เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 | สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
หลังซีน
การเมืองปี 2568 ถูกคาดหมายว่า 3 พรรคการเมืองใหญ่ อันประกอบด้วย เพื่อไทย ภูมิใจไทย และประชาชน
นอกเหนือจาก “หน้าฉาก” อันหมายถึงหัวหน้าพรรค เลขาธิการ กรรมการบริหารและส.ส.แล้ว
ยังมี บุคคล”หลังฉาก”เข้ามามีบทบาทสูง และชี้นำการเมืองของพรรคอย่างสำคัญ
เพื่อไทย โฟกัสไปยังนายทักษิณ ชินวัตร ภูมิใจไทย มองไปยัง นายเนวิน ชิดชอบ ส่วนพรรคประชาชน คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ซึ่ง”บทบาท”ที่ว่า มิได้มีการปิดบัง ตรงกันข้าม เป็นที่รับรู้กันทั่วไป
แถมบางพรรคยังชู ขึ้นมาเป็นจุดขายด้วย
“บุคคลหลังซีน” เหล่านี้ จึงถือเป็นตัวละครสำคัญ ที่มิอาจมองข้ามได้
โดย งานแรกที่จะเห็น คือการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่กำลังจะเกิดขึ้น ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้
นายทักษิณ และนายธนาธร เดินสายช่วยผู้สมัครในนามพรรคถี่ยิบ
ส่วนพรรคภูมิใจไทย แม้ไม่มีนโยบายที่จะส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการ และ บทบาทครูใหญ่ อย่างนายเนวิน ก็ดูเงียบกริบ
แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่าพรรคภูมิใจไทยได้เข้าไปสนับสนุนผู้สมัครหลายจังหวัด
และเชื่อว่าครูใหญ่เนวิน ผู้มากด้วยประสบการณ์ คงมีคำชี้แนะอันเป็นประโยชน์ สำหรับบุคคลที่พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนอยู่ไม่น้อย
ดังนั้น “บุคคลหลังซีน”จึงถือว่ามีบทบาทและความสำคัญกับการเลือกตั้งนายกฯอบจ.สูงยิ่ง
เพราะผลการเลือกตั้ง จะเป็นการปูพื้นไปสู่การเมืองระดับชาติ อย่างมี”นัย”
อย่างที่ทราบ ผู้สมัครนายกฯอบจ. ล้วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายการเมืองในพื้นที่ ทั้งบ้านใหญ่ และผู้กว้างขวาง
ซึ่ง 2 พรรค คือเพื่อไทยและภูมิใจไทย ดูเหมือนจะให้ความสำคัญ
เพราะเชื่อว่าหากผนึกบ้านใหญ่กับกระแสพรรค จะทำให้สามารถสู้ในศึกการเลือกตั้งระดับชาติได้
ส่วนพรรคประชาชน ก็พยายามทำตามแนวทางของตนเองนั่นคือ ผลักดันคนของพรรค กุมการบริหารในท้องถิ่น เพื่อเชื่อมต่อไปสู่นโยบายระดับชาติ
ผลักดันให้กลายเป็น”กระแส”ให้สังคมยอมรับ
ดังนั้นผลการเลือกตั้ง นายกฯอบจ.และสมาชิกสภาจังหวัด ที่ออกมาจึงจะเป็นการชี้อนาคตของพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 3 พรรคว่าจะก้าวไปในทิศทางไหนได้แจ่มชัด
“บุคคลหลังซีน”จึง ต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ เผลอๆอาจจะมากกว่า คนอยู่หน้าฉากเสียด้วยซ้ำ
และบทบาทที่”สูงและมาก”เช่นนี้ คงจะเข้มข้นขึ้นตามลำดับ เพราะ รัฐบาลกำลังก้าวย่างสู่ ภาวะ”ครึ่งหลัง” ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้
ดังนั้น ทุกพรรคต้องเตรียมตัว และพร้อม เพื่อที่จะก้าวสู่การเลือกตั้งใหญ่
แน่นอน ว่า “บุคคลหลังซีน” ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยบารมี ก็ต้องทวีบทบาทของตนเองมากยิ่งขึ้น
เพื่อเป็น”แรงหนุน”ให้พรรคที่ตนเองสนับสนุนโดดเด่นยิ่งขึ้น
การช่วงชิงการนำ ผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งการเมืองแบบเปิดเผย ทั้งการเมือง”พันลึก” จะเป็นไปอย่างดุเดือด
การเมืองในปี 2568 และหลังจากนั้น จะไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบ หรือรัฐสภาเท่านั้น
หากแต่จะอยู่กลุ่มบุคคลที่แม้จะเป็นเสมือน”การเมืองหลังฉาก”
แต่เอาเข้าจริง กลับจะโดดเด่นกว่าการเมือง”หน้าฉาก”เสียอีก
นี่คือความระทึกใจ สำหรับการเมืองในปีมะเส็งนี้
————-