ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มกราคม 2568 |
---|---|
คอลัมน์ | อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ |
ผู้เขียน | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ |
เผยแพร่ |
Oxymoron
การสำรวจความซับซ้อนของมนุษย์
ผ่านภาพวาดคนครึ่งสัตว์ โดย ตะวัน วัตุยา
ในตอนนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนิทรรศการล่าสุดของศิลปินคนโปรดของเรา
ศิลปินผู้นี้มีชื่อว่า ตะวัน วัตุยา ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยผู้มีชื่อเสียงในระดับสากล
จากผลงานภาพวาดสีน้ำมันและสีน้ำ สีสันจัดจ้าน ฝีแปรงเลื่อนไหล ฉับไว ไร้กรอบและกฎเกณฑ์ ที่จับเอาลักษณะเฉพาะตัวของบุคคลต่างๆ หลากหลายถ่ายทอดออกมาได้อย่างเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึก
รวมถึงตีแผ่ยั่วเย้าความเป็นไปในสังคม ทั้งของไทยและของโลกได้อย่างแสบสันต์
ในคราวนี้ ตะวันมีนิทรรศการแสดงเดี่ยวของเขาในจังหวัดเชียงใหม่ ในชื่อ Oxymoron ที่เชิญชวนให้ผู้ชมสำรวจความซับซ้อนของมนุษย์ผ่านผลงานศิลปะที่ผสมผสานความงามและความรุนแรง
ตะวันถ่ายทอดมุมมองต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ผ่านภาพสิ่งมีชีวิตลูกผสม ครึ่งคนครึ่งสัตว์ สะท้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ทั้งในโลกแห่งความจริงและจินตนาการ และเป็นการตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งที่เปราะบางระหว่างผู้พิทักษ์และผู้กดขี่
นิทรรศการยังตั้งคำถามถึงศีลธรรมและความรุนแรงที่ฝังลึกในจิตใจมนุษย์ และความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
ผลงานในนิทรรศการนี้ของตะวัน ไม่เพียงแต่ท้าทายขอบเขตของศิลปะ
แต่ยังกระตุ้นให้ผู้ชมทบทวนตัวตนของตนเองและความสัมพันธ์กับโลกในมุมมองใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ระหว่างสัญชาตญาณดิบที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติและความพยายามแยกตัวออกจากธรรมชาติผ่านอารยธรรมและเทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น
ตะวันกล่าวถึงที่มาที่ไปของนิทรรศการครั้งนี้ของเขาว่า
“เริ่มต้น พอเราตกลงใจว่าจะแสดงงานที่ Gallery Seescape เราคิดว่าอยากจะทำงานจิตรกรรมขนาดใหญ่สักชิ้นหนึ่งติดตั้งในพื้นที่แสดงงานที่นี่ หลังจากเราไปเป็นศิลปินพำนักในฝรั่งเศส พอดีงานชุดที่เราทำที่ฝรั่งเศสเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาพของคนกับสัตว์ผสมกัน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตำนานของครึ่งคนครึ่งสัตว์ในยุคกลาง”
“พอเรากลับจากฝรั่งเศส เราก็อยากจะพัฒนาคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นอีก ด้วยความที่เราเริ่มสนใจ AI (ปัญญาประดิษฐ์) คือในช่วงประมาณปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ คนเริ่มใช้โปรแกรม AI สร้างรูปภาพกันเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างภาพถ่ายทั้งเก่าและใหม่ หรือสร้างออกมาเป็นภาพการ์ตูนกันทั้งนั้น พอเราจะเล่นกับ AI เราก็สังเกตเห็นว่ามันมีความบกพร่องอยู่ ถึงแม้มันจะค่อยๆ สมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไร ยังมีข้อบกพร่องอีกเยอะ ยกตัวอย่างเช่น AIที่สร้างภาพคนออกมามีนิ้วมือหรือแขนมากเกินจริง หรือใบหน้าบิดเบี้ยว ภาพซ้อนออกมาให้เห็น”
“เราก็เลยสนใจความบกพร่องที่ว่านี้ อย่างในช่วงแรกที่เราลองเล่นกับ AI เราก็พยายามสั่งให้มันทำอะไรที่ผิดพลาด ซึ่งเป็นการต่อสู้กันระหว่างเรากับ AI เพราะ AI ถูกโปรแกรมให้ทำในสิ่งที่สมบูรณ์แบบ”
