ธนาคารไร้สาขา 2568

วิรัตน์ แสงทองคำviratts.wordpress.com

กรณีธนาคารไร้สาขาในสังคมไทย ในปีนี้ที่เพิ่งมาถึง จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ตื่นเต้นเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไทม์ไลน์ไว้ชัดเจน “คาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้จัดตั้ง Virtual Bank ได้ภายในช่วงกลางปี 2568”

ถ้าว่ากันตามไทม์ไลน์ข้างต้นอย่างเคร่งครัด โฉมหน้าธนาคารไร้สาขาในไทย จะปรากฏขึ้นช่วงคาบเกี่ยววาระดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบันสิ้นสุดลง

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน ตามวาระปกติ อยู่ในตำแหน่ง 5 ปี (1 ตุลาคม 2563-30 กันยายน 2568) ผมเคยว่าไว้เมื่อต้นปีที่แล้ว “เป็นที่คาดกันได้ว่า น่าจะเป็นไปอย่างนั้น แม้ว่ามีภาพความขัดแย้งกับรัฐมนตรีคลังจะปรากฏอยู่บ้าง” ในเวลานั้นกับช่วงแรกๆ รัฐบาลใหม่ มีแรงปะทะกันพอสมควร กับนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า (เศรษฐา ทวีสิน) ผู้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังด้วย

ที่สำคัญได้ผ่านไทม์ไลน์สำคัญตามที่กำหนดมาแล้ว “บัดนี้ ธปท.ได้ปิดรับคำขอแล้ว โดยมีผู้ยื่นคำขอจำนวนทั้งสิ้น 5 ราย…”

ถ้อยแถลงอย่างสั้นๆ ของ ธปท.เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา (23 กันยายน 2567) โดยไม่ระบุรายละเอียด ขณะนั้นว่า

“ธปท.จะพิจารณาคุณสมบัติ ศักยภาพ และความสามารถที่จะประกอบธุรกิจ Virtual Bank ของผู้ขออนุญาต ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ที่เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567”

 

เส้นทางธนาคารไร้สาขาในไทย ถือว่าค่อนข้างยาว นับตั้งแต่ ธปท.นำเสนอ “แนวทางการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (11 มกราคม 2566) เนื่องด้วยคาบเกี่ยวช่วงเวลาท้ายๆ รัฐบาลชุดก่อนหน้า กับการเลือกตั้งทั่วไป และการมาถึงรัฐบาลใหม่ มีนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีคลัง ผู้อยู่ในตำแหน่งไม่นาน เป็นผู้ลงนามประกาศที่อ้างถึงข้างต้น

ว่ากันตามกระบวนการพิจารณา “ธปท. ผู้มีอำนาจและบทบาทสำคัญในการพิจารณาและนำเสนอผู้ได้รับคัดเลือก” จากนั้นจึงเสนอให้รัฐมนตรีคลังเพื่อพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 9 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการยื่นคำขอ “…เว้นแต่ในกรณีมีเหตุอันสมควร…รัฐมนตรีอาจให้ขยายระยะเวลาการพิจารณาได้ ซึ่งรวมระยะเวลาพิจารณาทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 1 ปี” ว่ากันตามประกาศ เปิดช่องให้อำนาจทางการเมืองไว้อย่างค่อนข้างจำกัด

ช่างบังเอิญในช่วงเดียวกันนั้น ในงานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ที่เรียกกันว่า BOT Symposium 2024 (20 กันยายน 2567) หัวข้อ “หนี้ : The Economics of Balancing Today and Tomorrow” เปิดงานโดยผู้ว่าการ ธปท. ปรากฏถ้อยความหลายตอนในปาฐกถา เน้นเป็นพิเศษถึง “ความอิสระของธนาคารกลาง”

ดูเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมา เมื่อ “ความอิสระของธนาคารกลาง” แผลงฤทธิ์ ให้การแต่งตั้งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยยุคใหม่ ที่เสนอชื่อโดยรัฐบาลมีอันต้องสะดุด

ขณะเป็นช่วงเวลาความเป็นไปอย่างเงียบๆ ด้วยธนาคารไร้สาขาอยู่ในขั้นตอนสำคัญในการพิจารณา ตามเวลาที่มีพอสมควรที่กำหนดไว้ เป็นที่รู้กันวงกว้างพอสมควร บรรดาผู้ยื่นทั้ง 5 รายนั้นเป็นใคร แม้ดูจะเร็วเกินไปที่จะคาดว่า ในที่สุดแล้วใครจะมา

แต่ก็มีผู้วิเคราะห์หลายราย เคาะรายชื่อ 3 รายกันออกมาพอให้มีสีสันกันพอประมาณ

 

แนวทางการพิจารณาอนุญาต (อ้างจากประกาศกระทรวงการคลัง) ว่าด้วยโมเดล “ธนาคารไร้สาขา” มีนิยามไว้อย่างกว้างๆ “ให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล” โดยมีข้อความอาจถือได้ว่าเป็น Keyword “การให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ หรือการให้บริการทางการเงินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริการทางการเงินที่มีอยู่เดิมผ่านช่องทางดิจิทัล โดยตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และข้อมูลที่หลากหลาย” กับอีกตอนหนึ่งเน้นไว้หลายครั้งเจาะจงถึงกลุ่มเป้าหมาย

