิจของเมืองในแต่ละภูมิภาค เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ ซึ่งเรามีเป้าหมายอยู่ 10 จังหวัดนำร่องก่อน ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยทำไปแล้ว 4 จังหวัด จึงสามารถนำ 4 จังหวัดนี้มาเป็นโมเดลในการส่งเสริมเศรษฐกิจจังหวัดได้ โดยที่แต่ละจังหวัดจะมีความเหมาะสมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน อาทิ เป็นการส่งเสริมในเรื่องของการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมในเรื่องของการสร้างรายได้ให้กับเอสเอ็มอี โดยในเรื่องของการลงทุนที่ต้องทำให้มีมากขึ้นนั้น

“ตอนนี้รัฐบาลอาจต้องกลับมามองว่า ในช่วงที่ผ่านมาเราให้สิทธิเรื่องการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีเครื่องมือผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แต่สำหรับบริษัทของคนไทยเองที่จะมาลงทุนในพื้นที่แต่ละภูมิภาค ก็ควรที่จะมีอินเซนต์ทีฟให้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการลงทุนในภูมิภาคต้องยอมรับว่า เรื่องตัวเลขของเศรษฐกิจ หรือผลตอบแทนในเชิงการสร้างรายได้อาจไม่สามารถทำได้ดีอย่างรวดเร็วเหมือนในกรุงเทพฯ แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มแม่เหล็กในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่เพื่อให้เติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป”

ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ผู้ที่มีส่วนใกล้ชิดและเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักก็คือหน่วยงานท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ. หรือ อบต. มีความสำคัญมากในการพัฒนาเศรษฐกิจแต่ละจังหวัดให้เติบโตต่อไป

แต่การเลือกตั้งทั้ง 2 ผู้แทนระดับท้องถิ่นของไทยในปัจจุบัน มองว่า ยังเป็นการยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่ากระแสของพรรคการเมือง

ซึ่งจริงๆ แล้วท้องถิ่นทั้ง อบจ. หรือ อบต. ถือว่ามีความสำคัญมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัด เพราะในจังหวัดเองตัวเทศบาลมีความเล็กเกินไป ตัวที่มีศักยภาพในจังหวัดคือ อบจ. เป็นเรื่องของโครงสร้างหลักในการขับเคลื่อน

“อบจ.จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด อย่างในบางจังหวัดที่ อบจ.เข้มแข็งจะสามารถขับเคลื่อนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดี ซึ่งต้องยอมรับว่านายก อบจ. คือคนพื้นที่ในการเลือกตั้ง 1 ครั้งมีระยะเวลาในการทำงาน 4 ปี จึงมีความต่อเนื่องในการลงพื้นที่ และการรู้จักกายภาพของแต่ละพื้นที่ตัวเองมากกว่า สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องด้วย เทียบกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอายุการทำงานน้อยกว่า”

“รวมถึง อบจ.มีงบประมาณที่สามารถนำมาใช้ในการลงทุนหรือสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลาย อบจ.ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จให้ได้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว”

 

นายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมา อบจ.แม้เป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่โดยตรง แต่ภาครัฐเป็นผู้นำ โครงการต่างๆ คิดจากภาครัฐเอง บางครั้งอาจไม่สอดคล้องกับพื้นที่ หรือมาจากต้องการของภาคประชาชนต่อการพัฒนาพื้นที่ ทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ ทางภาคธุรกิจท่องเที่ยวอยากเห็นกลุ่มคนที่จะเข้ามาพัฒนาท้องถิ่น โดยการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนและเอกชนให้มากขึ้น และโครงการพัฒนาต่างๆ อยากให้เป็นแนวคิดของภาคเอกชนโดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่ตรงเป้าและได้ประโยชน์ ประสิทธิภาพประสิทธิผลสูงสุด

รวมถึงอยากให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์ให้มากยิ่งขึ้น แม้ปัจจุบันทาง อบจ.จะมีโครงการที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวอยู่หลายด้าน แต่เป็นกิจกรรมที่ยังไม่ค่อยมีผลต่อการท่องเที่ยวมากนัก สิ่งที่จะทำให้การท่องเที่ยวยั่งยืน คือไม่มีการนำเงินไปใช้จ่ายด้านนอกพื้นที่

ขณะเดียวกัน ก็ควรมีโครงการที่ดึงเม็ดเงินจากนอกพื้นที่ เข้าพื้นที่ให้มากขึ้น โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยที่ผ่านมาส่วนงานท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็น อบจ.หรือเทศบาล ยังจัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นสกายวอล์ก หรือลานท่องเที่ยว ถนนคนเดิน หรืออะไรเหล่านี้ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพียงระยะเวลาสั้น

“สิ่งสำคัญที่อยากเห็นคือ อยากให้มีการพัฒนาส่งเสริมให้ยั่งยืน จัดแผนและโครงการผลักดันเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักเหมือนภูเก็ตหรือเชียงใหม่ ที่เป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ไช่เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับเชียงใหม่เท่านั้น”

“ก็หวังว่าชุดบริหารใหม่จะเห็นความสำคัญในสิ่งเหล่านี้ เพื่อทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากที่สุด” นายวิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย