2568 อสังหาฯ ตั้งรับเต็มพิกัด

ช่วงนี้แม้จะยังไม่มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใดออกมาแถลงแผนงานปี 2568 กันอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลการสนทนาแลกเปลี่ยนของคนในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่เป็นทางการ จากประสบการณ์ปี 2567 ที่ผ่านมา และจากหลายกรณีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในบริษัทอสังหาฯ ล้วนแสดงยืนยันว่า อสังหาฯ ส่วนใหญ่ปี 2568 นี้ ตั้งรับกับสถานการณ์เต็มพิกัด

บทเรียนปี 2567 ที่ผ่านมา บอกให้รู้ว่าการคาดการณ์ตลาดว่าจะดีขึ้นหรืออย่างน้อยเหมือนเดิมนั้น เป็นการคาดการณ์ที่ผิดมหันต์ เพราะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือความผันผวน ไม่แน่นอน ไม่มั่นใจของตลาด และมีแนวโน้มไปทางชะลอตัวลงไปเรื่อยๆ

พบว่า ปัญหาพื้นฐานของตลาดอสังหาฯ คือ กำลังซื้อตกต่ำ ผู้ซื้อไม่มีกำลังซื้อและไม่มีความเชื่อมั่นกับอนาคตรายได้

ขณะเดียวกันปัญหาหนี้สินครัวเรือนท่วมท้น ธนาคารไม่กล้าปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้การปฏิเสธปล่อยกู้สูงมากเป็นประวัติการณ์วงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย

เริ่มจากการปฏิเสธกลุ่มที่อยู่ระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มาเป็นต่ำกว่า 5 ล้านบาท และลามขึ้นสู่ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป

ยังมีกำลังซื้อกลุ่มเดียวที่ความต้องการยังไม่ตก คือ กำลังซื้อจากต่างชาติ ซึ่งยังติดข้อจำกัดด้านกฎหมายกฎระเบียบทางการ

ช่วงรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เคยนำประเด็นนี้ขึ้นมาหารือหาทางออก แต่ยังมีเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยพอสมควร

และพอดีมีการเปลี่ยนแปลงการเมือง เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา

ที่รัฐบาลแพทองธารลงมือดำเนินการไป จะมีผลต่อกำลังซื้อก็มีการอัดฉีดเงินให้กับประชาชนบางกลุ่ม กับการแก้ปัญหาหนี้สินกลุ่มเปราะบางโดยการเว้นชำระดอกเบี้ย 3 ปี ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งที่จะมีผลกระทบมาถึงกำลังซื้อที่อยู่อาศัย

 

ด้วยประการฉะนี้ ทัศนคติมุมมองของธุรกิจอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จึงต้องตั้งรับกับสถานการณ์ตลาดที่ยังไม่ดี จะแตกต่างจากปีที่แล้วที่ส่วนใหญ่คาดว่าตลาดจะดีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านั้น แต่ความจริงกลายเป็นตลาดไม่ดี ผันผวน ปีนี้จึงปรับเป็นตั้งใจรับมือกับตลาดที่ไม่มั่นใจว่าจะดีขึ้นกว่าเดิมนัก

ดังนั้น การเปิดตัวโครงการใหม่ ไม่น่าจะคึกคักมากมายเหมือนปีที่คาดหมายว่าจะดีกว่าเดิม บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการระบายขายสต๊อกที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จเหลือขายที่คงค้างสะสมอยู่ตามโครงการต่างๆ ที่เปิดตัวไปแล้ว

จำนวนเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทอสังหาฯ น่าจะเพื่อรักษาระดับรายได้ที่รับรู้จากปีต่อๆ ไปไม่ให้ลดต่ำลงกว่าเฉลี่ยปกติเท่านั้น

 

อีกการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงภายในองค์กรเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของบริษัทอสังหาฯ คือ การปรับตัวผู้บริหาร

บมจ.บางรายการทำโครงการคอนโดมิเนียมราคาไม่แพงและการบริหารชุมชนที่ดีเยี่ยม แต่กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ยังไม่แข็งแรง ก่อนหน้านี้มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่และแต่งตั้งผู้บริหารที่มีประสบการณ์มาจากสายการเงิน

แต่ล่าสุดได้ดึงตัวอดีตลูกหม้อที่มีความเชี่ยวชาญที่อยู่อาศัยแนวราบมาเป็นผู้บริหาร

กรณีที่ฮือฮาไปทั่งวงการ ก็กรณีที่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอคนแรกของ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท กลับมาเป็นซีอีโอของบริษัทอีกครั้ง หลังจากที่เคยมอบหมายให้ผู้บริหารที่มาจากสายการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค, ผู้บริหารจากนายธนาคาร, ผู้บริหารจากลูกหม้อ และผู้บริหารจากสายอสังหาริมทรัพย์เครืออื่นมาเป็นซีอีโอพฤกษา แล้วตามลำดับ

การกลับของทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ ครั้งนี้ เดาจุดมุ่งหมายได้ไม่ยากว่า เพื่อปรับเปลี่ยนบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมใหม่อย่างเต็มที่

ปี 2568 สำหรับวงการอสังหาฯ จึงเป็นปีที่ตั้งรับสู้เต็มที่เต็มพิกัดกับสภาพตลาด และปรับปรุงทรานส์ฟอร์มองค์กรให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว •

 

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.