“ให้ความสำคัญกับบริการทางการเงินที่ส่งเสริมการประกอบอาชีพและวินัยทางการเงินแก่กลุ่มผู้ใช้บริการรายย่อยและกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้รับบริการทางการเงินอย่างเพียงพอและเหมาะสม (Underserved) หรือกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (Unserved)”

หวังว่าในทางปฏิบัติ ธปท.จะกำหนดหลักเกณฑ์ และการประเมินผลไว้อย่างเข้มงวด ชัดเจน และจริงจัง

 

ผมเคยตีความสาระข้างต้นไว้ เป็นไปได้ว่า ธปท.ส่งสัญญาณว่าระบบธนาคารไทย ควรมี “ผู้เล่นหน้าใหม่” บ้าง แต่เท่าพิจารณารายชื่อผู้ยื่นคำขอ ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

เมื่อพิจารณาดูรายชื่อผู้ยื่นขอจัดตั้งธนาคารไร้สาขา ปรากฏเกี่ยวข้องกับเครือข่ายธนาคารดั้งเดิมไม่น้อย ใน 5 รายนั้น มีธนาคารใหญ่อยู่ด้วยถึง 3 แห่ง แรงจูงใจทางธุรกิจของธนาคารทั้งสาม เป็นคำถามที่น่าสนใจ เบื้องต้นเท่าที่เข้าใจ โมเดลธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่เดิม สามารถให้บริการทั้งผ่านช่องทางดิจิทัล และกำหนดลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ที่เรียกว่า SMEs Underserved และ Unserved ได้อยู่แล้ว

ส่วนพันธมิตร คือบรรดาธุรกิจที่มีเครือข่ายลูกค้าเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในระบบ ทั้งบริการสินค้าหลากหลาย ผ่านช่องทางดิจิทัล หรือมีสาขาเชิงภูมิศาสตร์จำนวนมาก ดูเหมือนเน้นใช้คุณสมบัติข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการเป็นธนาคารไร้สาขา อาจสะท้อนแนวคิดหนึ่งซึ่งกระชับมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ท่ามกลางภาวะครอบงำโดยเครือข่ายรายใหญ่ที่มีมากขึ้นๆ

ที่สำคัญกว่า ธุรกิจเหล่านั้น ล้วนมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจใหญ่เพียงไม่มีราย นับวันจะมีอิทธิพลมากขึ้นๆ ในสังคมไทย หลายๆ กรณีอยู่ในโครงสร้างธุรกิจที่มีการแข่งน้อยราย และอีกหลายกรณีมีความสัมพันธ์กับระบบสิทธิประโยชน์ หรือระบบสัมปทานจากรัฐอยู่แล้ว

 

ภาพข้างต้น สะท้อนสังคมไทยในเวลานี้

มิติแรก-เครือข่ายธุรกิจใหญ่อันทรงอิทธิพลในสังคมไทย โลดแล่นอย่างไม่หยุดยั้ง

อีกมิติ-เครือข่ายธุรกิจใหญ่เหล่านั้น ล้วนมีประสบการณ์อันอุดม ว่าด้วยการจัดการสายสัมพันธ์กับโครงสร้างสังคมไทยที่เห็นและเป็นมา

ว่าไปแล้ว กรณีนี้มีมุมมองเชิงบวกอยู่ด้วย

เครือข่ายธุรกิจใหญ่ มีพลังอันเข้มแข็ง ย่อมเผชิญแรงเสียดทานได้ดี จึงดูเหมาะสมพอสมควร เป็นผู้บุกเบิกให้ธนาคารไร้สาขาเกิดขึ้นได้จริงในสังคมไทย พร้อมกันนั้น มีความได้เปรียบ ว่าด้วยโอกาสและความสามารถในการแสวงหาความรู้ทางธุรกิจจากพันธมิตรในระดับโลก เกี่ยวกับธนาคารไร้สาขา ถือเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย

ทั้งนี้เชื่อว่า ทั้ง 5 รายมีประสบการณ์และความสามารถที่จะก้าวข้ามจากธุรกิจที่มีการแข่งขันน้อยราย จากธุรกิจได้รับสิทธิพิเศษและการปกป้องบางมิติบางระดับจากรัฐ สู่โครงสร้างทางธุรกิจที่แข่งขันกันอย่างเต็มที่ และเข้มข้นมากขึ้นได้

อีกด้านหนึ่ง มีแรงจูงใจและความสามารถในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างกว่าเดิม

จากฐานลูกค้า ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

มีความจำเป็นเข้าถึงบริการพื้นฐาน โดยเฉพาะการเงิน และสื่อสาร ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นระบบสาธารณูปโภคของสังคมสมัยใหม่ สู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น ด้วยแผนการทางธุรกิจเชิงรุกกว่าเดิม

โดยเฉพาะพยายามเข้าถึงผู้อยู่ชายขอบบริการทางการเงิน อย่างที่เรียก “Underserved” และ “Unserved”

เชื่อว่า ธนาคารไร้สาขาในสังคมไทย จะเกิดขึ้นจริง เร็วกว่าไทม์ไลน์ หาก ธปท.ไฟเขียวทีเดียวทั้ง 5 ราย