ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 มกราคม 2568 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ |
เผยแพร่ |
วันจันทร์ 22 พฤษภาคม 2532
ประชุมขั้นเงินเดือนความดีความชอบประจำปีของรองสารวัตร
ผลปรากฏว่า
อันดับ 1 หาดใหญ่ 62 ร.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
อันดับ 2 หาดใหญ่ 24 ร.ต.ท.ปรีชา อุบล
อันดับ 3 หาดใหญ่ 31 ร.ต.อ.ดำรัส วิริยะกุล
อันดับ 4 หาดใหญ่ 33 ร.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล
เป็นการพิจารณาในระดับโรงพัก แต่เมื่อไปพิจารณาระดับกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ผมกลับไม่ได้ มีคนอื่นมาแทรก
ผมควรจะได้รับเพราะเป็นอันดับ 1 ของโรงพัก แต่มีนักวิ่ง วิ่งปาดหน้าเอาขั้นเงินเดือน 2 ขั้นของผมไป
ผมรู้สึกโกรธและเสียใจ และผิดหวังตัวผู้บังคับบัญชาในระดับจังหวัดเป็นอย่างมาก ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับผม
แต่ผมยังมีช่องทางที่จะขอ 2 ขั้นได้จาก ศอ.บต. หรือศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นอยู่กับการวิ่งเต้น อยู่เฉยๆ ไม่มีทางได้
ผมตัดสินใจบากหน้าวิ่งไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือและให้ความช่วยเหลือผมหลายคน และในที่สุดผมก็ได้ขึ้นเงินเดือน 2 ขั้นจาก ศอ.บต.จนได้ แต่ต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินทองเพื่อซื้อสิ่งของไปเยี่ยม ทั้งต้องตกเป็นหนี้บุญคุณไม่รู้จบสิ้น
ขั้น ศอ.บต.ถือเป็นขั้นวิ่งเต้น เป็นประสบการณ์การวิ่งเต้น
วันอังคาร 8 สิงหาคม 2532
ผมมีรายชื่ออยู่ในประกาศที่ได้รับขั้นเงินเดือนเพิ่มขึ้น 2 ขั้นจาก ศอ.บต. ถ้าผมไม่วิ่งก็จะยิ่งเสียเปรียบพวกนักวิ่ง ที่ไม่ค่อยทำงานเอาแต่ประจบสอพลอเจ้านายที่ให้คุณให้โทษได้ แล้วพวกนี้ก็จะมาปกครองบังคับบัญชาพวกผมที่ทำงานแทบตาย
คนพวกนี้ ผมสามารถชี้ได้เลยว่า แต่ละคนมีใครบ้าง มีประวัติการทำงานเป็นมาอย่างไร เมื่อมาเป็นผู้บังคับบัญชาจึงยัดเยียดความคิดแบบโง่ๆ ในการทำงานของตัวเองที่ตัวเองคิดว่าดีเลิศให้คนอื่น
การวิ่งของผมก็เพื่อป้องกันสิทธิของตัวเองที่ควรจะพึงได้ ไม่ได้ไปเอาเปรียบใคร
วันเสาร์ 26 สิงหาคม 2532
เวลา 09.00 น. ประชุมที่ สภ.อ.หาดใหญ่ โดย พ.ต.ท.เขจร ศิริวรรณ สวญ.สภ.อ.หาดใหญ่
1. กระทรวงมหาดไทย ออกแผนการกวาดล้างอาชญากรรม ดังนั้น จึงห้ามนายตำรวจออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2532 ยกเว้นเป็นรายๆ ไป และต้องเสนอถึงกองบังคับการ
2. ให้เร่งจับกุมอาวุธ และมีการตั้งจุดตรวจ
3. เมื่อมีการจับกุมอาวุธสงครามได้ ให้รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมตำรวจ
4. บัตรสนเท่ห์ต่อไปนี้ กระทรวงมหาดไทยจะไม่พิจารณาอีกต่อไป และหากมีการร้องเรียนไม่จริง พล.ต.ท.แสวง ธีระสวัสดิ์ รอง อ.ตร. เสนอให้สืบสวนและดำเนินคดีผู้ร้องด้วย
5. แผนภูมิของมหาดไทยต้องมี รวมทั้งนาฬิกาอาชญากรรม
6. ผลงานการกวาดล้างอาชญากรรม ให้ออกทีวีด้วย