“เราก็ใช้เวลาเรียนรู้ AI จนเราเริ่มใช้มันทำในสิ่งที่เราต้องการได้ หลังจากนั้นก็วกกลับมาในคอนเซ็ปต์ที่เราสนใจ คือการผสมกันระหว่างคนกับสัตว์ นอกจากนี้ในผลงานชุดนี้ เรายังมุ่งเน้นในการสำรวจประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกตอนนี้อย่างสงคราม เราก็ใช้วิธีเดียวกันกับตอนที่เราทำนิทรรศการก่อนหน้า (ชั่วฟ้าดินสลาย) คือการทำงานโดยไม่มีการร่างภาพ แต่ใช้วิธีด้นสด (Improvisation) และหยิบเอาองค์ประกอบจากภาพต่างๆ มาติดปะผสมผเสกัน แต่ภาพต้นแบบนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดย AI ทั้งหมด ทำให้นอกจากภาพแล้ว ในภาพวาดก็จะมีถ้อยคำและภาษาผสมปนเปอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำที่อ่านไม่ออก”
“ช่วงที่เรากำลังพัฒนาผลงานชุดนี้ เราร่วมแสดงผลงานในนิทรรศการระดมทุน BACC GALA 2024 ‘REFLECTION’ ซึ่งเป็นภาพวาดทหารผสมกับสุนัข เราเลยทำงานต่อเนื่องมาในงานชุดนี้ โดยเลือกสัตว์แทบจะชนิดเดียวคือ ‘สุนัข’ โดยทำออกมาเป็นภาพของสุนัขผสมกับร่างกายของคน สวมชุดลายพรางแบบทหาร”
“เพราะเรามองว่าทั้งสองสิ่งนี้มีความพ้องกันตรงที่ สุนัขเป็นสัตว์ที่ถูกนำไปใช้ในการสงครามมากที่สุด สุนัขยังเป็นสัตว์ที่ถูกฝึกฝนให้ทำตามคำสั่ง เราเลยคิดว่ามันตอบโจทย์ในการที่เราให้สุนัขอยู่รวมกับสัญลักษณ์ทางการทหารอย่างเครื่องแบบ หรืออาวุธสงครามอย่าง รถถัง เครื่องบินรบ”
“แต่ในภาพก็มีความผิดเพี้ยน กลับหัวกลับหาง บิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริงแฝงอยู่ ซึ่งแทนภาพของโลกในปัจจุบันที่มีความวิปริต บิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนในความรู้สึกของเรา”
“เวลาเราทำงานกับ AI เรายังใส่คีย์เวิร์ดเกี่ยวกับการ์ตูนอเมริกันเข้าไปด้วย เพราะเราคิดว่า นอกจากสหรัฐอเมริกาจะส่งทหารและสายลับไปทั่วโลกแล้ว อเมริกายังใช้ซอฟต์เพาเวอร์อย่างการ์ตูนเหล่านี้ส่งออกไปทั่วโลกด้วย ถ้าเราสังเกตดูการ์ตูนในหลายประเทศ เราก็จะพบว่ามีต้นทางจากการ์ตูนอเมริกันทั้งนั้น”
“เราสังเกตมานานแล้วว่า อเมริกันพยายามใส่แนวคิดบางอย่างลงในสื่อเหล่านี้ ไม่ว่าจะในการ์ตูนหรือภาพยนตร์ ด้วยการจงใจสร้างผู้ร้ายให้เป็นคนอื่น ทั้งรัสเซีย จีน ตะวันออกกลาง เหมือนเป็นการใส่สารแอบแฝงให้คนมองว่าใครคือพระเอก ใครคือผู้ร้ายอยู่ตลอดเวลา ผ่านซอฟต์เพาเวอร์เหล่านี้”
นอกจากซอฟต์เพาเวอร์อย่างการ์ตูนอเมริกันแล้ว ตะวันยังใส่ภาพของว่าที่ผู้นำสหรัฐอเมริกาคนล่าสุด ผู้เป็นตัวแทนของฝ่ายขวาจัดสุดโต่ง อย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ลงไปด้วย
“ใจจริงเรากะจะวาดเขาอยู่แล้ว เพราะเราคิดว่าเขามาแน่นอน ตั้งแต่ตอนตามข่าวการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ พอเขามาเราก็ใช้ AI สร้างภาพของเขาขึ้นมา โดยใส่คีย์เวิร์ดชื่อเขาลงไป ที่เราเลือกภาพนี้มาใช้เพราะดูเหมือน เจมส์ บอนด์ ดี”
ผลงานที่โดดเด่นที่สุดในนิทรรศการนี้คือภาพวาดสีอะคริลิคบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ยาว ที่กินพื้นที่เต็มความยาวของห้องแสดงงานใน Gallery Seescape ที่แสดงภาพอันสับสนวุ่นวายของสงคราม และเหล่าบรรดาคนครึ่งสัตว์จำนวนมากกำลังรบราฆ่าฟันกันอยู่
“ภาพวาดขนาดใหญ่ชิ้นนี้สามารถมองให้เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เรื่องราวหนึ่ง หรือแม้แต่เป็นโลกใบหนึ่งก็ได้ เพราะว่ามีตัวละคร เรื่องราว และเหตุการณ์หลายๆ อย่างรวมกันอยู่ในภาพวาดภาพนี้”
“ถ้าสังเกตในนิทรรศการที่ผ่านๆ มาของเรา จะเห็นว่าเราชอบวาดภาพยาวๆ ซึ่งเราได้แรงบันดาลใจมาจากการไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังหิน ในปราสาทนครวัด ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา และผลงานภาพวาดขนาดยาวใหญ่ของ เดวิด ฮอกนีย์ (David Hockney) (ซึ่งอันที่จริงก็น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากงานจิตรกรรมของเอเชียอีกทีหนึ่งเช่นกัน)”
“ผลงานชิ้นนี้ในนิทรรศการนี้ เราใช้วิธีการจัดองค์ประกอบแบบจิตรกรรมฝาผนังไทย ผสมกับงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ของฮอกนีย์นั่นเอง”
นอกจากผลงานชิ้นใหญ่ยาวที่เป็นชิ้นหลักแล้ว ในนิทรรศการนี้ยังมีผลงานจิตรกรรมสีน้ำบนกระดาษขนาดย่อม จัดแสดงทั้งในห้องแสดงนิทรรศการ และพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของ Gallery Seescape อย่างสำนักงานของหอศิลป์ และร้านอาหารในหอศิลป์อีกด้วย
“พอดีก่อนที่เราจะวาดภาพชิ้นใหญ่ มีงานขนาดเล็กกว่าที่เราทำขึ้นมาในคอนเซ็ปต์เดียวกัน แต่เป็นตัวละครโดดๆ ที่ไม่ได้เอามารวมกันเป็นชิ้นเป็นอัน เราก็เลยคิดว่า เราสามารถเอาตัวละครเหล่านี้ไปกระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ของ Gallery Seescap ทั้งสำนักงานและร้านอาหาร เพื่อให้งานชิ้นเล็กเหล่านี้สามารถไปอยู่ในพื้นที่ส่วนที่เหลือได้”
เมื่อมองจากเนื้อหาและแนวคิดของนิทรรศการนี้ เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าตะวันมีทัศนคติต่อโลกในยุคปัจจุบันอย่างไรบ้าง
“ถ้าถามเรา เรามองว่าโลกในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยมีความหวังเท่าไร เรารู้สึกว่ามันโกลาหล ยุ่งเหยิง สับสน คาดเดาไม่ได้ เราไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรต่อไป ทุกอย่างดูกลับหัวกลับหาง ปนเปกันจนเละเทะ ยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนตัวหนังสือที่อ่านอะไรไม่ออกในภาพวาดของเรานั่นแหละ”
“แต่งานชุดนี้เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเวลาในยุคปัจจุบันเสียทีเดียว เราคิดว่าอยากจะให้คนดูรู้สึกคลับคล้ายคับคลา ไร้เวลานิดหนึ่ง เราเลยใส่ข้าวของที่ดูเหมือนมาจากอดีต และอนาคตปะปนกัน มีสิ่งของที่ดูเหมือนวาดไม่ค่อยเสร็จ มีสิ่งที่ดูเสร็จสมบูรณ์ ถ้าสังเกตดู จะเห็นว่าเราพยายามใช้ความบกพร่อง ผิดพลาดของ AI ทั้งลักษณะของการจับปืน เครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์ที่หลอมรวมตัวกัน หรือปืนกับมีดที่ถูกผสมผสานเข้าด้วยกัน อยากให้มีความแปลกประหลาดอยู่นิดๆ”
“เรามองว่า AI เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง แต่เราใช้มันตรงกันข้ามกับที่คนอื่นใช้ คนอื่นอาจจะใช้ AI สร้างความสมบูรณ์แบบ แต่เราใช้ AI เพราะความผิดพลาดของมัน เราชอบความผิดพลาดเหล่านี้ เราว่ามันดูตลกดี”
นิทรรศการ Oxymoron โดย ตะวัน วัตุยา และภัณฑารักษ์ เซบาสเตียน ตา-ยาค (Sébastien Tayac) จัดแสดงที่ Gallery Seescape นิมมานเหมินทร์ ซอย 17 ถนนสุเทพเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2567-16 กุมภาพันธ์ 2568 (จัดแสดงทุกวันยกเว้นวันจันทร์)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : galleryseescape อีเมล [email protected] โทรศัพท์ 09-3831-9394
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Gallery Seescape •
อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ | ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022