7. รองสารวัตร เดินทางออกนอกพื้นที่ไม่แจ้งให้ทราบ การไปราชการต้องเสนอก่อน 3 วัน
8. การตั้งข้อหาที่เกินกว่าความเป็นจริง ไม่ให้ปฏิบัติ
9. การให้รายงานชี้แจงกรณีไม่ไปจุดตรวจ ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง
10. ร้อยเวรสอบสวน มีหนังสือเตือนจากต่างหน่วยให้รีบจัดการ
11. การใช้คำพูดกับประชาชนที่มาติดต่อ ต้องเหมาะสม สุภาพ
ผมยังเข้าร้อยเวรสอบสวนคดีจราจรมาอย่างต่อเนื่อง
สิ้นสุดปี พ.ศ.2532
ผมทำหน้าที่เป็นนายร้อยเวรสอบสวนคดีจราจร รับผิดชอบคดีจำนวน 56 คดี
เป็นคดีอุบัติเหตุจราจร 28 คดี
สั่งฟ้อง 24 คดี สั่งไม่ฟ้อง 4 คดี
คดี พ.ร.บ.รถยนต์ และ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก 28 คดี สั่งฟ้องทุกคดี
คดีอุบัติเหตุ มีบางคดี คู่กรณีตกลงค่าเสียหายกันเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่า เมื่อกลับไป ตอนกลางคืน คู่กรณีมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง เนื่องจากมีเลือดคั่งในสมอง เมื่อนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการผ่าตัด แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ และเสียชีวิตในที่สุด เมื่อผลเป็นเช่นนั้น จึงต้องกลับมาดำเนินคดีกันใหม่ และบางคดี จะรีบร้อนเจรจาตกลงกันให้เสร็จๆ ไป จะทำไม่ได้ เพราะจะเป็นเช่นคดีที่มีการตายหลังวันเกิดเหตุ บางครั้งต้องรอเวลา นายร้อยเวรสอบสวนคดีจราจร เมื่อเข้าเวรไปนานๆ จะเกิดความชำนาญ และคาดการณ์สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ทำให้มีความรอบคอบในการทำคดี และสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
เมืองไทยอากาศร้อนอบอ้าว แดดจัดมาก และแสงแดดเมื่อสาดส่องมายังเครื่องแบบที่สวมใส่อยู่ มันแทงทะลุเนื้อผ้า จนผิวหนังยังรู้สึกแสบ เวลาไปตรวจที่เกิดเหตุ ที่มีสภาพอากาศที่ร้อนแทบลุกเป็นไฟ จนเกิดเปลวแดดระยิบระยับบนผิวถนนลาดยางแอสฟัลต์ เปลวความร้อนมันเผาให้เป็นจุลได้เลย
ในขณะที่แต่งเครื่องแบบนายร้อยเวรคดีจราจร ภายในชุดเครื่องแบบนั้นจึงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ บางครั้งมีมากจนเม็ดเหงื่อซึมออกมาเปียกทั่วแผ่นหลังของชุดเครื่องแบบสีกากี
ดังนั้น จึงต้องปรับตัวให้คุ้นเคยและเข้าได้กับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ เมื่อกลับเข้ามาในห้องร้อยเวรที่โรงพัก ซึ่งมีเครื่องปรับอากาศพอจะทำให้เหงื่อที่โทรมกายมานั้น เหือดแห้งไปได้บ้าง ก็ต้องรีบไปที่เกิดเหตุอีก เมื่อได้รับแจ้งทางวิทยุจากศูนย์ 1 ว่ามีเหตุรถชนรายใหม่เกิดขึ้น สภาพร่างกายของร้อยเวร จึงมีทั้งเปียกเหงื่อ เดี๋ยวเจอร้อน แล้วกลับมาผ่อนคลายให้เย็นสบายตัวหน่อย ก็ต้องกลับออกไปร้อนอีก
และในการแต่งตั้งตำรวจประจำปีที่ผ่านมา เพื่อนในรุ่นมีความก้าวหน้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรกันหลายคนแล้ว ตำแหน่งที่ดูแล้วรับประกันว่าจะทำให้ก้าวหน้าที่สุด และงานรับผิดชอบน้อยไม่เสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น คือ ตำแหน่งนายเวร หรือ นว. ที่ดูแลเฉพาะผู้บังคับบัญชาคนเดียว
คนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารกรมตำรวจ ส่วนใหญ่จะมาจากตำแหน่งนายเวร
คนที่เติบโตด้วยฝีมือตัวเองจริงๆ ล้วนๆ หายากมาก เพราะงานตำรวจเป็นงานตรากตรำ การเข้าเวรเป็นเวลานานหลายๆ ปี ไม่ใช่แค่ปีหรือสองปี จึงต้องมีความอดทนสูง ต้องมีความรับผิดชอบ มีโอกาสเกิดความผิดพลาดแค่ชั่วพริบตาเดียว มีการบ้าน เป็นงานติดพัน ถ้าหลงลืม อาจติดคุกแทนผู้ต้องหา
ถูกควบคุมแทบจะกระดิกตัวไม่ได้ ไม่เป็นอิสระ แม้จะไปอยู่ที่ไหน ก็จะถูกหมายเรียกให้ไปเป็นพยานศาล
เมื่อจิตใจไม่เข้มแข็ง ความอดทนและอึดต่อการทำงานมีน้อย จึงเลือกทางอื่นที่สบายกว่า ดูจะเป็นช่องทางลัด จนเป็นยุคทองของคนเหล่านี้ ที่ดาหน้ากันขึ้นมาเป็นผู้นำในการบริหาร คนแล้วคนเล่า จากกรมตำรวจ เป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนเละเทะคามือต่อหน้าต่อตาประชาชนทั้งประเทศ และก็จะเป็นอยู่อย่างนี้
หลายคนเป็นลูกท่านหลานเธอ มีเส้นทางลัด ที่ราบเรียบไม่ต้องไปเข้าเวรให้มันลำบาก ไม่ต้องทำสำนวนให้เจ็บหัว
เส้นทางนี้เป็นพิมพ์นิยม ของตำรวจมีเส้น พวกนี้เมื่อได้ดี และไม่รู้จริง จึงมักมีคำพูดโง่ๆ ออกจากปากและมักจะมีคำพูดเย้ยหยันฝ่ายสอบสวนว่า ทำงานแต่ในห้องแอร์ ไม่เหมือนกู เสี่ยงตายจับผู้ร้าย
การเป็นนายร้อยเวรสอบสวน อยู่ตามโรงพักที่มีคดีเกิดขึ้นมากมายในแต่ละเวร จะต้องแก้ปัญหาที่ยุ่งยาก และจัดการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ทั้งต้องทันต่อเวลา ไม่ล่าช้า ต้องใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถมากมาย ต้องเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และประสานกับศาล อัยการ ฝ่ายปกครอง เรือนจำ โรงพยาบาล หรือเอกชน ที่จะต้องมีเรื่องราวเข้าไปเกี่ยวข้อง
หากปล่อยปัญหาทิ้งไว้จะยิ่งพอกพูนเป็นดินพอกหางหมู ปัญหาจะยิ่งพะรุงพะรัง และกลับมาพันตัวนายร้อยเวรสอบสวน นายตำรวจที่ไม่อดทน ไม่ขยันหมั่นเพียร หรือถ้าไม่มีความรู้มากพอ และเป็นคนที่ไม่มีระเบียบวินัย ในชีวิตส่วนตัว จะหาทางหลีกเลี่ยงไม่เข้าเวร หรือเปลี่ยนสายงาน และยิ่งเป็นคนมีเส้น ก็ไม่ยากที่จะย้ายไปที่สบายกว่า และเมื่อไปศึกษาชีวิตผู้นำตำรวจ มีน้อยคนมากที่จะผ่านการทำงานของตำรวจจริงๆ ซึ่งต้องเข้าเวรรับเรื่องราวความทุกข์ของประชาชน
เมื่อเอาคนที่ไม่เคยต้องลำบากในการเข้าเวรสอบสวนมาเป็นผู้นำ จึงไม่รู้ปัญหา ถึงรู้ก็ไม่ละเอียดลึกซึ้ง ปัญหาจึงยิ่งหมักหมม
ปี พ.ศ.2533 เป็นปีที่จะต้องไปอบรมเพิ่มพูนความรู้
ผมยังคงจมปลักอยู่กับการเข้าร้อยเวรสอบสวนคดีจราจรเป็นงานหลัก ไปที่เกิดเหตุรถชนตลอด บางครั้งระหว่างเข้าเวร มีคนตกรถ ไม่มีเงินกลับบ้าน ก็เดินเข้ามาขอเงินตำรวจดื้อๆ เพื่อเป็นค่ารถกลับบ้าน
ผมเห็นใจก็ควักเงินให้เป็นค่าเดินทาง
หรือเมื่อก่อนผมทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ รถประจำทางบ้าง หรือรถบรรทุกบ้าง ฝากคนเหล่านี้ให้ส่งกลับไปให้ถึงบ้าน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022